เชียงใหม่-รำลึกถึงผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม

ประวัติคุณตาแจ็ค หรือ นายจรินทร์ เบน
......เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2464 (หากคุณตามีอายุอยู่ถึงวันนี้ คุณตาจะมีอายุถึง 100 ปีทีเดียว และก้าวเข้าสู่ปีที่ 101 ปี)
ในที่ดินเก่าของ บริษัทบริติชบอร์เนียว จำกัด (British Boneo Company, Ltd.) 
และบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าจำกัด เลียบลำน้ำปิง ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 



ซึ่งต่อมาคุณพ่อของตาแจ็ค (Mr. William Bain) ได้ซื้อที่ดินนั้นต่อจากทั้งสองบริษัท 



และตั้งเป็น BAIN COMPOUND สร้างครอบครัวสกุล "เบน" ในประเทศไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมา

......ต่อมาตาแจ็คอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 78/4 ซอย 2 ถนนบำรุงราษฎร์ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่



......ตาแจ็คเป็นบุตรคนที่ 3 ของคุณพ่อวิลเลี่ยม เบน (Mr. William Bain) และคุณแม่จันทร์เป็ง เบน มีพี่น้องทั้งหมด 4 คนด้วยกันคือ
1. นางสาวจันทรา เบน (ป้าแอน) 
2. นางกฤษณา ประจนปัจจนึก (ป้าสาลี่) สมรสกับนายพิพิธ ประจนปัจจนึก 
3. นายจรินทร์ เบน (ตาแจ็ค) สมรสกับ นางคำมูล เบน 
4. นายวินัย เบน (ตาหลี) สมรสกับ นางลำดวน เบน

ตาแจ็คสมรสกับยายคำมูล เบน มีบุตรรวม 4 คนด้วยกันคือ
1. นางปราณี อัศเวศน์ สมรสกับ คุณเฉลิม อัศเวศน์ มีบุตรสองคน คือ นายปภาณ อัศเวศน์ และ นางสาวกชนก อัศเวศน์
2. นายปรีชา เบน (ปัจจุบันถึงแก่กรรมแล้ว) สมรสกับนางสันศนีน์ กัลป์มาพิจิตร มีบุตรหนึ่งคน คือ นายเดชา เบน
3. นางประนอม เฉินบำรุง สมรสกับ นายสมจิต เฉินบำรุง มีบุตรสามคน คือ นางสายนที เกาะแจ่มใส นางสาวสายสกุล เฉินบำรุง และนายสืบพงศ์ เฉินบำรุง
4. นางประณีต เชิดจารีวัฒนานันท์ สมรสกับ คุณพงษ์ศักดิ์ เชิดจารีวัฒนานันท์ บุตรสามคน คือ นางสาวนริสา เชิดจารีวัฒนานันท์ นางสาวนลิน เชิดจารีวัฒนานันท์ และนายณัฐวัตร เชิดจารีวัฒนานันท์

......ชีวิตของ "ตาแจ็ค" ตั้งแต่แรกเริ่มกระทั่งสิ้นสุดลงเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจและเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ ในช่วงที่ประเทศอังกฤษเข้ามาค้าไม้กับประเทศไทย
......ตาแจ็ค เปรียบเป็นประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นบุคคลรุ่นสุดท้ายที่ยังจดจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี ชีวิตของคุณตาและบริษัท บริติช บอร์เนียว จำกัด (British Borneo Company, Ltd.) โดยเฉพาะในยุคหลัง เป็นเรื่องราวสำคัญที่คนรุ่นหลานอย่างเราๆ ควรศึกษา
......คุณตาเป็นบุคคลประเภทที่เรียกว่า เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ตอนเป็นเด็กก็มีชื่อเสียง ตอนเป็นหนุ่มก็มีชื่อเสียง แต่ตอนแก่ชราแล้วกลับยิ่งมีชื่อเสียงมากกว่า หลายท่านที่มีโอกาสได้พูดคุยและสัมภาษณ์ตาแจ็คต่างประทับใจเรื่องราวของคุณตาและเรื่องราวของกิจการไม้สักของ บริษัท บริติช บอร์เนียว จำกัด ในเมืองไทย เรื่องราวของคุณทวดที่ผู้คนสมัยนั้นต่างเรียกว่า นายห้องบอร์เนียว (Mr. William Bain) และเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ วิถีชีวิต ค่านิยม เรื่องผู้คน และสังคมในยุคสมัยนั้น ฯลฯ

ภาพกิจกรรมการทำไม้ทางภาคเหนือ โดยบริษัทบอร์เนียวฯ

......ชีวิตของคุณตาแจ็ค ไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่เลย ตั้งแต่อายุได้ 7 ขวบ ตอนแรกเลย เมื่ออายุยังน้อยกว่า 7 ขวบ 
ตาเป็นนักเรียนโรงเรียนดาราใต้ อยู่ที่เชิงสะพานนวรัฐ เวลานั้นเขาเรียกโรงเรียนดาราใต้ 
เป็นโรงเรียนของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี

ภาพสถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนดาราใต้ ปัจจุบันก็คือ คริสต์จักรที่ 1 


พออายุ 7 ขวบ ก็ไปเป็นนักเรียนประจำ โรงเรียนปรินส์รอยแยลสวิทยาลัย (The Prince Royal's College)
เป็นนักเรียนประจำอยู่ที่นั่นเลยไม่ได้กลับบ้านจนจบ ม.6 


หลังจากนั้นความจริงจะไปเรียนเมืองนอกแล้ว ไปเรียนต่อ ไปอยู่กับป้าสาลี่ที่ฟิลิปปินส์ 
ตอนนั้นที่ฟิลิปปินส์มันใหญ่กว่าเมืองไทยเยอะเพราะเป็นเมืองขึ้นอเมริกา ดังนั้นมหาวิทยาลัยที่นั่นคนก็ไปกันเยอะ 
แต่ตอนนั้นมีคนแนะนำคุณทวด บอกว่ายังไม่ต้องไปต่างประเทศหรอก เพราะตอนนั้นคุณตายังเด็ก ให้ไปต่อแม่โจ้ 
เป็นโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตาแจ็คก็เลยไปอยู่ที่นั่น 2 ปี
......จนจะจบแล้ว ทำพาสปอร์ตอะไรหมดแล้วจะไปต่อเมืองนอกแล้ว 
ญี่ปุ่นก็บุกเข้ามาจับคุณทวดเลย ตอนนั้นก็เข้าสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี 
ตาแจ็คยังเป็นนักเรียนเตรียมอยู่ที่แม่โจ้ เลยตัดสินใจไปกับทหาร ไม่ยอมเข้าเรียนไปอยู่ชายแดน
ตอนนั้นทหารไทยเรากำลังจะรุกเข้าพม่าไป ตาแจ็คก็ไปอยู่กับทหารที่ฝางไปฝึกอาวุธให้พวกครูประชาบาลอะไรพวกนี้ 
พอตาแจ็คกลับมา คุณทวดไม่อยู่แล้ว ญี่ปุ่นจับคุณทวดใส่กุญแจมือขึ้นรถเก๋ง ว๊อกซ์ฮอล (VAUXHALL) ของคุณทวด 
เป็นรถเก๋งคันแรกของเมืองเชียงใหม่ มันเอาทั้งรถเก๋งทั้งคุณทวดไปเลย

......ตาแจ็คเลยไปทำงานอยู่ที่โรงงานยาสูบเชียงรายประมาณ 4-5 ปี จนสงครามเลิก 
พอสงครามเลิกตาแจ็คก็กลับมา ตอนนั้นเขาก็ปล่อยคุณทวดกลับมาบริษัทบอร์เนียว ก็กลับมาทำงานอย่างเดิม 
สภาพทุกอย่างตอนนั้นเหลือแต่บ้านกับที่ดินเท่านั้น ถึงญี่ปุ่นจะไม่ทำลายอะไร แต่ทรัพย์สมบัตินั้นเอาไปหมด หลังสงครามเขาก็ไม่ได้คืนให้

ภาพบ้านพักของผู้เข้ามาทำไม้ กลุ่มบริษัทบอร์เนียวฯ
สถานที่สร้างบ้านพัก ระบุเป็นดอยสุเทพ แต่ปัจจุบันได้รื้อทิ้งไปหมดแล้ว

......ตาแจ็คกลับมาทำงาน คุณทวดก็กลับมาทำงาน อ.อ.ป. (องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ไทย) 
คืนทั้งหมดที่ยึดไปจากบอร์เนียว คืนกลับมาให้หมด เพราะว่าตอนนั้นอังกฤษชนะสงคราม เขาก็คืนให้หมด 
แล้วลูกจ้างพม่าก็กลับมา มีหัวหน้าใหญ่รองจากคนอังกฤษเป็นชาวพม่า 2 คน ชื่อ หม่ององเส่ง กับ หม่องต่า เป็นเสมียนใหญ่ที่บอร์เนียว 2 คน 
เป็นต้นตระกูล "เลรามัน" เดี๋ยวนี้ก็ยังมี "เลรามัน" อยู่

......ตาแจ็คแม้จะเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่งและร่ำรวยในสมัยนั้น แต่ตาไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบาย 
หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษอย่างตายังต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย กว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายในบั้นปลาย 
ตามักเล่าเรื่องที่ต้องเผชิญกับความลำบากในวัยหนุ่ม ความคิดถึงพ่อแม่ พี่น้อง ที่ต้องพรากจากกันในช่วงสงคราม 
ต้องอดทนอดกลั้นในการทำงาน การเดินทางไกล การใช้ชีวิตในป่าลึก ฯลฯ รวมทั้งวิธีมองโลกให้มีความสุข 
เพื่อจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ชีวิตของตาจึงสนุก แปลก และน่าติดตาม 
ตามักจะยิ้มเสมอ และหัวเราะกับเรื่องราวต่างๆ ของตาในอดีต ญาติพี่น้องจะคุ้นเคยกันดีกับเสียงหัวเราะของตา 
ภาพตาแจ็ค ใส่เสื้อสีขาว บางครั้งนุ่งโสร่ง บางครั้งใส่กางเกงขาสั้นเดินไปกลับระหว่างบ้านและวัดเกตการามทุกวัน 
ชีวิตที่ผ่านไปของตาดำเนินไปตามวิถีทางที่เรียบง่าย ถ่อมตน ตามีน้ำใจ เข้ากันได้ดีกับชาวบ้าน 
แต่ในขณะเดียวกัน ตาก็เป็นคนที่ขยันขันแข็ง และทำงานหนักจริงๆ

สิ่งที่มองเห็นได้จากคุณตาแจ็ค ก็คือ ความภูมิใจต่อชีวิตที่ได้ฟันฝ่ามาทั้งหมด 
และความภูมิใจมากที่สุด คือเรื่องราวของความรักของตาแจ็ค เป็นสิ่งที่แข็งแรงที่สุดในทุกๆ ตอนของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นความรักที่มีต่อหน้าที่การงาน และต่อครอบครัว คุณตาแจ็คเป็นคนที่จริงใจ ทุ่มเท และรับผิดชอบมากที่สุด 
คุณตาเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ดีที่สุด เอาจริงเอาจังและใส่ใจในสิ่งที่ได้ลงมือทำ

นั่นจึงทำให้คุณตาแจ็คในช่วงอายุราว 80 กว่าๆ ได้ทุ่มเททำพิพิธภัณฑ์วัดเกตการามขึ้น 
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบแทนคุณให้แก่ชุมชนวัดเกตการาม
นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเมื่อมีเพื่อนฝูง ญาติมิตรรวมทั้งมีผู้เห็นด้วยมากมาย ให้ความร่วมมือกันสร้างพิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม 
โดยมีคุณตาแจ็คเป็นผู้ริเริ่ม จนกระทั่งทำสำเร็จ


หลังจากสร้างเสร็จ พิพิธภัณฑ์วัดเกตการามก็มีทั้งคนไทย คนต่างชาติ สื่อมวลชนทั้งไทยและเทศ ให้ความสนใจมากมาย 
คุณตาแจ็คและพิพิธภัณฑ์วัดเกตการามได้ออกทีวี ทั้งของคนไทย ต่างชาติ ได้ลงหนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต 
และพิพิธภัณฑ์วัดเกตการามยังได้มีโอกาสรับเสด็จ พระเจ้าหลานเธอฯ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ที่เสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์ 
ยังความปลื้มปีติมาสู่ชุมชนวัดเกตการามยิ่งนัก

......ตาแจ็คมีอายุยืนยาวมาถึง 92 ปี ตายังแข็งแรงเดินไปมา มีสติสัมปชัญญะเป็นเลิศ 
จะมีป่วยบ้างเล็กน้อยไปหาหมอได้รับยามาทาน ไม่นานก็อาการดีขึ้น 
จนกระทั่งวันที่ 18 มกราคม 2556 คุณตาปวดท้องและอาเจียน ตาจึงต้องเข้ารับการรักษาอาการในโรงพยาบาลลานนา 
ลูกหลานต่างไม่คาดคิดว่าจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของตาแจ็ค เพราะตาไม่มีวี่แววเจ็บป่วยอะไรมากมาย 
จนกระทั่งได้ทราบจากคุณหมอว่า ไตของคุณตาวาย

คุณตาแจ็คได้จากไปอย่างสงบในตอนเย็น วันที่ 20 มกราคม 2556 รวมสิริอายุได้ 92 ปี 
มิใช่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเท่านั้น แต่นับเป็นการสูญเสียบุคคลที่มีคุณค่ามีความสำคัญผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้สืบสานความรุ่งโรจน์ของ บริษัท บริติช บอร์เนียว จำกัด (British Borneo Company. Ltd.) รุ่นสุดท้าย
อันเป็นหน้าประวัติศาสตร์ทางการค้าระหว่างชาติโดยมีสหราชอาณาจักรกับสยามประเทศเป็นคู่สัญญา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่