JJNY : ฉีดเข็ม2 6วัน หนุ่มใหญ่สิ้นใจคาร้าน│กัญชาครอบครัวเริ่มสะดุด│“สมาพันธ์เอสเอ็มอี”วอนตู่3ข้อ│นโยบาย120วันไม่เพิ่มGDP

เพิ่งฉีดเข็ม 2 ได้ 6 วัน! หนุ่มใหญ่มานวดแผนไทย บ่นแน่นหน้าอก ก่อนสิ้นใจคาร้าน ทั้งที่แข็งแรง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6461030
 
 
เพิ่งฉีดเข็ม 2 ได้ 6 วัน! หนุ่มใหญ่มานวดแผนไทย บ่นแน่นหน้าอก หน้ามืด ก่อนสิ้นใจคาร้าน เผยเป็นคนสุขภาพดี แข็งแรง เมียช็อก เมื่อวานเพิ่งทะเลาะกัน
   
วันที่ 18 มิ.ย.64 ร.ต.ท.เสริมศิริ แต่งตั้ง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม
 
ที่เกิดเหตุพบศพ นายวินัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ชาว นครศรีธรรมราช สภาพนอนแน่นิ่งบนเตียง ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขายาว ตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้าย จากการสอบถามพนักงานนวด เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุภายในร้านนวด มีพนักงานช่วยกันดูแลอยู่ 3 คน ช่วงเวลา 11.30 น. นายวินัย ได้เข้ามาขอใช้บริการ โดยบ่นแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม พวกตนเห็นว่า เล็กน้อยจึงได้ช่วยกันดู เพราะรู้จักกัน ปรากฏว่านวดไปได้ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่ นายวินัย นอนคว่ำอยู่ ได้พูดออกมาว่า เหมือนหน้ามืด หายใจไม่ออก จึงช่วยกันพลิกตัวหงายหน้าขึ้นมา แต่แล้วก็แน่นิ่งไป จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ
 
หลังเกิดเหตุภรรยาของ นายวินัย ได้เดินทางมาที่ร้าน พร้อมเปิดเผยว่า นายวินัย เป็นเจ้าของบริษัทขนส่งน้ำมันพืช โดยเมื่อวานนี้ช่วงหัวค่ำได้ออกไปทานข้าวกับลูกน้องและดื่มเบียร์ไป 2 ขวด แล้วกลับมามีปากเสียงกัน เพราะ นายวินัย หาว่าตนชอบโทรไปตาม ด้วยความโมโหจึงแยกกันนอน กระทั่งตอนเช้าเห็น นายวินัย ลงมานั่งดื่มกาแฟ ตนออกไปทำงาน โดยไม่ทราบว่า นายวินัย ออกมานวดที่ร้าน กระทั่งมีพนักงานร้านโทรมาบอกว่าเสียชีวิต
 
สำหรับผู้ตายนั้นได้ฉีดวัคซีนซิโนแวค ครบเข็มที่ 2 แล้วเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ นายวินัย ก็แข็งแรงและไม่มีอาการใดๆ เนื่องจาก นายวินัย มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติและไม่มีโรคประจำตัว ขณะนี้ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด อย่างไรก็ตามทางญาติจะนำศพของผู้ตายส่งชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง
 

 
กัญชาครอบครัวละ 6 ต้น เริ่มสะดุด ต้องปลูกให้สัมพันธ์งบ รพ.สต. ชาวบ้านต้องจ่ายค่าส่วนเกินผลิตยาเกือบ 2 แสน
https://www.matichon.co.th/region/news_2783141
 
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกัญชาครอบครัวละ 6 ต้น ตามโครงการของกระทรวงสาธารณสุข เริ่มสะดุดแล้ว เมื่อวิสาหกิจชุมชนเกิดใหม่ในพื้นที่เดียวกันจะต้องรับซื้อผลผลิตของตัวเองที่ผลิตมาเป็นยาแล้ว หากผลผลิตออกมาเกินงบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน
 
โดยนายสมดุล ธนศรีลังกูล ที่ปรึกษาเทศบาลตำบลหินเหล็กไฟ และประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านถาวร กล่าวว่า ตอนนี้ในเขต ต.หินเหล็กไฟ ได้มีการตั้งวิสาหกิจชุมชนขึ้นมา 2 แห่ง คือวิสาหกิจชุมชนบ้านถาวร มีสมาชิก 16 คน และวิสาหกิจชุมชน อสม.ตำบลหินเหล็กไฟ มีสมาชิก 19 คน หลังจากเอกสารการตั้งวิสาหกิจชุมชนผ่าน สมาชิกแต่ละครอบครัวได้ทำโรงเรือนขึ้นเองขนาด 50 ตารางเมตร (25 ตรว.) ปลูกกัญชาได้ 6 ต้น ตามระเบียบของโครงการ รวมทั้งหมด 35 โรงเรือน
 
นายสมดุลกล่าวว่า ต่อมาได้รับการชี้แจงจากโรงพยาบาลคูเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตยาจากกัญชาว่าการปลูกกัญชาจะต้องปลูกให้สัมพันธ์กับงบประมาณของ รพ.สต.นั้นๆ เพราะ รพ.สต.จะเป็นผู้รับซื้อยาไปรักษาชาวบ้านในพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว ทั้งสองวิสาหกิจชุมชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่จะมาสามารถปลูกกัญชาได้เพียง 20 ต้นเท่านั้น หากมีการปลูกครบ 35 โรงเรือน คือ 210 ต้น จะทำให้ผลผลิตไม่สัมพันธ์กันกับงบประมาณของ รพ.สต. หากต้องการปลูกทั้ง 210 ต้น ชาวบ้านจะต้องจ่ายเงินส่วนต่างค่าผลิตยามาเป็นจำนวนเงิน 199,000 บาท
 
นายสมดุลกล่าวด้วยว่า โดยปกติจากข้อตกลง ชาวบ้านที่ปลูกกัญชาครอบครัวละ 6 ต้น จะได้ผลประโยชน์จากการปลูกคือได้ส่วนของใบกัญชาเอาไปขาย หรือทำประโยชน์อื่น 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนอื่นต้องให้แหล่งผลิตยาตามสัญญา ซึ่งมองว่าไม่คุ้มอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องควักจ่ายเป็นค่าส่วนต่างอีก ชาวบ้านคงไม่มีปัญญา
 
“ตอนนี้ชาวบ้านต่างไม่เข้าใจกับข้อมูลที่โรงพยาบาลแจ้งมา เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันอย่างถูกต้อง แต่ถ้าแหล่งผลิตยากัญชายืนยันดังนั้น ชาวบ้านคงต้องยกเลิกการปลูก หากต้องไปรับผิดชอบปริมาณยาที่ผลิตขึ้นอีก” นายสมดุลกล่าว
 

 
“สมาพันธ์เอสเอ็มอี” วอนบิ๊กตู่ 3 ข้อ ก่อน 120 วัน เปิดประเทศ
https://www.prachachat.net/economy/news-693656

หวั่น SMEs ล้มละลายตาย “สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย” ชงข้อเสนอผ่านบอร์ด สสว. ถึง “นายกรัฐมนตรี” พักต้น-พักดอก ปล่อยสินเชื่อ Factoring ดึงกองทุนประกันสังคมเครื่องมือเข้าช่วย หวังกู้ชีพผู้ประกอบการทุกระดับมีแรงประกอบกิจการก่อน 120 วัน้ปิดประเทศ พร้อมจี้รัฐนิยาม SMEs ให้ตรงกันทุกหน่วยงาน
 
วันที่ 18 มิถุนายน 2564 นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า หลังจากที่เกิดโควิด-19 ระลอก 3 พบว่ามี SMEs ได้รับผลกระทบถึง 300,000 ราย หากรวมระลอก 1 พบว่ากระทบกว่า 70% จาก SMEs ทั้งหมด 3.1 ล้านราย ดังนั้นก่อนที่รัฐบาลจะเตรียมเปิดประเทศในอีก 120 วัน สมาพันธ์ฯ จึงได้หารือกับนายมงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา
   
เพื่อนำไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการ 3 ข้อสำคัญแบบเร่งด่วน ให้ทันก่อนเปิดประเทศ โดยจะติดตามความคืบหน้า 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนหลังจากนี้ หากยังไม่เป็นผลจะขอเข้าพบนายกฯ โดยตรงโดยขอให้ 
 
1. พักต้น พักดอก เติมทุน โดยไม่คิดดอกเบี้ยตลอดเวลาการพักเงินต้น และต้องยืดระยะเวลาออกไปรวมทั้งไม่คติด้ครดิตบูโร
 
2. สินเชื่อ Factoring ใบสั่งซื้อ-ใบกำกับภาษี mSMES หรือการใช้ใบสั่งซื้อมาขอสินเชื่อ 30-50% ของวงเงินใบสั่งซื้อจากลูกค้าของ mSMES เพื่อนำเงินไปซื้อวัตถุดิบ เมื่อผลิตส่งมอบสินค้าเรียบร้อยสามารถนำใบกำกับภาษีมาขอสินเชื่อส่วนที่เหลือได้
 
3. กองทุนประกันสังคม 30,000 ล้านบาท ที่มีออกมาแต่ผู้ประกอบการเข้าถึงยากมาก ที่ควรให้กู้กับผู้ประกอบการที่มีประวัติส่งเงินสมทบตรง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และไม่ให้กระทบต่อ SMEs ทุกระดับกว่า 1 ล้านราย +ครอบครัวรวมเป็น 5 ล้านราย หากมาตรการไม่ถูกผลักดันจนสำเร็จ
ส่วนมาตรการในระยะถัดไปที่ต้องดำเนินตามมา คือการฟื้นฟูกิจการ ด่วยการตั้ง 3 กองทุน ได้แก่ 
 
1. การนำกองทุนพัฒนา SME ตามแนวประชารัฐออกจากระบบ ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ดูแลอยู่โดยให้มืออาชีพด้านการเงินเข้ามาบริหารแทน และโยกไปอยู่พายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
 
2. กองทุนฟื้นฟู NPL เพื่อการพัฒนา mSMEs ไทย เพื่อให้รายที่มีหนี้ NPL ปัจจุบันกว่า 24,000 ล้านบาท เข้าถึงแหล่งทุน
 
3. กองทุนพัฒนานวัตกรรม ที่จะเข้ามาช่วยเสริมมูลค่าเพิ่ม
 
“สิ่งที่เป็นกับดักทำให้ SMEs ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและต้องตายในตอนนี้มีหลายสาเหตุ เราจึงต้องการให้รัฐผลักดัน Soft Loan 2 วงเงิน 25,000 ล้านบาท ปรับปรุง 4 เรื่องคือ นิยามคำว่า SMEs ใหม่ให้ตรงกัน แบ่งวงเงินแต่ละกลุ่มผู้ประกอบการให้ชัดเจน กำหนดเป้าหมายจำนวน SMEs แต่ละกลุ่มให้ชัด และต้องผ่อนปรนเกณฑ์การพิจารณาใหม่”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่