สอบถามผู้รู้ค่ะ เพื่อเป็นแนวทางความรู้ ลูกจ้างพนักงานเอกชน อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงได้รับเยียวยาหรือไม่

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นขอเล่ารายละเอียดก่อนนะคะ

สอบถามผู้รู้ค่ะ ลูกจ้างที่ทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการ ที่เรียกว่าผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน อยากจะสอบถามเพื่อเป็นความรู้ เพื่อจะได้เข้าใจให้ถูกต้อง

เรื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้ ไม่ได้เกิดกับตัวดิฉันเองนะคะ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่รู้จะปรึกษาใคร พี่เขาจึงมาเล่ารายละเอียดให้ดิฉันฟังว่า.....

ช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน 2564 (จำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไหร่ น่าจะอยู่ในช่วงหลังสงกรานต์มา) ตัวพี่เขาเองอาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งครอบครัวพี่เขามีบุคคลพบเชื้อโควิด-19 ซึ่งก็หมายความว่าตัวพี่เขาเองมีความเสี่ยงสูง หลังจากที่พี่เขาได้รับแจ้งจากทางบ้านว่ามีผู้พบเชื้อโควิด-19 พี่เขาได้แจ้งทางหัวหน้าแผนก และพี่เขาได้ถูกให้กักตัวเพื่อรอดูอาการ 14 วันตามมาตรการ ระหว่างที่โดนกักตัว คือพี่เขาจะต้องหยุดงานถูกไหมคะ ซึ่งระหว่างนั้นก็ทำการไปตรวจหาเชื้อ แต่ผลของมาไม่พบเชื้อทั้งสองรอบ และมีใบรับรองจากทางกรมอนามัยด้วย ว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงจึงมีเหตุได้หยุดงาน

และหลังจากที่กักตัวครบ 14 วันก็กลับมาทำงาน อยากทราบว่าในวันที่เราหยุดงานไปนั้น เราสามารถใช้วันลาอะไรได้บ้างคะ และในส่วนสิทธิของผู้ประกันตนพี่เขาจะได้รับการเยียวยาหรือเปล่าคะ (แต่ทางพี่เขาก็ศึกษาข้อมูลมาบ้างค่ะ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจมากนัก)

เรื่องมันเกิดจากเหตุการณ์ตรงนี้ค่ะ....จึงทำให้พี่เขาสงสัยว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่ท่านนึงพูดมานั้นมันถูกต้องหรือไม่ (ผู้ใหญ่คนนี้ไม่ใช่บุคคลนะคะ) ตัวพี่เขาผิดหรือที่เข้าไปสอบถามเพื่ออยากทราบข้อมูล และจะได้เข้าใจได้ถูกต้อง
ในเบื้องต้นนั้น ทางพี่เขาได้เข้าไปสอบถามกับทางบุคคลว่าที่หยุดงานไป 14 วันนั้นต้องเอาวันลาอะไรมาใช้ได้บ้างคะ และได้รับการเยียวยาอะไรไหมคะของผู้ประกันตน ทางเจ้าหน้าที่บุคคลแจ้งพี่เขาว่า ให้ใช้พักร้อนลา ไม่ให้ใช้ลาป่วย หรือที่ทราบมาก็หยุดงานโดยไม่รับค่าจ้าง แต่พี่เขาเลือกอะไรไม่ได้ นอกจากให้ใช้ได้แค่พักร้อนเท่านั้น ถ้าไม่มีวันลาก็ให้ติดชั่วโมงวันทำงานไว้ ก็ทำงานเพื่อเก็บโอทีมาใช้คืนชั่วโมงทำงานที่หยุดไป (นับดูแล้วไม่น้อยค่ะ เป็นหลายชั่วโมง)

ถ้าพูดถึงสิทธิที่เราจะได้รับ ทำไมไม่ได้รับ จากที่ศึกษามา....
กรณีหยุดอยู่บ้านเฝ้าดูอาการ 14 วัน
ในส่วนของนายจ้าง : ในช่วงที่หยุดอยู่บ้านเพื่อกักตัวเฝ้ารอดูอาการ 14 วัน หรือถูกนายจ้างสั่งไม่ให้มาทำงาน เพราะสุ่มเสี่ยงเป็นผู้ติดเชื้อ หากต้องการค่าจ้างเต็มจำนวน อาจตกลงกับนายจ้าง ด้วยการขอทำงานอยู่บ้าน หรือใช้สิทธิ์ลาป่วย หรือสิทธิ์ลาพักร้อนแทน หรือนายจ้างอาจตกลงกับลูกจ้างให้หยุดงานโดยไม่รับค่าจ้าง (Leave without Pay) หรือให้ลูกจ้างหยุดงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างตามหลักสัญญาต่างตอบแทน (No Work No Pay) ก็ได้

ในส่วนประกันสังคม : หากลูกจ้างมีสิทธิประกันสังคม และไม่ได้รับค่าจ้างจากนายจ้างในช่วงนี้ จะถือว่าเป็นกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัย สามารถยื่นขอรับเงินชดเชยจากประกันสังคมได้ และนายจ้างต้องยื่นหนังสือรับรองการหยุดงานของลูกจ้างอันเนื่องจากเหตุสุดวิสัย

แบบนี้ไม่ใช่หรือมันถึงจะยุติธรรมสำหรับเรา เราควรที่จะเลือกได้ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ให้เราเลือกอะไรไม่ได้เลย แถมยังต้องมาเก็บชั่วโมงโอทีทำงานเพื่อมาใช้คืนวันที่หยุดไป เรายอมที่จะไม่รับค่าจ้าง 14 วัน แล้วเราไปยื่นขอรับเงินชดเชยจากประกันสังคม ถือว่าเป็นกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัย แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ และไม่ต้องมานั่งทำงานใช้ชั่วโมงคืนอีกด้วย

หลังจากนั้นหัวหน้าแผนกพี่เขาก็ได้เข้าไปสอบถามเพิ่มเติมให้กับลูกน้อง แต่ในขณะนั้นมีผู้ใหญ่ท่านนึงเห็นว่าหัวหน้าเขาเข้าไปทำอะไรที่บุคคล จึงเรียกไปสอบถาม และได้เรื่องว่าเข้าไปสอบถามรายละเอียดหรือสิทธิให้กับลูกน้อง แต่.....ผู้ใหญ่ท่านนั้นจึงพูดประมาณว่า ไม่ต้องเข้าไปถาม ไม่ต้องไปทำอะไรให้ ที่ทำงานก็ได้รับเงินเดือนปกติ ดีแล้วที่ได้รับเงินเดือน ไม่ถูกหักเงิน เดี๋ยวมันจะทำให้เป็นเรื่องในองค์กร คำพูดนี้แหละค่ะทำให้พี่เขารู้สึกไม่ดี คือไม่ให้หัวหน้าช่วยสอบถามให้ และยังแถมพูดจาบั่นทอนจิตใจ คือเราต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็นไหมคะ

สมมตินะคะ ถ้าเราได้รับการเยียวยาในส่วนของผู้ประกันตน นั่นก็อีกเรื่องนึง และอีกอย่างพี่เขาก็ไม่ได้ไปสอบถามการเยียวยากับบริษัท มันจะเดือดร้อนอะไรกับทางบริษัท ที่เขาใช้คำพูดว่าเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ และถ้าได้รับสิทธิในการเยียวยาทางนายจ้างต้องทำการยื่นเอกสารดำเนินการให้กับลูกจ้างไม่ใช่หรือ
หรือไม่ได้ใส่ใจเราเลย สรุปก็คือที่ทำงานไม่ทำให้

ขอสอบถามผู้รู้นะคะ มีคำแนะนำอะไรได้บ้างคะ คือทำงานเข้าใจว่ามันก็เหนื่อยเป็นเรื่องปกติ แต่คือพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่คิดจะช่วยอะไรเราได้มากไปกว่านี้แล้วหรือ 

ขอบพระคุณที่สละเวลามาอ่าน และแสดงความคิดเห็นนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่