ยอดพุ่งขึ้นทุกวัน เยอะแบบไม่เคยเยอะเท่านี้มาก่อน มาหลายสัปดาห์แล้ว แต่พฤติกรรมที่เห็นคือมันค่อนข้างขัดแย้งกัน
เพราะถ้ายอดขึ้นเยอะมากๆ สิ่งที่ควรจะเป็นคือ คนจะต้องกลัวกันมากๆ ไม่ไปไหนกันโดยไม่จำเป็น เหมือนสมัยล็อคดาว์นแรกๆ (ตอนยอดยังแค่หลักร้อย)
แต่ภาพที่เห็นคือ....
เพื่อนสนิท จะมีสองกลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือเที่ยวทิพย์ ลงภาพในเฟสบุค ไอจี แบบย้อนหลัง กลุ่มนี้ไม่ค่อยไปไหนมาไหนสักเท่าไหร่ จะกินอะไรก็สั่งเดลิเวอรี่ หรือทำกินเอง
แต่อีกกลุ่มหนึ่งคือ เพื่อนชนชั้นกลาง ไปเที่ยวคาเฟ่ ไปกินข้าวข้างนอกแบบนั่งทานในร้าน (วันนี้วันสุดท้ายที่ยังทานได้) ไปเที่ยวนอกสถานที่ตามต่างจังหวัดกันจริงจัง บางคนก็โพสต์รูปว่าไปนั่งกินแอลกอฮอลล์บนร้านนั่งดื่มสักที่
ซึ่งการออกไปทานอาหารข้างนอก คือการออกไปรับเชื้อเต็มที่ เพราะตอนทานอาหารเราไม่สามารถสวมแมสก์ได้
ส่วนคนที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็มีทั้งชุมนุมกินเหล้าริมชายหาด ตามที่สาธารณะ หรือไปสังสรรค์ที่คอนโดเพื่อนเป็นหมู่คณะ บ้างก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด ออกทริปจริงจัง
ซึ่งพฤติกรรมการออกไปข้าง มันก็คือการไม่ปฎิบัติตามกฎของการหลีกเลี่ยงการรับเชื้อ ซึ่งรัฐพยายามรณรงค์โดยตลอดมา
ผมก็เลยสงสัยว่า มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเราชี้นิ้วไปที่คนอื่นว่าทำให้การระบาดมันเพิ่มขึ้น แต่ตัวเองก็ทำพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงและเป็นส่วนนึงของการทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทั่วประเทศเหมือนกัน
จริงๆคนไทยตอนนี้คือ "ตั้งใจละหลวม" มาตรการกักตัวกันแล้วใช่ไหมครับ
เพราะถ้ายอดขึ้นเยอะมากๆ สิ่งที่ควรจะเป็นคือ คนจะต้องกลัวกันมากๆ ไม่ไปไหนกันโดยไม่จำเป็น เหมือนสมัยล็อคดาว์นแรกๆ (ตอนยอดยังแค่หลักร้อย)
แต่ภาพที่เห็นคือ....
เพื่อนสนิท จะมีสองกลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือเที่ยวทิพย์ ลงภาพในเฟสบุค ไอจี แบบย้อนหลัง กลุ่มนี้ไม่ค่อยไปไหนมาไหนสักเท่าไหร่ จะกินอะไรก็สั่งเดลิเวอรี่ หรือทำกินเอง
แต่อีกกลุ่มหนึ่งคือ เพื่อนชนชั้นกลาง ไปเที่ยวคาเฟ่ ไปกินข้าวข้างนอกแบบนั่งทานในร้าน (วันนี้วันสุดท้ายที่ยังทานได้) ไปเที่ยวนอกสถานที่ตามต่างจังหวัดกันจริงจัง บางคนก็โพสต์รูปว่าไปนั่งกินแอลกอฮอลล์บนร้านนั่งดื่มสักที่
ซึ่งการออกไปทานอาหารข้างนอก คือการออกไปรับเชื้อเต็มที่ เพราะตอนทานอาหารเราไม่สามารถสวมแมสก์ได้
ส่วนคนที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็มีทั้งชุมนุมกินเหล้าริมชายหาด ตามที่สาธารณะ หรือไปสังสรรค์ที่คอนโดเพื่อนเป็นหมู่คณะ บ้างก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด ออกทริปจริงจัง
ซึ่งพฤติกรรมการออกไปข้าง มันก็คือการไม่ปฎิบัติตามกฎของการหลีกเลี่ยงการรับเชื้อ ซึ่งรัฐพยายามรณรงค์โดยตลอดมา
ผมก็เลยสงสัยว่า มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเราชี้นิ้วไปที่คนอื่นว่าทำให้การระบาดมันเพิ่มขึ้น แต่ตัวเองก็ทำพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงและเป็นส่วนนึงของการทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทั่วประเทศเหมือนกัน