บทที่ 1
https://pantip.com/topic/40772858
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/40778748
.....
ยังไม่ทันได้ถามได้ตอบอะไรอีก เธอก็พิงเบาะคอพับหลับกลางอากาศ คำพูดของเธอทำให้อดใจหายไม่ได้ หมายความว่าอย่างไรกัน ถึงเวลาก็ต้องจากไป
ยังไม่ทันไร ก็จะจากกันแล้วหรือ...
....
ผมพาไวโอลากลับบ้าน ประคองเธอขึ้นไปยังห้องนอนอย่างค่อนข้างลำบาก เพราะการเคลื่อนย้ายคนเมามักจะยากกว่าคนธรรมดา สารประกอบทางเคมีในไวน์ จะต้องมีผลบางอย่างที่นอกเหนือจากการเข้าใจ การเมาของเธอดูผิดมนุษย์มนาอย่างไรชอบกล ก็อย่างว่าละครับ เธอไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนต่างมิติ คนต่างมิติไม่ธรรมดาตรงไหน ก็ตรงต่างมิตินั่นละครับ ถ้าคุณหมออยากเป็นคนไม่ธรรมดา ก็ต้องหาทางเปลี่ยนมิติ คราวนี้ไปไหนมาไหนไม่ต้องเดิน ลอยไปลอยมาได้ เผลอ ๆ อาจเข้าสิงใครก็ได้
พอขึ้นมาถึงห้องนอน ผมวางร่างเกือบไร้สติลงบนเตียง เปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นฉ่ำเป็นพิเศษ เพราะคนเมาจะมีการรับรู้อากาศที่ร้อนมากกว่าปกติ ปัญหาบางอย่างตามมา ไวโอลาจะต้องอาบน้ำก่อนนอนเสมอ เป็นเวลาบ่ายเท่านั้น เธอกำลังนอนก่อนเวลา ไม่แน่ว่าจะหลับยาวไปนานแค่ไหน ผมได้แต่ยืนมองอย่างยุ่งยากใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยสักครั้งจะพาผู้หญิงอาบน้ำ เป็นเรื่องเหลือเชื่อ พิสดารลำบากใจ ไม่กล้าคิด และเป็นไปไม่ได้สำหรับผม
อ้าว อย่าเพิ่งหัวเราะสิครับคุณหมอ ถึงผมจะไม่ใช่คนดีเลิศ แต่ผมก็ไม่ใช่คนฉวยโอกาสหรอก ใช่ครับ ความคิดทางไม่ดีใครก็มี แต่ผมควบคุมมันให้มันอยู่หมัดได้ ก็แหม...เห็นผู้หญิงสวย ๆ ที่แอบใฝ่ฝันอยู่ข้างหน้าแบบนี้ เป็นใครก็อดจะคิดไม่ได้หรอกน่า แม้แต่คุณหมอเองก็เถอะ ผมรีบสลัดความฟุ้งซ่านออกไป ตั้งใจว่าจะปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนไปดีกว่า นี่เพิ่งบ่ายเท่านั้น ยังไม่เย็นย่ำค่ำมืดสักหน่อย ไม่ถึงเวลานอน ได้สติคงลุกขึ้นมาอาบน้ำเอง ไม่ใช่หน้าที่ของผม พอคิดได้จึงย่องออกจากห้องอย่างแผ่วเบา
“ไรอันจะไปไหน” เสียงของไวโอลาดังขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว เพราะคาดไม่ถึง หยุดหันไปมอง เห็นเธอยังนอนหลับตา ขยับตัว ยกมือทำสัญญาณเรียกให้ไปหา
“ไวโอลาอยากอาบน้ำ ไรอันพาไปอาบน้ำหน่อย”
“เมาแล้วก็นอนก่อนนะครับ” ผมรีบบอก ตกใจในคำพูดของเธอ ที่ทำให้ใจหายวาบ ต้องทำใจดีสู้สาวสวย ไม่อยากถือสาหาความ “สร่างเมาค่อยอาบน้ำก็ได้ครับ”
“ไม่เอา ไม่เอา จะอาบเดี๋ยวนี้”
“โธ่..”
“ไรอันโธ่อะไร ไม่รู้เหรอว่าไวโอลาอยากอาบน้ำ” เธอทำเสียงแผ่วโหย ยังคงพลิกตัวไปมา หลับตาอยู่อย่างนั้น “นะ นะ พาไปอาบน้ำหน่อย”
ผมสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจกระโจนพรวดเดียว กระชากประตูเปิดออกไปยืนนอกห้อง จากนั้นรีบปิดประตูโดยเร็ว ด้วยอาการหัวใจเต้นแรง ใจสั่นสะท้าน เหงื่อตก ให้ออกไปต่อยปากคนข้างบ้าน ยังจะทำใจง่ายกว่าพาหญิงสาวอาบน้ำ คนเมานี่ทำให้รับมือยาก ได้แต่ภาวนาให้เธอสร่างเมาโดยเร็ว ก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ อีกสองสามนาทีต่อมา มีเสียงเคลื่อนไหวด้านใน ผมประหลาดใจ เพราะคนเมาไม่น่าจะฟื้นตัวรวดเร็วขนาดนั้น ด้วยความสงสัยจึงค่อย ๆ แง้มประตูแอบดูอย่างระวังไม่ให้เกิดเสียง
บนเตียงไม่มีร่างของหญิงสาวต่างมิติ แต่ประตูห้องน้ำด้านข้างมีแสงสว่างลอดออกมาจากช่องว่างด้านล่าง เสียงน้ำไหลจากฝักบัว ไวโอลากำลังอาบน้ำอย่างแน่นอน นี่เธอเล่นตลกอะไรกันแน่ ในเวลาไม่กี่นาที คนเมาแทบไม่ได้สติพูดจาไม่รู้เรื่อง จะลุกขึ้นมาอาบน้ำหน้าตาเฉยได้อย่างไร
ยัยต่างมิติตัวเจ็บเอ้ย...ผมพูดกับตัวเองอย่างขบขันกึ่งโล่งใจ ดูเหมือนว่าไวโอลาจะแกล้งล้อเล่นกับผมเท่านั้น ตามนิสัยของเธอ ขนาดคนในมิติเดียวกันยังไม่รู้ใจกัน นับประสาอะไรกับคนต่างมิติ ดีแล้วละ ภารกิจลำบากใจจะได้หมดไปเสียที
“จ๊ะเอ๋...”
เสียงใส ๆ ดังขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ขณะกำลังยืนแง้มประตูเพลิน ๆ ผมสะดุ้งสุดตัวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ผวาถอยหลังแทบข้ามราวกั้นตกลงมาชั้นล่าง ใบหน้าของสาวต่างดาว โผล่พรวดมาจ๊ะเอ๋บริเวณประตูที่แง้มแบบกะทันหัน ยังไม่พอ เธอยังกระชากประตูที่เปิดเข้าไปด้านในห้อง ให้กว้างออกอีกต่างหาก คนที่คิดว่าอยู่ในห้องน้ำ ยืนยิ้มหน้าประตู มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายแบบคนเตรียมตัวจะอาบน้ำ ตอนแรกคงแอบยืนอยู่หลังประตูนี่เอง เธอหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งคน ผมเผ้ายุ่งเหยิงตลกชะมัด
“ไวโอล่า คุณเล่นอะไรนี่ เล่นเป็นเด็ก ผมเกือบตกลงไปคอหักแล้ว” ผมรีบโวยวายกลบเกลื่อนความเสียเชิงทันที สาวต่างดาวยิ้มตาปรือเล็กน้อย เหมือนคนเมา ยังไม่สร่างดีเท่าไร
“”ไวโอลาล้อเล่นนิดเดียวเท่านั้น แค่นี้” ว่าพลางยกนิ้วก้อยขึ้นมาชู ยืนยันคำว่า ‘แค่นี้’ ผมพยายามไม่มองผิวขาวผ่องนวลเนียนของเธอ ได้เพียงกวาดสายตาผ่าน ๆ
“นิดเดียวของคุณ ผมเกือบหัวใจวายตาย”
“ไม่ตายหรอกน่า ไวโอลาขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ ห้ามแอบดูด้วย” พูดจบเธอก็เดินเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจเฉิบ ผมส่ายหน้า ทั้งขำทั้งเขิน ไม่รู้ว่าทำไมจึงเขิน ภาพวาบหวามยังติดตา นี่คงเป็นบททดสอบจากพระเจ้า แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเชื่อในเรื่องพระผู้เป็นเจ้าก็ตาม ถอนลมหายใจยาว จัดการปิดประตูอย่างแผ่วเบา มือสั่นเล็กน้อย
ลงมาห้องนั่งเล่นด้านล่าง มองดูนาฬิกา เพิ่งบ่ายสาม ภาพของสาวต่างดาวยังตราตรึง
พยายามปล่อยวาง นึกถึงบรรยากาศการสนทนากับเพื่อนคนหนึ่งที่นับถือศาสนาพุทธ มันบอกผมว่า ปล่อยวางอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่การอยู่ที่สิ่งอื่น เกิด แก่ เจ็บตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบ เป็นเรื่องที่ต้องเจออยู่เสมอ ฟังดูลึกซึ้งแต่กว่าจะทำใจได้ ก็ไม่ใช่ง่าย ลบไปซะ ภาพสวย ๆ งาม ๆ มันเป็นเพียงจิตที่ปรุงแต่งขึ้นมาเท่านั้น
เพื่อนคนนั้นบอกว่า จิตคนเราเหมือนน้ำไม่มีสี ถ้าใส่สีอะไรเข้าไป ก็จะเป็นสีตามนั้น ในที่นี้คือใส่ความโลภ ความโกรธ ความหลงเข้าไปมาก ๆ ชีวิตก็มีแต่ความทุกข์ แต่ถ้าเราใส่ความรัก ความเมตตา ความสงสาร ใส่ปัญญาเข้าไป ชีวิตก็มีความสุข จิตถูกปรุงแต่งไปตามสิ่งที่มากระทบ เช่น ได้ของสิ่งที่เราชอบ เราดีใจ เราเสียของนั้นไป เราเสียใจ ความสุข ทุกข์เกิดขึ้นตามสถานการณ์ ดังคำพระท่านว่า “จิตโต นะมี ยะติ โลโก” สัตว์โลกถูกจิตชักนำไปแล้วแต่เราจะคิด คิดให้ทุกข์มันก็ทุกข์ คิดให้สุขมันก็สุข เป็นไงครับหมอ งงละสิ... ว่าทำไมผมถึงพูดได้ขนาดนี้ เอ้าต่ออีกสักนิดนะครับ
ส่วนใหญ่เรามักคิดตามสิ่งเร้า หลักของธรรมะอยู่ที่เราต้องเป็นผู้เลือกที่จะคิด เลือกที่จะสุขหรือจะทุกข์ “สุขและทุกข์นั้นอยู่ที่ใจ ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ถ้าไม่ถือก็ไม่ทุกข์”
อ้าว คุณหมอ อย่าเพิ่งนั่งพนมมือสิครับ นี่คุณหมอนับถือศาสนาอะไรกันแน่ ล้อเล่นครับ ผมมองไม่เห็นคุณหมอพนมมือหรอก เพราะกำลังนั่งเขียนบันทึกอยู่ในห้อง ต่อให้บ้าขนาดไหน คงไม่ตาทิพย์ขนาดนั้น ผมก็ว่าไปตามที่เพื่อนพูดให้ฟัง พูดก็พูดเถอะครับ มีโอกาส ผมอยากศึกษาศาสนาพุทธให้เข้าใจเหมือนกัน แต่เวลานี้คิดได้ เข้าใจ แต่ทำไม่ได้
ว่าเรื่องของผมต่อไปดีกว่า พูดมากเดี๋ยวคุณหมอเลื่อมใสศรัทธาแก่กล้า ให้ผมพาไปบวช จะยุ่งกันใหญ่ เพราะผมช่วยเหลืออะไรไม่ได้ อย่าลืมสิครับว่าผมอยู่ในสถานภาพของคนบ้า
นึกถึงรอยทุบผนังนอกบ้าน รอยนั้นยังไม่ได้ซ่อม เพราะปีเตอร์มาจุ้นจ้านเสียก่อน ผมเดินออกนอกบ้าน นำปูนและทรายที่เตรียมไว้แล้วผสมกับน้ำในถังพลาสสิก จากนั้นถืออุปกรณ์ต่าง ๆ เดินมาข้างบ้าน ถึงไม่ใช่ช่างมืออาชีพ งานฉาบผนังด้วยปูนคงไม่ใช่เรื่องยาก เคยทำมาแล้วด้วย
มองเห็นรอยทุบด้วยค้อนข้างผนัง แล้วก็อดขำไม่ได้ คนอื่นคงก็ขำเช่นกัน คนที่เอาค้อนทุบผนังบ้านตัวเองในสายตาของคนอื่น คงพิลึก หรือไม่ก็บ้าดีแท้ คุณหมอลองนึกภาพดูก็ได้นะครับ
พอลงมือซ่อมผนังบ้านไปได้สักครู่ สิ่งที่วิตกกังวลเป็นจริง
“ให้ผมช่วยไหมครับ”
นั่นไง... ไม่ต้องหันไปมอง ก็รู้ว่าเป็นหนุ่มแว่นปีเตอร์ตัวจุ้นนั่นเอง เขาไม่เก่งพอจะพลิ้วกายข้ามกำแพงรั้วบ้านได้อย่างแน่นอน แต่มีเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน เห็นร่างผอมของปีเตอร์เดินถืออุปกรณ์ฉาบปูนมาด้วยใบหน้าระรื่น ทั้งที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตด้วยซ้ำ ผมพูดไม่ออก ไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาแล้วก็จัดการมอบงานให้ซะเลย อยากช่วยจัดไปให้เต็มที่ ผมถอยหลังออกมา มองการทำงานของปีเตอร์ ต้องยอมรับว่า เขาคล่องแคล่วมากกว่าผมพอสมควรเลยทีเดียว
“ผมมืออาชีพครับ เรื่องฉาบปูนซ่อมผนังแค่นี้ บอกมาได้เลยครับ” เขาคุยขณะมือยังคงถือเกรียงเหล็กปาดไปมาบนผนังอย่างคล่องแคล่ว ผมสายวิศวกรรมโยธาปฏิบัติจริงครับ ไม่ใช่นั่งห้องแอร์ออกแบบขีดเขียนอย่างเดียว ปฏิบัติก็เป็น มีอะไรเรียกใช้ได้เลย ผมคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนบ้านได้อยู่แล้ว ยิ่งเห็นคุณถืออุปกรณ์เก้ ๆกัง ๆ ไม่ค่อยเป็นงานดูขัดตาน่าขัน ยิ่งต้องช่วยครับ”
เตะไอ้หมอนี่สักทีดีไหม...จะมาช่วยหรือมาแขวะฟะ ผมนึกอย่างขวางจิต แต่จะทำร้ายร่างกายคนมีน้ำใจมาช่วยงาน มันก็ยังไง ๆ อยู่ สุดท้ายจึงทำได้เพียงส่ายหน้าหัวเราะ ปีเตอร์พอเห็นผมหัวเราะ ก็ถือโอกาสหัวเราะตามบ้าง ทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังหัวเราะเรื่องอะไร พอเห็นปีเตอร์หัวเราะ ผมที่กำลังจะหยุดหัวเราะ ก็ต้องหัวเราะตามไปอีก เพราะขำที่เขาหัวเราะแบบไม่มีเหตุผล แน่นอนว่าปีเตอร์ก็หัวเราะตามอีก วนเป็นลูปหัวเราะ สุดท้ายเลยกลายเป็นว่า พากันหัวเราะให้บ้าไปข้างหนึ่งจนกระทั่งงานจบ
เอ้อ... คุณหมอว่าใครบ้ากว่ากัน
ขณะเก็บอุปกรณ์ หนุ่มแว่นถามหาไวโอลา ทำเป็นชะเง้อมองไปมา ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกถึงขนาดนั้น
“คุณไวโอลา หายไปไหนครับ”
เอ้ย....ผมร้องในใจ มาถามชื่อ คนสำคัญได้ไง ผมก็คงต้องบอกหมอนะครับ ผมไม่ได้หวง ไม่ได้หึง ผมเพียงไม่พอใจที่มีคนถามหา ‘เธอ’ แบบไม่ค่อยมีเหตุผล
“คุณถามแบบนี้หมายความว่ายังไง” เป็นคำถามที่แรงพอตัว แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดเลย คือปีเตอร์ยื่นหน้าแสนกวนบาทา มาหาผม แล้วบอกว่า
“ผมรู้นะครับ ว่าคุณไวโอลา ไม่ใช่ชาวโลก”
“เฮ้ย” ผมตกใจ ขนาดทิ้งอุปกรณ์ในมือลงพื้นทันที จ้องมองปีเตอร์อย่างไม่เชื่อสายตา “ปีเตอร์ คุณพูดอะไร”
“ฮั่นแน่” เขายิ้มกว้างอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางตกใจของผม “ ยอมรับล่ะสิ ไม่เป็นไรครับ ปีเตอร์คนนี้คือยอดแห่งนักเก็บความลับ ความลับจะอยู่รอดปลอดภัยยิ่งกว่าเก็บไว้ในตู้เซฟธนาคารเชียวละ”
“ยอดแห่งนักเก็บความลับเหรอ แล้วที่คนแถวนี้เขาว่า ‘ความลับจะไม่ใช่ความลับ ถ้าความลับมาถึงปีเตอร์’ หมายถึงอะไรครับท่านปีเตอร์”
หนุ่มแว่นไม่ได้สะทกสะท้านคำพูดของผมเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มตามเคย (แต่คราวนี้ผมไม่บ้าจี้ยิ้มตามด้วย) อธิบายอย่างเริงรื่นว่า
“อ้อ นั่นเป็นคำที่ผู้คนเขาเรียกขานผมด้วยความชื่นชมครับ ถ้าความลับนั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงต่อมนุษยชาติผมต้องรีบกระจายข่าวให้ทุกคนรับรู้กันสิครับ แต่ถ้าเป็นความลับที่สมควรเป็นความลับ นายปีเตอร์จะปิดปากให้สนิทชนิดเอาคีมเหล็กมาง้าง ก็ไม่มีทางเปิดเผย ผมรู้นะว่าคุณไวโอลาไม่ใช่ชาวโลก เพราะตั้งแต่เธอมาปรากฏตัวที่บ้านคุณ บางอย่างของเธอบอกว่าไม่ใช่ชาวโลก และพักนี้มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นเสมอ”
“สิ่งแปลก ๆ ที่คุณว่ามันคืออะไร” ผมถามแบบใจคอไม่ดี
“วันนี้นะครับ อยู่ดี ผนังห้องรับแขกบ้านผมก็มีภาพกลม ๆ ขนาดหนึ่งฟุตกว่า ปรากฎสูงจากพื้นประมาณเมตรครึ่ง มันดูแปลกมากทีเดียวครับ แถมยังทำท่าจะขยายใหญ่ขึ้น ขัดถูล้างยังไงก็ไม่ออก คุณว่าแปลกไหมล่ะ”
“ปีเตอร์” ผมจ้องหน้าเขาเขม็ง
“บ้านคุณมีค้อนไหม"
.
บันทึกของคนบ้า.........ความรักสองมิติ (3)
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/40772858
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/40778748
.....
ยังไม่ทันได้ถามได้ตอบอะไรอีก เธอก็พิงเบาะคอพับหลับกลางอากาศ คำพูดของเธอทำให้อดใจหายไม่ได้ หมายความว่าอย่างไรกัน ถึงเวลาก็ต้องจากไป
ยังไม่ทันไร ก็จะจากกันแล้วหรือ...
....
ผมพาไวโอลากลับบ้าน ประคองเธอขึ้นไปยังห้องนอนอย่างค่อนข้างลำบาก เพราะการเคลื่อนย้ายคนเมามักจะยากกว่าคนธรรมดา สารประกอบทางเคมีในไวน์ จะต้องมีผลบางอย่างที่นอกเหนือจากการเข้าใจ การเมาของเธอดูผิดมนุษย์มนาอย่างไรชอบกล ก็อย่างว่าละครับ เธอไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนต่างมิติ คนต่างมิติไม่ธรรมดาตรงไหน ก็ตรงต่างมิตินั่นละครับ ถ้าคุณหมออยากเป็นคนไม่ธรรมดา ก็ต้องหาทางเปลี่ยนมิติ คราวนี้ไปไหนมาไหนไม่ต้องเดิน ลอยไปลอยมาได้ เผลอ ๆ อาจเข้าสิงใครก็ได้
พอขึ้นมาถึงห้องนอน ผมวางร่างเกือบไร้สติลงบนเตียง เปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นฉ่ำเป็นพิเศษ เพราะคนเมาจะมีการรับรู้อากาศที่ร้อนมากกว่าปกติ ปัญหาบางอย่างตามมา ไวโอลาจะต้องอาบน้ำก่อนนอนเสมอ เป็นเวลาบ่ายเท่านั้น เธอกำลังนอนก่อนเวลา ไม่แน่ว่าจะหลับยาวไปนานแค่ไหน ผมได้แต่ยืนมองอย่างยุ่งยากใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยสักครั้งจะพาผู้หญิงอาบน้ำ เป็นเรื่องเหลือเชื่อ พิสดารลำบากใจ ไม่กล้าคิด และเป็นไปไม่ได้สำหรับผม
อ้าว อย่าเพิ่งหัวเราะสิครับคุณหมอ ถึงผมจะไม่ใช่คนดีเลิศ แต่ผมก็ไม่ใช่คนฉวยโอกาสหรอก ใช่ครับ ความคิดทางไม่ดีใครก็มี แต่ผมควบคุมมันให้มันอยู่หมัดได้ ก็แหม...เห็นผู้หญิงสวย ๆ ที่แอบใฝ่ฝันอยู่ข้างหน้าแบบนี้ เป็นใครก็อดจะคิดไม่ได้หรอกน่า แม้แต่คุณหมอเองก็เถอะ ผมรีบสลัดความฟุ้งซ่านออกไป ตั้งใจว่าจะปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนไปดีกว่า นี่เพิ่งบ่ายเท่านั้น ยังไม่เย็นย่ำค่ำมืดสักหน่อย ไม่ถึงเวลานอน ได้สติคงลุกขึ้นมาอาบน้ำเอง ไม่ใช่หน้าที่ของผม พอคิดได้จึงย่องออกจากห้องอย่างแผ่วเบา
“ไรอันจะไปไหน” เสียงของไวโอลาดังขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว เพราะคาดไม่ถึง หยุดหันไปมอง เห็นเธอยังนอนหลับตา ขยับตัว ยกมือทำสัญญาณเรียกให้ไปหา
“ไวโอลาอยากอาบน้ำ ไรอันพาไปอาบน้ำหน่อย”
“เมาแล้วก็นอนก่อนนะครับ” ผมรีบบอก ตกใจในคำพูดของเธอ ที่ทำให้ใจหายวาบ ต้องทำใจดีสู้สาวสวย ไม่อยากถือสาหาความ “สร่างเมาค่อยอาบน้ำก็ได้ครับ”
“ไม่เอา ไม่เอา จะอาบเดี๋ยวนี้”
“โธ่..”
“ไรอันโธ่อะไร ไม่รู้เหรอว่าไวโอลาอยากอาบน้ำ” เธอทำเสียงแผ่วโหย ยังคงพลิกตัวไปมา หลับตาอยู่อย่างนั้น “นะ นะ พาไปอาบน้ำหน่อย”
ผมสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจกระโจนพรวดเดียว กระชากประตูเปิดออกไปยืนนอกห้อง จากนั้นรีบปิดประตูโดยเร็ว ด้วยอาการหัวใจเต้นแรง ใจสั่นสะท้าน เหงื่อตก ให้ออกไปต่อยปากคนข้างบ้าน ยังจะทำใจง่ายกว่าพาหญิงสาวอาบน้ำ คนเมานี่ทำให้รับมือยาก ได้แต่ภาวนาให้เธอสร่างเมาโดยเร็ว ก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ อีกสองสามนาทีต่อมา มีเสียงเคลื่อนไหวด้านใน ผมประหลาดใจ เพราะคนเมาไม่น่าจะฟื้นตัวรวดเร็วขนาดนั้น ด้วยความสงสัยจึงค่อย ๆ แง้มประตูแอบดูอย่างระวังไม่ให้เกิดเสียง
บนเตียงไม่มีร่างของหญิงสาวต่างมิติ แต่ประตูห้องน้ำด้านข้างมีแสงสว่างลอดออกมาจากช่องว่างด้านล่าง เสียงน้ำไหลจากฝักบัว ไวโอลากำลังอาบน้ำอย่างแน่นอน นี่เธอเล่นตลกอะไรกันแน่ ในเวลาไม่กี่นาที คนเมาแทบไม่ได้สติพูดจาไม่รู้เรื่อง จะลุกขึ้นมาอาบน้ำหน้าตาเฉยได้อย่างไร
ยัยต่างมิติตัวเจ็บเอ้ย...ผมพูดกับตัวเองอย่างขบขันกึ่งโล่งใจ ดูเหมือนว่าไวโอลาจะแกล้งล้อเล่นกับผมเท่านั้น ตามนิสัยของเธอ ขนาดคนในมิติเดียวกันยังไม่รู้ใจกัน นับประสาอะไรกับคนต่างมิติ ดีแล้วละ ภารกิจลำบากใจจะได้หมดไปเสียที
“จ๊ะเอ๋...”
เสียงใส ๆ ดังขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ขณะกำลังยืนแง้มประตูเพลิน ๆ ผมสะดุ้งสุดตัวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ผวาถอยหลังแทบข้ามราวกั้นตกลงมาชั้นล่าง ใบหน้าของสาวต่างดาว โผล่พรวดมาจ๊ะเอ๋บริเวณประตูที่แง้มแบบกะทันหัน ยังไม่พอ เธอยังกระชากประตูที่เปิดเข้าไปด้านในห้อง ให้กว้างออกอีกต่างหาก คนที่คิดว่าอยู่ในห้องน้ำ ยืนยิ้มหน้าประตู มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายแบบคนเตรียมตัวจะอาบน้ำ ตอนแรกคงแอบยืนอยู่หลังประตูนี่เอง เธอหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งคน ผมเผ้ายุ่งเหยิงตลกชะมัด
“ไวโอล่า คุณเล่นอะไรนี่ เล่นเป็นเด็ก ผมเกือบตกลงไปคอหักแล้ว” ผมรีบโวยวายกลบเกลื่อนความเสียเชิงทันที สาวต่างดาวยิ้มตาปรือเล็กน้อย เหมือนคนเมา ยังไม่สร่างดีเท่าไร
“”ไวโอลาล้อเล่นนิดเดียวเท่านั้น แค่นี้” ว่าพลางยกนิ้วก้อยขึ้นมาชู ยืนยันคำว่า ‘แค่นี้’ ผมพยายามไม่มองผิวขาวผ่องนวลเนียนของเธอ ได้เพียงกวาดสายตาผ่าน ๆ
“นิดเดียวของคุณ ผมเกือบหัวใจวายตาย”
“ไม่ตายหรอกน่า ไวโอลาขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ ห้ามแอบดูด้วย” พูดจบเธอก็เดินเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจเฉิบ ผมส่ายหน้า ทั้งขำทั้งเขิน ไม่รู้ว่าทำไมจึงเขิน ภาพวาบหวามยังติดตา นี่คงเป็นบททดสอบจากพระเจ้า แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเชื่อในเรื่องพระผู้เป็นเจ้าก็ตาม ถอนลมหายใจยาว จัดการปิดประตูอย่างแผ่วเบา มือสั่นเล็กน้อย
ลงมาห้องนั่งเล่นด้านล่าง มองดูนาฬิกา เพิ่งบ่ายสาม ภาพของสาวต่างดาวยังตราตรึง
พยายามปล่อยวาง นึกถึงบรรยากาศการสนทนากับเพื่อนคนหนึ่งที่นับถือศาสนาพุทธ มันบอกผมว่า ปล่อยวางอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่การอยู่ที่สิ่งอื่น เกิด แก่ เจ็บตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบ เป็นเรื่องที่ต้องเจออยู่เสมอ ฟังดูลึกซึ้งแต่กว่าจะทำใจได้ ก็ไม่ใช่ง่าย ลบไปซะ ภาพสวย ๆ งาม ๆ มันเป็นเพียงจิตที่ปรุงแต่งขึ้นมาเท่านั้น
เพื่อนคนนั้นบอกว่า จิตคนเราเหมือนน้ำไม่มีสี ถ้าใส่สีอะไรเข้าไป ก็จะเป็นสีตามนั้น ในที่นี้คือใส่ความโลภ ความโกรธ ความหลงเข้าไปมาก ๆ ชีวิตก็มีแต่ความทุกข์ แต่ถ้าเราใส่ความรัก ความเมตตา ความสงสาร ใส่ปัญญาเข้าไป ชีวิตก็มีความสุข จิตถูกปรุงแต่งไปตามสิ่งที่มากระทบ เช่น ได้ของสิ่งที่เราชอบ เราดีใจ เราเสียของนั้นไป เราเสียใจ ความสุข ทุกข์เกิดขึ้นตามสถานการณ์ ดังคำพระท่านว่า “จิตโต นะมี ยะติ โลโก” สัตว์โลกถูกจิตชักนำไปแล้วแต่เราจะคิด คิดให้ทุกข์มันก็ทุกข์ คิดให้สุขมันก็สุข เป็นไงครับหมอ งงละสิ... ว่าทำไมผมถึงพูดได้ขนาดนี้ เอ้าต่ออีกสักนิดนะครับ
ส่วนใหญ่เรามักคิดตามสิ่งเร้า หลักของธรรมะอยู่ที่เราต้องเป็นผู้เลือกที่จะคิด เลือกที่จะสุขหรือจะทุกข์ “สุขและทุกข์นั้นอยู่ที่ใจ ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ถ้าไม่ถือก็ไม่ทุกข์”
อ้าว คุณหมอ อย่าเพิ่งนั่งพนมมือสิครับ นี่คุณหมอนับถือศาสนาอะไรกันแน่ ล้อเล่นครับ ผมมองไม่เห็นคุณหมอพนมมือหรอก เพราะกำลังนั่งเขียนบันทึกอยู่ในห้อง ต่อให้บ้าขนาดไหน คงไม่ตาทิพย์ขนาดนั้น ผมก็ว่าไปตามที่เพื่อนพูดให้ฟัง พูดก็พูดเถอะครับ มีโอกาส ผมอยากศึกษาศาสนาพุทธให้เข้าใจเหมือนกัน แต่เวลานี้คิดได้ เข้าใจ แต่ทำไม่ได้
ว่าเรื่องของผมต่อไปดีกว่า พูดมากเดี๋ยวคุณหมอเลื่อมใสศรัทธาแก่กล้า ให้ผมพาไปบวช จะยุ่งกันใหญ่ เพราะผมช่วยเหลืออะไรไม่ได้ อย่าลืมสิครับว่าผมอยู่ในสถานภาพของคนบ้า
นึกถึงรอยทุบผนังนอกบ้าน รอยนั้นยังไม่ได้ซ่อม เพราะปีเตอร์มาจุ้นจ้านเสียก่อน ผมเดินออกนอกบ้าน นำปูนและทรายที่เตรียมไว้แล้วผสมกับน้ำในถังพลาสสิก จากนั้นถืออุปกรณ์ต่าง ๆ เดินมาข้างบ้าน ถึงไม่ใช่ช่างมืออาชีพ งานฉาบผนังด้วยปูนคงไม่ใช่เรื่องยาก เคยทำมาแล้วด้วย
มองเห็นรอยทุบด้วยค้อนข้างผนัง แล้วก็อดขำไม่ได้ คนอื่นคงก็ขำเช่นกัน คนที่เอาค้อนทุบผนังบ้านตัวเองในสายตาของคนอื่น คงพิลึก หรือไม่ก็บ้าดีแท้ คุณหมอลองนึกภาพดูก็ได้นะครับ
พอลงมือซ่อมผนังบ้านไปได้สักครู่ สิ่งที่วิตกกังวลเป็นจริง
“ให้ผมช่วยไหมครับ”
นั่นไง... ไม่ต้องหันไปมอง ก็รู้ว่าเป็นหนุ่มแว่นปีเตอร์ตัวจุ้นนั่นเอง เขาไม่เก่งพอจะพลิ้วกายข้ามกำแพงรั้วบ้านได้อย่างแน่นอน แต่มีเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน เห็นร่างผอมของปีเตอร์เดินถืออุปกรณ์ฉาบปูนมาด้วยใบหน้าระรื่น ทั้งที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตด้วยซ้ำ ผมพูดไม่ออก ไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาแล้วก็จัดการมอบงานให้ซะเลย อยากช่วยจัดไปให้เต็มที่ ผมถอยหลังออกมา มองการทำงานของปีเตอร์ ต้องยอมรับว่า เขาคล่องแคล่วมากกว่าผมพอสมควรเลยทีเดียว
“ผมมืออาชีพครับ เรื่องฉาบปูนซ่อมผนังแค่นี้ บอกมาได้เลยครับ” เขาคุยขณะมือยังคงถือเกรียงเหล็กปาดไปมาบนผนังอย่างคล่องแคล่ว ผมสายวิศวกรรมโยธาปฏิบัติจริงครับ ไม่ใช่นั่งห้องแอร์ออกแบบขีดเขียนอย่างเดียว ปฏิบัติก็เป็น มีอะไรเรียกใช้ได้เลย ผมคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนบ้านได้อยู่แล้ว ยิ่งเห็นคุณถืออุปกรณ์เก้ ๆกัง ๆ ไม่ค่อยเป็นงานดูขัดตาน่าขัน ยิ่งต้องช่วยครับ”
เตะไอ้หมอนี่สักทีดีไหม...จะมาช่วยหรือมาแขวะฟะ ผมนึกอย่างขวางจิต แต่จะทำร้ายร่างกายคนมีน้ำใจมาช่วยงาน มันก็ยังไง ๆ อยู่ สุดท้ายจึงทำได้เพียงส่ายหน้าหัวเราะ ปีเตอร์พอเห็นผมหัวเราะ ก็ถือโอกาสหัวเราะตามบ้าง ทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังหัวเราะเรื่องอะไร พอเห็นปีเตอร์หัวเราะ ผมที่กำลังจะหยุดหัวเราะ ก็ต้องหัวเราะตามไปอีก เพราะขำที่เขาหัวเราะแบบไม่มีเหตุผล แน่นอนว่าปีเตอร์ก็หัวเราะตามอีก วนเป็นลูปหัวเราะ สุดท้ายเลยกลายเป็นว่า พากันหัวเราะให้บ้าไปข้างหนึ่งจนกระทั่งงานจบ
เอ้อ... คุณหมอว่าใครบ้ากว่ากัน
ขณะเก็บอุปกรณ์ หนุ่มแว่นถามหาไวโอลา ทำเป็นชะเง้อมองไปมา ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกถึงขนาดนั้น
“คุณไวโอลา หายไปไหนครับ”
เอ้ย....ผมร้องในใจ มาถามชื่อ คนสำคัญได้ไง ผมก็คงต้องบอกหมอนะครับ ผมไม่ได้หวง ไม่ได้หึง ผมเพียงไม่พอใจที่มีคนถามหา ‘เธอ’ แบบไม่ค่อยมีเหตุผล
“คุณถามแบบนี้หมายความว่ายังไง” เป็นคำถามที่แรงพอตัว แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดเลย คือปีเตอร์ยื่นหน้าแสนกวนบาทา มาหาผม แล้วบอกว่า
“ผมรู้นะครับ ว่าคุณไวโอลา ไม่ใช่ชาวโลก”
“เฮ้ย” ผมตกใจ ขนาดทิ้งอุปกรณ์ในมือลงพื้นทันที จ้องมองปีเตอร์อย่างไม่เชื่อสายตา “ปีเตอร์ คุณพูดอะไร”
“ฮั่นแน่” เขายิ้มกว้างอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางตกใจของผม “ ยอมรับล่ะสิ ไม่เป็นไรครับ ปีเตอร์คนนี้คือยอดแห่งนักเก็บความลับ ความลับจะอยู่รอดปลอดภัยยิ่งกว่าเก็บไว้ในตู้เซฟธนาคารเชียวละ”
“ยอดแห่งนักเก็บความลับเหรอ แล้วที่คนแถวนี้เขาว่า ‘ความลับจะไม่ใช่ความลับ ถ้าความลับมาถึงปีเตอร์’ หมายถึงอะไรครับท่านปีเตอร์”
หนุ่มแว่นไม่ได้สะทกสะท้านคำพูดของผมเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มตามเคย (แต่คราวนี้ผมไม่บ้าจี้ยิ้มตามด้วย) อธิบายอย่างเริงรื่นว่า
“อ้อ นั่นเป็นคำที่ผู้คนเขาเรียกขานผมด้วยความชื่นชมครับ ถ้าความลับนั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงต่อมนุษยชาติผมต้องรีบกระจายข่าวให้ทุกคนรับรู้กันสิครับ แต่ถ้าเป็นความลับที่สมควรเป็นความลับ นายปีเตอร์จะปิดปากให้สนิทชนิดเอาคีมเหล็กมาง้าง ก็ไม่มีทางเปิดเผย ผมรู้นะว่าคุณไวโอลาไม่ใช่ชาวโลก เพราะตั้งแต่เธอมาปรากฏตัวที่บ้านคุณ บางอย่างของเธอบอกว่าไม่ใช่ชาวโลก และพักนี้มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นเสมอ”
“สิ่งแปลก ๆ ที่คุณว่ามันคืออะไร” ผมถามแบบใจคอไม่ดี
“วันนี้นะครับ อยู่ดี ผนังห้องรับแขกบ้านผมก็มีภาพกลม ๆ ขนาดหนึ่งฟุตกว่า ปรากฎสูงจากพื้นประมาณเมตรครึ่ง มันดูแปลกมากทีเดียวครับ แถมยังทำท่าจะขยายใหญ่ขึ้น ขัดถูล้างยังไงก็ไม่ออก คุณว่าแปลกไหมล่ะ”
“ปีเตอร์” ผมจ้องหน้าเขาเขม็ง “บ้านคุณมีค้อนไหม"
.