สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
มีงานวิจัยเรื่อง Self Healing ของพวกฝรั่งเยอะอยู่ครับ
ส่วนมากเป็นเรื่อง "เคมีทั้งดีและร้าย" ที่หลั่งออกมาในขณะเผชิญกับอารมณ์ต่างๆ
ทางพุทธเรียกเคมีเหล่านี้ว่า "จิตตชรูป" คือรูปที่เกิดจากจิต
คือเมื่อจิตเป็นไปรูปก็เกิดขึ้น และเป็นไปด้วยกันกับจิตครับ
เคมีร้ายๆ ใช้เป็นการระวังภัย หรือ หนี หรือหลบภัย ส่งผลรุนแรงเช่นแบกตุ่ม แบกตู้เย็นหนีไฟไหม้บ้าน
แต่ในทางกลับกัน เคมีเหล่านี้ รีดเอาพลังจากร่างกายออกมาใช้สูงสุด และขับออกได้ยาก ใช้เวลานาน เป็นพิษสะสมระยะยาวในร่างกายโดยรวม
ที่ยกเนื้อหานี้มาเล่า ก็เพราะจิตตชรูป หรือรูปที่เกิดจากจิตเหล่านี้ มีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออกจากจิต
จิตเป็นไปอย่างไรก็เป็นปัจจัยให้จิตตชรูปเกิดขึ้นและเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับจิตนั่นเอง
นอกจากท่าทาง สีหน้า กิริยาอาการที่ตามองเห็นได้สะดวกแล้ว ในระดับเซลล์ในระดับต่อมเคมีต่างๆ ก็เป็นไปด้วยกันกับจิตเหมือนๆ กัน
จิตที่เครียดเป็นอกุศลมูล จิตตชรูปก็ย่อมเป็นไปกับจิตนั่นเอง
คือมีอาการเตรียมพร้อม เคร่งตึง ทั้งสู้ ทั้งหนี ทั้งอยากได้ ทั้งบื้อ ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี
จิตตชรูปเหล่านี้ บางอย่างจบง่าย บางอย่างใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าจะยุติลง
ในขณะที่สะสมอยู่ในร่างกายนั่นเอง ก็สามารถก่อโรคได้หลากหลายมากทีเดียว
จิตใจที่สงบ นำมาสู่ร่างกายที่แข็งแรง
ก็เช่นเดียวกันกับสภาวะที่สงบ เยือกเย็น และสันติสุข
แค่กลุ่มเคมีร้ายๆ และรุนแรงของร่างกาย ไม่ขับออกมาสะสม ก็ต้องจัดว่าดีสำหรับร่างกายแล้ว
เพราะร่างกายนอกจากไม่ต้องทำงานอย่างหนักจนเกินความสามารถจะรับไหวของร่างกายแล้ว ต้องอย่าลืมว่า
ร่างกายนั้น มีความสามารถซ่อมแซมตัวเองได้มาตั้งแต่เกิด เพียงแต่จิตต้องไม่เป็นปัจจัยแก่จิตตชรูป "ร้ายๆ" เช่นเคมีที่เป็นพิษทั้งหลาย เป็นต้น
ให้หลั่งออกมาหยุดการซ่อมแซมแต่ให้ทนทำงานอย่างหนักนั้นต่อไป
การสนับสนุนให้เคมีแห่งความสุขทั้งหลายหลั่งออกมาแทนนั้น ย่อมดีต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นเห็นผลทันที และในระยะยาวครับ
จิตที่สงบ สันติสุข เจ้าของกายนั้น ก็จะไม่ไปขัดจังหวะการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย
ในขณะเดียวกันก็ไม่ซ้ำเติมกายให้ทำงานจนหนักเกินไปด้วยครับ
ส่วนมากเป็นเรื่อง "เคมีทั้งดีและร้าย" ที่หลั่งออกมาในขณะเผชิญกับอารมณ์ต่างๆ
ทางพุทธเรียกเคมีเหล่านี้ว่า "จิตตชรูป" คือรูปที่เกิดจากจิต
คือเมื่อจิตเป็นไปรูปก็เกิดขึ้น และเป็นไปด้วยกันกับจิตครับ
เคมีร้ายๆ ใช้เป็นการระวังภัย หรือ หนี หรือหลบภัย ส่งผลรุนแรงเช่นแบกตุ่ม แบกตู้เย็นหนีไฟไหม้บ้าน
แต่ในทางกลับกัน เคมีเหล่านี้ รีดเอาพลังจากร่างกายออกมาใช้สูงสุด และขับออกได้ยาก ใช้เวลานาน เป็นพิษสะสมระยะยาวในร่างกายโดยรวม
ที่ยกเนื้อหานี้มาเล่า ก็เพราะจิตตชรูป หรือรูปที่เกิดจากจิตเหล่านี้ มีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออกจากจิต
จิตเป็นไปอย่างไรก็เป็นปัจจัยให้จิตตชรูปเกิดขึ้นและเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับจิตนั่นเอง
นอกจากท่าทาง สีหน้า กิริยาอาการที่ตามองเห็นได้สะดวกแล้ว ในระดับเซลล์ในระดับต่อมเคมีต่างๆ ก็เป็นไปด้วยกันกับจิตเหมือนๆ กัน
จิตที่เครียดเป็นอกุศลมูล จิตตชรูปก็ย่อมเป็นไปกับจิตนั่นเอง
คือมีอาการเตรียมพร้อม เคร่งตึง ทั้งสู้ ทั้งหนี ทั้งอยากได้ ทั้งบื้อ ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี
จิตตชรูปเหล่านี้ บางอย่างจบง่าย บางอย่างใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าจะยุติลง
ในขณะที่สะสมอยู่ในร่างกายนั่นเอง ก็สามารถก่อโรคได้หลากหลายมากทีเดียว
จิตใจที่สงบ นำมาสู่ร่างกายที่แข็งแรง
ก็เช่นเดียวกันกับสภาวะที่สงบ เยือกเย็น และสันติสุข
แค่กลุ่มเคมีร้ายๆ และรุนแรงของร่างกาย ไม่ขับออกมาสะสม ก็ต้องจัดว่าดีสำหรับร่างกายแล้ว
เพราะร่างกายนอกจากไม่ต้องทำงานอย่างหนักจนเกินความสามารถจะรับไหวของร่างกายแล้ว ต้องอย่าลืมว่า
ร่างกายนั้น มีความสามารถซ่อมแซมตัวเองได้มาตั้งแต่เกิด เพียงแต่จิตต้องไม่เป็นปัจจัยแก่จิตตชรูป "ร้ายๆ" เช่นเคมีที่เป็นพิษทั้งหลาย เป็นต้น
ให้หลั่งออกมาหยุดการซ่อมแซมแต่ให้ทนทำงานอย่างหนักนั้นต่อไป
การสนับสนุนให้เคมีแห่งความสุขทั้งหลายหลั่งออกมาแทนนั้น ย่อมดีต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นเห็นผลทันที และในระยะยาวครับ
จิตที่สงบ สันติสุข เจ้าของกายนั้น ก็จะไม่ไปขัดจังหวะการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย
ในขณะเดียวกันก็ไม่ซ้ำเติมกายให้ทำงานจนหนักเกินไปด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
จิตใจที่สงบ นำมาสู่ร่างกายที่แข็งแรง