Ong-bak (2003) เรื่องราวของหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน องค์พระพุทธรูปที่ชาวบ้านนับถือและศรัทธา ถูกคนใจชั่วตัดเศียรขโมยไป หนุ่มผู้ซึ่งชอบฝึกฝนวิชาการต่อสู้แบบมวยไทย จึงอาสาออกตามหาเพื่อนำกลับคืนมา
หนังแอ็คชั่นของไทย ที่ยกให้เป็นอันดับ 1 ในใจ ชอบมาก สนุก ตื่นเต้น การออกแบบฉากต่อสู้คือดี บทก็ลงตัว สมัยนั้นค่อนข้างเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับวงการหนังบ้านเรา กับการทุ่มเท เล่นจริง เจ็บจริง ไม่ใช้สแตนด์อินของนักแสดง รู้สึกตื่นตาตื่นใจ จนแจ้งเกิดหนุ่ม จา พนม ยีรัมย์ เป็นที่รู้จัก ถ้าฮ่องกงมี เฉินหลง บ้านเราก็โทนี่ จา ไม่ใช่เฉพาะในบ้านเราที่โด่งดัง ชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศโดยเฉพาะแถบยุโรป
นักแสดงอีกคนที่อยากพูดถึง คือ พี่หม่ำ หรืออ้ายแหล่ในเรื่อง ส่วนใหญ่พี่แกจะเล่นแต่บทตลกขายขำเสียมากกว่า แต่เรื่องนี้คือ บทดี บทส่ง ดูมีมิติ เป็นบทที่จริงจัง พวกเสเพล นักต้มตุ๋น ที่ไม่ได้ยัดเยียดความตลก แต่มันก็ตลกด้วยตัวของมันเอง หรือเพราะเราติดภาพความตลกของพี่หม่ำไปแล้วก็ไม่รู้
ตอนดู 17 ปีก่อน รู้แต่ว่าโคตรชอบ เมื่อวานกลับมาดูอีกครั้งใน Netflix ก็คิดว่า พี่หม่ำน่าจะได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายนะ แสดงได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ไหนจะเล่นแอ็คชั่นอีก ยิ่งฉากท้ายๆ รู้สึกสงสาร ถ้าตัดภาพความเป็นตลกของพี่หม่ำออกไป จะเห็นเลยว่า พี่เขาแสดงเก่งนะ เข้าถึงอารมณ์ตัวละคร ถึงจะไม่ใช่บทที่พิสูจน์ฝีมือก็เถอะ เลยย้อนดูประวัติ แกก็ได้เข้าชิงสมทบชายยอดเยี่ยมในเวทีสุพรรณหงส์จริงๆ พร้อมกับโทนี่จาที่เข้าชิงนำชายยอดเยี่ยมในปีนั้น แม้จะไม่ชนะรางวัลก็ตาม
องค์บากทำรายได้ในไทย 124 ล้านบาท ออกฉายอีก 19 ประเทศ กวาดเงินไปทั้งหมด 20 ล้านเหรียญฯ รายได้จากฝรั่งเศสมากที่สุด 6 ล้านเหรียญฯ รองลงมาคืออเมริกา 4 ล้านเหรียญฯ รายได้ทั้งหมดจากต่างประเทศตีเป็นเงินไทย 638 ล้านบาท
เรียกได้ว่าเป็นหนังไทยที่ประสบความสำเร็จและโด่งดังมากที่สุดในต่างประเทศ (ถ้าไม่นับต้มยำกุ้ง ที่เป็นโปรเจกต์ต่อยอด และทำเงินมากกว่า สร้างชื่อเสียงขึ้นไปอีก) จนมีตามออกมาอีกหลายภาค และผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีเรื่องไหนทำได้แบบองค์บากอีกเลย รวมถึงโทนี่ จา คือนักแสดงไทยเพียงคนเดียว ที่กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า โกอินเตอร์จริงๆ
ขอขอบพระคุณบทความจาก
เพจฉันชอบดูหนัง
"องก์บาก" องค์พระพุทธรูปที่ชาวบ้านนับถือถูกคนขโมยไป หนุ่มผู้ชอบวิชามวยไทย จึงออกตามหาเพื่อนำกลับคืน!!