💟มาลาริน/22มิ.ย.เพิ่ม4,059คน เสียชีวิต35คน หายป่วย2,047คน/กรมวิทย์ฯ เผยผลเฝ้าระวัง พบสายพันธุ์เดลต้าและสายพันธุ์เบตา

เพี้ยนปักหมุดโควิดวันนี้ยอดพุ่ง ไทยติดเชื้อเพิ่ม 4,059 ราย ดับเพิ่มอีก 35 ราย หายป่วย 2,047 ราย


วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยตัวเลขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า...เพี้ยนแคปเจอร์
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 4,059 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 3,984 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 75 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 196,502 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 225,365 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 35 ราย เสียชีวิตสะสม 1,693 ราย หายป่วยเพิ่ม 2,047 ราย  

รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 4,059 ราย มีดังนี้
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 2,257  ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,706 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 75 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 21 ราย
รายละเอียดผู้เสียชีวิตทั้ง 35 รายมีดังนี้


https://www.sanook.com/news/8400482/

เพี้ยนปักหมุด กรมวิทย์ฯ เผยผลเฝ้าระวัง พบสายพันธุ์เดลต้า(อินเดีย) ในไทย 661 ตัวอย่าง สายพันธุ์เบตา (อัฟริกา) 38 ตัวอย่าง



22มิ.ย.64-นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์  อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ เครือข่ายห้องปฏิบัติการดำเนินงานเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ เพื่อให้ประเทศไทย   มีข้อมูลเฝ้าระวังสายพันธุ์ได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน 

รายงานผลการเฝ้าระวัง ตั้งแต่เมษายน 2564 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2564 พบ สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) จำนวน 5,641 ตัวอย่าง สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จำนวน 661 ตัวอย่าง และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) จำนวน 38 ตัวอย่าง 

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ข้อมูลล่าสุด พบว่า สายพันธุ์เดลตา มีการพบเพิ่มในเขตสุขภาพที่ 4 จากเดิมจำนวน  40 ราย เป็น 65 ราย รวม 105 ราย ส่วนเขตสุขภาพที่ 13 จากเดิม 404 ราย เพิ่มอีก 87 ราย รวมเป็น 491 ราย  สายพันธุ์เบตา จากข้อมูลการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขณะนี้ยังพบในภาคใต้ จำนวน 38 ราย โดยพบในเขตสุขภาพที่ 11 จำนวน 2 ราย และเขตสุขภาพที่ 12 จากเดิม 28 ราย เพิ่มอีก 5 ราย รวม 33 ราย  

ทั้งนี้  จากการติดตามเด็กนักเรียนในจังหวัดยะลา เบื้องต้นพบมีทั้งสายพันธุ์อัลฟา และสายพันธุ์เบตา  ซึ่งขณะนี้หน่วยงานสาธารณสุขกำลังติดตามหาต้นตอว่าติดมาจากที่ไหน และกำลังเร่งติดตามว่าเชื้อมีการกระจายไปจังหวัดอื่นๆ หรือไม่ สำหรับผลการตรวจเด็กนักเรียนที่จังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดตราด ที่กลับมาจากจังหวัดยะลา ผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด 19 ซึ่งขณะนี้เด็กอยู่ระหว่างกักตัวเฝ้าระวังต่อไป   กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมเฝ้าระวังในพื้นที่แล้ว   สำหรับประชาชนขอให้สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันโควิด 19



ศาสตราจารย์ นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก   คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) แพร่กระจายได้เร็วกว่า  สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ประมาณ 1.4 เท่า จึงไม่แปลกที่สายพันธุ์เดลตาจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และในอีก  3-4 เดือนข้างหน้า สายพันธุ์เดลตาก็จะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดเกือบทั่วโลก ในอนาคตก็อาจจะมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น โดยวัฏจักรแล้วจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน  

ส่วนวัคซีนทุกตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พัฒนามาจากสายพันธุ์ดั้งเดิม คือ สายพันธุ์อู่ฮั่นทั้งนั้น เมื่อสายพันธุ์เปลี่ยนไปประสิทธิภาพของวัคซีนก็เปลี่ยนไป และเชื่อว่าในอนาคตทุกบริษัทก็จะผลิตวัคซีนให้ทันกับสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลง ดังเช่นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เราต้องคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของไวรัสไว้ล่วงหน้า กระบวนการเปลี่ยนแปลง   ในสายการผลิต ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน สายพันธุ์อัลฟาลดประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผลิตมาก่อนไม่มากและคงยังใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้ดี ในขณะนี้ประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อัลฟา และมีแนวโน้มที่จะเกิดสายพันธุ์เดลตาเข้ามาแทนที่   สิ่งที่เราจะทำได้ก็คงจะต้องช่วยกันควบคุมป้องกัน  ให้เกิดสายพันธุ์เดลตา ระบาดในประเทศไทยช้าที่สุดและ    ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการให้วัคซีนในการควบคุมโรคในอนาคตให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามทรัพยากรที่เรามีอยู่  สิ่งที่สำคัญที่สุดประชาชนไทยทุกคนจะต้องช่วยกัน แม้จะฉีดวัคซีนแล้วจะต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ  เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันโควิด 19



https://www.thaipost.net/main/detail/107244

เพี้ยนจริงจังติดเชื้อในโรงงานเป็นส่วนใหญ่  คนติดเชื้อก็มากขึ้นตามขนาดของโรงงาน

เมื่อควบคุมได้จำนวนคนติดเชื้อก็จะลดลงเป็นจำนวนมากเเช่นกันค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 21 มิถุนายน ฉีดวัคซีนแล้ว 7,679,057 โดส และทั่วโลกแล้ว 2,625 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 75.004 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 63.33%"

(21 มิถุนายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 2,625 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 318 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 150 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 75.004 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (45.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 35.586 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 7,679,057  โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 45.2%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 2,625 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 8,500,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 7,679,057  คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 5,526,039 โดส (8.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 2,153,018 โดส (3.3% ของประชากร)

2) จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-21 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7,679,057  โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 153,130 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 2,179,000 โดส
- เข็มที่ 2 49,062 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,347,039 โดส
- เข็มที่ 2 2,103,956 โดส

3) รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 92.38% ไม่มีผลข้างเคียง
- 7.62% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.83%
- ปวดศีรษะ 1.36%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.98%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.89%
- ไข้ 0.60%
- คลื่นไส้ 0.41%
- ท้องเสีย 0.27%
- ผื่น 0.22%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.17%
- อาเจียน 0.11%
- อื่น ๆ 0.78%

4) การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 103.3% เข็มที่2 90.5%
- อสม เข็มที่1 25.4% เข็มที่2 13.3%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 7.8% เข็มที่2 0.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 9.6% เข็มที่1 2.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 29.0% เข็มที่2 16.4%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 8.8% เข็มที่2 3.2%
รวม เข็มที่1 11.1% เข็มที่2 4.3%

5) จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 16.87% เข็มที่2 5.78% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 22.55% เข็มที่2 7.25%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 16.21% เข็มที่2 11.62%
- นนทบุรี เข็มที่1 14.25% เข็มที่2 5.36%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 11.53% เข็มที่2 2.75%
- ปทุมธานี เข็มที่1 7.69% เข็มที่2 2.35%
- นครปฐม เข็มที่1 4.01% เข็มที่2 1.23%

จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 4.56% เข็มที่2 1.84%
- ภูเก็ต เข็มที่1 63.33% เข็มที่2 40.73%
- ระนอง เข็มที่1 18.77% เข็มที่2 6.37%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 9.61% เข็มที่2 3.57%
    - เกาะสมุย เข็มที่1 45.99% เข็มที่2 21.65%
    - เกาะเต่า เข็มที่1 19.24% เข็มที่2 10.09%
    - เกาะพะงัน เข็มที่1 9.06% เข็มที่2 5.98%

6) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 75,004,802 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 35,586,159 โดส (8.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 8,407,342 โดส (5.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 7,679,057 โดส (8.3%* ของประชากร)  ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. กัมพูชา จำนวน 6,098,584 โดส (19.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
5. มาเลเซีย จำนวน 5,815,575 โดส (12.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 4,691,386 โดส (45.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. เวียดนาม จำนวน 2,422,643 โดส (2.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,242,184 โดส (10.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 66,972 โดส (12.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 60.52%
2. อเมริกาเหนือ 15.54%
3. ยุโรป 16.05%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6%
5. แอฟริกา 1.6%
6. โอเชียเนีย 0.29%

8) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,010.49 ล้านโดส (36.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 325.21 ล้านโดส (36.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 317.97 ล้านโดส (49.6%)
4. อินเดีย จำนวน 276.69 ล้านโดส (10.1%)

9) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (67.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (66.3% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
3. บาห์เรน (65.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อิสราเอล (58.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (56.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (55.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. มองโกเลีย (53.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V )
8. กาตาร์ (51.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. อุรุกวัย (50.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
10. ฮังการี (49.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/3908757025916507


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. - 21 มิ.ย. 2564)
รวม 7,906,696 โดส ใน 77 จังหวัด

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 5,678,848 ราย
(จำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด)

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 2,227,848 ราย
(จำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์)

----------------------------

ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 รวม 3,806,175 โดส
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 2,908,601 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 897,574 ราย
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/349650389986625


สรุปภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 21 มิถุนายน 2564
ยอดฉีดทั่วประเทศ 227,639 โดส

เข็มที่ 1 : 152,809 ราย
Sinovac 26,919 ราย l AstraZeneca 125,890 ราย

เข็มที่ 2 : 74,830 ราย
Sinovac 72,977 ราย l AstraZeneca 1,853 ราย

ติดตามอาการหลังการฉีดอย่างต่อเนื่องผ่าน หมอพร้อม
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/349676133317384


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันอังคารที่ 22 มิถุนายน 2564 จำนวน 35 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/349660619985602


ขอชื่นชม 18 จังหวัด ยกการ์ดสูง
ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่

ขอนแก่น ชัยภูมิ ลำพูน ลำปาง บุรีรัมย์ น่าน พะเยา สิงห์บุรี อุตรดิตถ์ ชัยนาท หนองคาย หนองบัวลำภู สตูล อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี บึงกาฬ มุกดาหาร
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/349739509977713


คลายข้อข้องใจ
ผู้หญิงกับการฉีดวัคซีน COVID-19

- ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือนควรฉีดวัคซีน COVID-19 หรือไม่?
- ผู้หญิงมีครรภ์หรือมีแผนจะตั้งครรภ์ควรฉีดวัคซีน COVID-19 หรือไม่?
- หญิงที่อยู่ระหว่างการให้นมบุตร ควรฉีดวัคซีน COVID-19 หรือไม่?
- การฉีดวัคซีน กระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ การให้กำเนิดและการมีบุตรยาก หรือไม่?
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/349783919973272


วันที่ 22 มิถุนายน 2564 แอปพลิเคชันหมอพร้อม ประกาศ ปลดล็อกระบบ MOPH Immunization Center ( MOPH-IC ) เพื่อให้แต่ละโรงพยาบาลสามารถจัดระบบคิวลงนัด เลื่อนนัดและแจ้งประชาชนที่จะมาฉีดวัคซีนได้ ตามความเหมาะสม เนื่องจากบริบทแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน เริ่ม 25 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดมีข้อสงสัย เกี่ยวกับการนัดหมายฉีดวัคซีน ขอให้ท่านติดต่อไปยังโรงพยาบาล ที่ท่านได้ทำการนัดหมายโดยตรง
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/349843723300625
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่