cr.
https://www.tnnthailand.com/news/trueinside/83129/
" ชวนมาติดตามปรากฎการณ์ “ลิซ่า เอฟเฟกต์” (Lisa Effect) อันเป็นผลมาจากความฮอตฮิตของ “ลิซ่า BLACKPINK” ที่ต้องบอกว่าตอนนี้เธอทรงอิทธิพลระดับโลกจริงๆ!! "
ณ เวลานี้เมื่อมีข่าวคราวของ “ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล” (Lisa) สมาชิกชาวไทยวัย 24 ปี ผู้เป็นน้องเล็กของเกิร์ลกรุ๊ปวง “แบล็กพิงก์” (BLACKPINK) ออกมาให้ติดตาม ก็ต้องยอมรับว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ในแวดวงเคป๊อปหรือฝั่งเอเชีย แต่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในระดับโลก
ล่าสุดในการปรากฎตัวในคลิปที่ “ลิซ่า” รัวภาษาอังกฤษ เชิญชวนแฟนๆ ร่วมชมโชว์เปิดคอลเลกชั่นเครื่องประดับของแบรนด์ “บูลการี่” (Bvlgari) ก็ส่งให้ “ลิซ่า” ขึ้นแท่นไอดอลเคป๊อปที่ได้สวมเครื่องประดับราคาแพงที่สุดอันดับหนึ่งโดยทันที
เพราะสร้อยคอที่เธอสวมนั้นมีมูลค่าสูงถึง 1.13 ล้านดอลล่าร์หรือราว 35 ล้านบาท โดยที่ผ่านมายังไม่เคยมีไอดอลเคป๊อปคนไหนได้สวมเครื่องประดับราคาเกิน 1 ล้านดอลล่าร์มาก่อน ซึ่งนี่สะท้อนชัดว่าแบรนด์ Bvlgari อันเป็นแบรนด์เครื่องประดับเก่าแก่สัญชาติอิตาลี ทั้งเชื่อมั่นและเอื้อเอ็นดูต่อไอดอลเคป๊อปสายเลือดไทยคนนี้ เพราะไม่เพียงเลือกเธอเป็น Global Brand Ambassador แต่ยังเลือกให้สวมเครื่องประดับตัวท็อปและให้ “ลิซ่า” นำแสดงในแคมเปญโปรโมทซึ่งจะปล่อยช่วงปลายเดือนนี้ด้วย
เมื่อเดือนที่แล้ว บรรณาธิการข่าวธุรกิจของนิตยสาร “โว้ก” (Vogue) เพิ่งยกให้ “ลิซ่า” เป็นแชมป์ไอดอลเคป๊อปผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมแฟชั่น หลังจากเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม ปี 2020 - เดือนพฤษภาคม ปีนี้ “ลิซ่า” ส่งให้มูลค่าสื่อที่แบรนด์ “เซลีน” (Celine) ได้รับการพูดถึง เพิ่มขึ้น 80.9 ล้านดอลล่าร์ หรือกว่า 2,500 ล้านบาท
จากตรงนี้ทำให้ “ลิซ่า” ได้รับการจับตาว่าเธอเป็นอีกแรงหนุนสำคัญที่ส่งให้ “เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์” (Bernard Arnault) ผู้กุมบังเหียนเครือธุรกิจ LVMH ต้นสังกัดของแบรนด์หรูอย่าง "หลุยส์ วิตตอง" (Louis Vuitton) รวมถึง Celine ร่ำรวยแซงหน้า “เจฟฟ์ เบโซส์” (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้งบริษัท Amazon ขึ้นแท่นเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกแทนด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 5.83 ล้านล้านบาท
ยังไม่หมดเท่านั้น ในวงการเพลงสหรัฐล่าสุด ต่างตื้นตันกับเรื่องราวที่ “เดสตินี่ โรเจอร์ส” (Destiny Rogers) ศิลปินสาววัย 21 ปี เล่าให้ฟังว่า “ลิซ่า BLACKPINK” มีส่วนสำคัญที่ช่วยต่ออนาคตในวงการเพลงให้กับเธอ
เพราะหลังจากที่เพลง Tomboy ของเธอถูกเลือกมาใช้ในคลิปเต้น LILI’s FILM [The Movie] ทางช่องยูทูปส่วนตัวของ “ลิซ่า” ทำให้เพลงของเธอกลับมามีกระแสอีกครั้งและหลังจากนั้นเธอก็ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับค่ายเพลง จากเดิมสัญญากำลังจะหมดและเธอก็ต้องเก็บของกลับบ้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปรากฎการณ์ “ลิซ่า เอฟเฟกต์” (Lisa Effect) ที่มีข่าวคราวออกมาในช่วงเดือนถึงสองเดือนนี้เท่านั้น ถึงได้บอกว่า “ลิซ่า” เคลื่อนไหวแต่ละครั้ง สะเทือนระดับโลกเลยจริงๆ
#LISA #LALISA #BLACKPINK
ปังฉุดไม่อยู่!! ‘ลิซ่า เอฟเฟกต์’ เคลื่อนไหวแต่ละครั้ง สะเทือนแทบทุกวงการ / ข่าวบันเทิง TrueInside TNNthailand
cr. https://www.tnnthailand.com/news/trueinside/83129/
" ชวนมาติดตามปรากฎการณ์ “ลิซ่า เอฟเฟกต์” (Lisa Effect) อันเป็นผลมาจากความฮอตฮิตของ “ลิซ่า BLACKPINK” ที่ต้องบอกว่าตอนนี้เธอทรงอิทธิพลระดับโลกจริงๆ!! "
ณ เวลานี้เมื่อมีข่าวคราวของ “ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล” (Lisa) สมาชิกชาวไทยวัย 24 ปี ผู้เป็นน้องเล็กของเกิร์ลกรุ๊ปวง “แบล็กพิงก์” (BLACKPINK) ออกมาให้ติดตาม ก็ต้องยอมรับว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ในแวดวงเคป๊อปหรือฝั่งเอเชีย แต่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในระดับโลก
ล่าสุดในการปรากฎตัวในคลิปที่ “ลิซ่า” รัวภาษาอังกฤษ เชิญชวนแฟนๆ ร่วมชมโชว์เปิดคอลเลกชั่นเครื่องประดับของแบรนด์ “บูลการี่” (Bvlgari) ก็ส่งให้ “ลิซ่า” ขึ้นแท่นไอดอลเคป๊อปที่ได้สวมเครื่องประดับราคาแพงที่สุดอันดับหนึ่งโดยทันที
เพราะสร้อยคอที่เธอสวมนั้นมีมูลค่าสูงถึง 1.13 ล้านดอลล่าร์หรือราว 35 ล้านบาท โดยที่ผ่านมายังไม่เคยมีไอดอลเคป๊อปคนไหนได้สวมเครื่องประดับราคาเกิน 1 ล้านดอลล่าร์มาก่อน ซึ่งนี่สะท้อนชัดว่าแบรนด์ Bvlgari อันเป็นแบรนด์เครื่องประดับเก่าแก่สัญชาติอิตาลี ทั้งเชื่อมั่นและเอื้อเอ็นดูต่อไอดอลเคป๊อปสายเลือดไทยคนนี้ เพราะไม่เพียงเลือกเธอเป็น Global Brand Ambassador แต่ยังเลือกให้สวมเครื่องประดับตัวท็อปและให้ “ลิซ่า” นำแสดงในแคมเปญโปรโมทซึ่งจะปล่อยช่วงปลายเดือนนี้ด้วย
เมื่อเดือนที่แล้ว บรรณาธิการข่าวธุรกิจของนิตยสาร “โว้ก” (Vogue) เพิ่งยกให้ “ลิซ่า” เป็นแชมป์ไอดอลเคป๊อปผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมแฟชั่น หลังจากเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม ปี 2020 - เดือนพฤษภาคม ปีนี้ “ลิซ่า” ส่งให้มูลค่าสื่อที่แบรนด์ “เซลีน” (Celine) ได้รับการพูดถึง เพิ่มขึ้น 80.9 ล้านดอลล่าร์ หรือกว่า 2,500 ล้านบาท
จากตรงนี้ทำให้ “ลิซ่า” ได้รับการจับตาว่าเธอเป็นอีกแรงหนุนสำคัญที่ส่งให้ “เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์” (Bernard Arnault) ผู้กุมบังเหียนเครือธุรกิจ LVMH ต้นสังกัดของแบรนด์หรูอย่าง "หลุยส์ วิตตอง" (Louis Vuitton) รวมถึง Celine ร่ำรวยแซงหน้า “เจฟฟ์ เบโซส์” (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้งบริษัท Amazon ขึ้นแท่นเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกแทนด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 5.83 ล้านล้านบาท
ยังไม่หมดเท่านั้น ในวงการเพลงสหรัฐล่าสุด ต่างตื้นตันกับเรื่องราวที่ “เดสตินี่ โรเจอร์ส” (Destiny Rogers) ศิลปินสาววัย 21 ปี เล่าให้ฟังว่า “ลิซ่า BLACKPINK” มีส่วนสำคัญที่ช่วยต่ออนาคตในวงการเพลงให้กับเธอ
เพราะหลังจากที่เพลง Tomboy ของเธอถูกเลือกมาใช้ในคลิปเต้น LILI’s FILM [The Movie] ทางช่องยูทูปส่วนตัวของ “ลิซ่า” ทำให้เพลงของเธอกลับมามีกระแสอีกครั้งและหลังจากนั้นเธอก็ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับค่ายเพลง จากเดิมสัญญากำลังจะหมดและเธอก็ต้องเก็บของกลับบ้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปรากฎการณ์ “ลิซ่า เอฟเฟกต์” (Lisa Effect) ที่มีข่าวคราวออกมาในช่วงเดือนถึงสองเดือนนี้เท่านั้น ถึงได้บอกว่า “ลิซ่า” เคลื่อนไหวแต่ละครั้ง สะเทือนระดับโลกเลยจริงๆ
#LISA #LALISA #BLACKPINK