เกมสมัยก่อน ยุคที่อินเทอร์เน็ตไม่เจริญ เวลาเข้าเกมก็จะเข้าได้ทันที เล่นคนเดียวก็เล่นไป แต่ถ้าจะเล่นหลายคนก็จะมีเมนูมัลติเพลย์เยอร์ต่างหาก จากนั้นค่อยต่อเน็ต คือแยกจากกันโดยสิ้นเชิงระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์
เกมสมัยนี้ หลายเกม/บางเกม บังคับ login เข้า server ของเกมตั้งแต่เริ่มเกมมาเลย แม้ว่าเราจะแค่เล่นคนเดียว แต่ก็ต้องเสียเวลารอเกม connect to server ก่อนเสมอ พอเข้าหน้าเมนูมา บางเกมก็อาจะมี "ข่าว" หรือ "หน้าร้านค้า" ให้กดเข้าไปเสียเงินเพิ่มได้ มีเกมใหม่ของค่ายเสนอหน้ามาในหน้าเมนูของเกมปัจจุบัน บางเกมก็ไม่สามารถบันทึกพรีเซ็ตหรือเซ็ตติ้งบางอย่างได้ถ้าไม่เชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์มัน บางเกมก็จะไม่ได้รางวัลหรือค่าเงินในเกมถ้าออฟไลน์ และที่แย่ที่สุดคือ บางเกมไม่สามารถ pause เกมได้ เพราะเกมมันออนไลน์ตลอดเวลานั่นเอง แปลว่าถ้าเล่นๆ อยู่อย่างดุเดือดแล้วแม่เรียกไปกรอกน้ำ หรือท้องเสียกำเริบ คุณต้องปล่อยเกมไว้อย่างนั้นแล้วเตรียมตัวเริ่มใหม่ได้เลย คือถ้าเล่นเกมออนไลน์หรือ MOBA หรืออะไรแนวๆ นี้ ก็เข้าใจได้ แต่นี่คือเกมเล่นคนเดียวนะ!!
โมเดลเกมแบบนี้ทำเหมือนจะสะดวก เหมือนจะดี ทำให้การเล่นเกมนั้นเชื่อมต่อไหลลื่นไปกับโลกภายนอก และอาจป้องกันการโกงได้ แต่มองให้ลึกจริงๆ แล้วผมมองว่ามันเอาเปรียบผู้เล่นมากกว่า ทำไมคนที่เล่นคนเดียวอยู่บ้านเงียบๆ ต้องมาเสียเวลารอเชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์ ทำไมต้องมาโดนเอาเปรียบถ้าเล่นเกมแล้วไม่ได้รางวัลอย่างที่ควรจะได้แค่ไม่ต่อเน็ต และทำไมแค่สิทธิ์พื้นฐานอย่างการ pause เกมก็ยังทำไม่ได้แม้จะเล่นคนเดียว (อันนี้ควรด่าที่สุด)
ข้อดีอย่างเดียวที่เกมเชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์คือ มันบันทึกเซฟเกมขึ้น cloud แต่เอาจริงๆ ถ้าเพื่อการนี้แค่เช็คก่อนเข้าเกมกับหลังปิดเกมก็พอแล้วนี่
และเพราะระบบนี้ พอเวลาผ่านไปนานๆ เกมเหล่านั้นอาจถูกตัดระบบบางอย่างทิ้งถ้าเขาปิดเซอร์ฟเวอร์ไป จริงอยู่ถ้าถึงขนาดนั้นเกมคงเก่ามากแล้ว แต่สำหรับเกมที่ "เล่นคนเดียว" ได้ มันก็ไม่ควรถูกตัดทอนลดคุณค่าลงเพียงเพราะไม่มีเซอร์ฟเวอร์มารองรับ ยกตัวอย่าง สมมติว่าเกม Super Mario 3 เวลาเปิดหีบที่บ้านเห็ดจะต้องเชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์ แล้วพอนานหลายสิบปีเขาปิดตรงนี้ไปละ กลายเป็นเล่นไม่ได้ไปเลยงั้นเหรอ? หรือเกมแข่งรถที่ pause ไม่ได้ เพราะทำระบบ "เผื่อ" ผู้เล่นออนไลน์ ทุกอย่างต้องเรียลไทม์ (แต่ตูเล่นคนเดียวโว้ยย!!) เชื่อได้เลยว่าในวันที่เขาปิดเซอร์ฟเวอร์ไปแล้ว ไอ้ระบบ pause ไม่ได้นี่ก็อาจยังอยู่ ยกเว้นผู้พัฒนาจะมีน้ำใจ ก่อนปิดบริการมีอัปแพทช์ใหม่ให้เกมออฟไลน์เต็มรูปแบบได้
ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วนี้ คือพบเห็นได้ในบางเกม ผมก็พูดรวมๆ สิ่งที่รู้สึกก็คือ เกมสมัยนี้บางเกมพยามลดรอยต่อระหว่างเกมเล่นคนเดียวกับเล่นหลายคน เล่นออฟไลน์กับเล่นออนไลน์ แม้ว่าความเป็นจริงทุกวันนี้ แทบทุกบ้านมีอินเทอร์เน็ตใช้ และก็ต่อเน็ตกันตลอดเวลาอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะต่อเน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา บางคนอาจเล่นบนโน้ตบุ๊กนอกสถานที่หรือเน็ตไม่สเถียร ผมเห็นว่าไม่ควรเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อจำกัดและทำให้ผู้เล่นคนเดียวต้องเสียเวลาหรือเสียประโยชน์ใดๆ จากการที่ไม่เชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์ ทั้งที่ก็ซื้อเกมมาเหมือนกัน!
อนึ่ง... แม้เราสามารถตั้ง Launcher เกมของร้านค้าเป็น Offline ได้ มันก็อาจช่วยแค่ข้ามเรื่อง login server ตอนเริ่มเกมไป แต่ผลประโยชน์ใดๆ ที่ควรได้จากการเล่น ก็ยังคงถูกจำกัดไว้อยู่ดี
เพื่อนๆ สมาชิกคิดเห็นอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย พูดคุยกันได้ครับ แม้จะไม่ถึงหูผู้จัดจำหน่ายเกมก็ตาม
คิดอย่างไรกับเกมสมัยนี้ที่ชอบ "Login to server" ทุกครั้งที่เข้าเกม แม้จะเล่นคนเดียว
เกมสมัยนี้ หลายเกม/บางเกม บังคับ login เข้า server ของเกมตั้งแต่เริ่มเกมมาเลย แม้ว่าเราจะแค่เล่นคนเดียว แต่ก็ต้องเสียเวลารอเกม connect to server ก่อนเสมอ พอเข้าหน้าเมนูมา บางเกมก็อาจะมี "ข่าว" หรือ "หน้าร้านค้า" ให้กดเข้าไปเสียเงินเพิ่มได้ มีเกมใหม่ของค่ายเสนอหน้ามาในหน้าเมนูของเกมปัจจุบัน บางเกมก็ไม่สามารถบันทึกพรีเซ็ตหรือเซ็ตติ้งบางอย่างได้ถ้าไม่เชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์มัน บางเกมก็จะไม่ได้รางวัลหรือค่าเงินในเกมถ้าออฟไลน์ และที่แย่ที่สุดคือ บางเกมไม่สามารถ pause เกมได้ เพราะเกมมันออนไลน์ตลอดเวลานั่นเอง แปลว่าถ้าเล่นๆ อยู่อย่างดุเดือดแล้วแม่เรียกไปกรอกน้ำ หรือท้องเสียกำเริบ คุณต้องปล่อยเกมไว้อย่างนั้นแล้วเตรียมตัวเริ่มใหม่ได้เลย คือถ้าเล่นเกมออนไลน์หรือ MOBA หรืออะไรแนวๆ นี้ ก็เข้าใจได้ แต่นี่คือเกมเล่นคนเดียวนะ!!
โมเดลเกมแบบนี้ทำเหมือนจะสะดวก เหมือนจะดี ทำให้การเล่นเกมนั้นเชื่อมต่อไหลลื่นไปกับโลกภายนอก และอาจป้องกันการโกงได้ แต่มองให้ลึกจริงๆ แล้วผมมองว่ามันเอาเปรียบผู้เล่นมากกว่า ทำไมคนที่เล่นคนเดียวอยู่บ้านเงียบๆ ต้องมาเสียเวลารอเชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์ ทำไมต้องมาโดนเอาเปรียบถ้าเล่นเกมแล้วไม่ได้รางวัลอย่างที่ควรจะได้แค่ไม่ต่อเน็ต และทำไมแค่สิทธิ์พื้นฐานอย่างการ pause เกมก็ยังทำไม่ได้แม้จะเล่นคนเดียว (อันนี้ควรด่าที่สุด)
ข้อดีอย่างเดียวที่เกมเชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์คือ มันบันทึกเซฟเกมขึ้น cloud แต่เอาจริงๆ ถ้าเพื่อการนี้แค่เช็คก่อนเข้าเกมกับหลังปิดเกมก็พอแล้วนี่
และเพราะระบบนี้ พอเวลาผ่านไปนานๆ เกมเหล่านั้นอาจถูกตัดระบบบางอย่างทิ้งถ้าเขาปิดเซอร์ฟเวอร์ไป จริงอยู่ถ้าถึงขนาดนั้นเกมคงเก่ามากแล้ว แต่สำหรับเกมที่ "เล่นคนเดียว" ได้ มันก็ไม่ควรถูกตัดทอนลดคุณค่าลงเพียงเพราะไม่มีเซอร์ฟเวอร์มารองรับ ยกตัวอย่าง สมมติว่าเกม Super Mario 3 เวลาเปิดหีบที่บ้านเห็ดจะต้องเชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์ แล้วพอนานหลายสิบปีเขาปิดตรงนี้ไปละ กลายเป็นเล่นไม่ได้ไปเลยงั้นเหรอ? หรือเกมแข่งรถที่ pause ไม่ได้ เพราะทำระบบ "เผื่อ" ผู้เล่นออนไลน์ ทุกอย่างต้องเรียลไทม์ (แต่ตูเล่นคนเดียวโว้ยย!!) เชื่อได้เลยว่าในวันที่เขาปิดเซอร์ฟเวอร์ไปแล้ว ไอ้ระบบ pause ไม่ได้นี่ก็อาจยังอยู่ ยกเว้นผู้พัฒนาจะมีน้ำใจ ก่อนปิดบริการมีอัปแพทช์ใหม่ให้เกมออฟไลน์เต็มรูปแบบได้
ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วนี้ คือพบเห็นได้ในบางเกม ผมก็พูดรวมๆ สิ่งที่รู้สึกก็คือ เกมสมัยนี้บางเกมพยามลดรอยต่อระหว่างเกมเล่นคนเดียวกับเล่นหลายคน เล่นออฟไลน์กับเล่นออนไลน์ แม้ว่าความเป็นจริงทุกวันนี้ แทบทุกบ้านมีอินเทอร์เน็ตใช้ และก็ต่อเน็ตกันตลอดเวลาอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะต่อเน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา บางคนอาจเล่นบนโน้ตบุ๊กนอกสถานที่หรือเน็ตไม่สเถียร ผมเห็นว่าไม่ควรเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อจำกัดและทำให้ผู้เล่นคนเดียวต้องเสียเวลาหรือเสียประโยชน์ใดๆ จากการที่ไม่เชื่อมต่อเซอร์ฟเวอร์ ทั้งที่ก็ซื้อเกมมาเหมือนกัน!
อนึ่ง... แม้เราสามารถตั้ง Launcher เกมของร้านค้าเป็น Offline ได้ มันก็อาจช่วยแค่ข้ามเรื่อง login server ตอนเริ่มเกมไป แต่ผลประโยชน์ใดๆ ที่ควรได้จากการเล่น ก็ยังคงถูกจำกัดไว้อยู่ดี
เพื่อนๆ สมาชิกคิดเห็นอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย พูดคุยกันได้ครับ แม้จะไม่ถึงหูผู้จัดจำหน่ายเกมก็ตาม