เคยสงสัยใหมว่ารองเท้าที่ถูกแขวนอยู่บนสายไฟในต่างประเทศ จริงๆแล้วเค้าทำไปเพื่ออะไร....?

ผมเคยเดินทางไปหลากหลายประเทศแล้วก็เกิดความสงสัยว่า ไอ้รองเท้าผ้าใบที่ถูกจับโยนไปแขวนไว้บนสายไฟตามถนนเส้นต่างๆ จริงๆแล้วเค้าทำกันไปทำไม...

จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นของไอ้เจ้าวัฒนธรรมนี้มาจากอเมริกา ตามเมืองใหญ่ๆอย่าง NewYork , LA , หรือ Chicago ที่เรียกว่า Shoefiti
โดยเป็นการโยนรองเท้าคู่หนึ่งโดยผูกเชือกติดกัน เข้ากับสายไฟ สายโทรศัพท์ ตลอดจนถึงต้นไม้

การโยนรองเท้าเกิดขึ้นทั่วทั้งอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้
ซึ่งในอดีตการโยนรองเท้าก็มีอยู่หลากหลายความหมาย เช่น
1.เป็นส่วนหนึ่งของพิธีจบการศึกษา แบบว่าจบแล้วเย่..โยรองเท้าแม่มเลยไม่ต้องมาเรียนแล้ว
2.หรือเป็นส่วนหนึ่งของพิธีแต่งงานที่กำลังจะมาถึง เช่น คนในอังกฤษยุควิกตอเรีย ผู้คนจะขว้าง รองเท้า เจ้าสาวและเจ้าบ่าวขึ้นไปบนต้นไม้เมื่อพวกเขาเริ่มฮันนีมูน แบบอารมณ์ประมาณว่าไปใหนไม่ได้ให้อยู่ด้วยกันอะไรอย่างนั้น
3.ในกองทัพก็จะมีการโยนรองเท้าบู๊ตทหารที่ทาสีส้มให้สังเกตง่าย ขึ้นไปบนสายไฟเพื่อเป็นสัญลักณ์ของการสิ้นสุดการฝึก หรือ เมื่อพวกเขาออกจากราชการ
4.หรือจะเป็นการแกล้งกันก็เป็นได้ เช่นถอดรองเท้าของคนเมาที่นอนตามท้องถนน แล้วโยนขึ้นไปบนสายไฟ เพื่อให้พวกเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่ารองเท้าของพวกเขาหายไปนั่นเอง อันนี้มีมากในอเมริกาเช่นกัน
5.อีกกระแสนึงก็ว่ามันเป็นการเชื่อมโยงกันกับกลุ่มอาชญากร ที่พวกเขากำลังรำลึกถึงการเสียชีวิตของสมาชิกแก๊ง ในบริเวณนั้นก็เป็นได้
6.เป็นการโยนรองเท้าของผู้ที่ถูกรถชนตายที่บริเวณนั้นเพื่อให้วิญญาณได้หลุดพ้นและขึ้นสู่สรวงสวรรค์ก็มีความเชื่อแบบนี้เช่นกัน!
จนมาถึงในยุคปี 70’s การโยนรองเท้าได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ในการสร้างจุดสังเกตให้กับผู้ซื้อยาเสพติดกันอย่างแพร่หลายว่า ที่นี่คือจุดที่มียาเสพติดขายนะ และ ชนิดกับสีของรองเท้าบางทีก็บ่งบอกถึงชนิดของยาเสพติดได้เช่นกัน
แต่ในปัจจุบันการโยนรองเท้าขึ้นไปบนสายไฟก็ได้กลายเป็นแค่แฟชั่นไปในหลายเมือง และมีการเรียกกันว่า Shoefiti ซึ่งเป็นเหมือนการสร้างงานศิลปง่ายๆชนิดนึงบนถนนที่ไม่ต่างจาก Graffiti นั่นเอง....
เคยสงสัยใหมว่ารองเท้าที่ถูกแขวนอยู่บนสายไฟในต่างประเทศ จริงๆแล้วเค้าทำไปเพื่ออะไร....?
ผมเคยเดินทางไปหลากหลายประเทศแล้วก็เกิดความสงสัยว่า ไอ้รองเท้าผ้าใบที่ถูกจับโยนไปแขวนไว้บนสายไฟตามถนนเส้นต่างๆ จริงๆแล้วเค้าทำกันไปทำไม...
จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นของไอ้เจ้าวัฒนธรรมนี้มาจากอเมริกา ตามเมืองใหญ่ๆอย่าง NewYork , LA , หรือ Chicago ที่เรียกว่า Shoefiti
โดยเป็นการโยนรองเท้าคู่หนึ่งโดยผูกเชือกติดกัน เข้ากับสายไฟ สายโทรศัพท์ ตลอดจนถึงต้นไม้
การโยนรองเท้าเกิดขึ้นทั่วทั้งอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้
ซึ่งในอดีตการโยนรองเท้าก็มีอยู่หลากหลายความหมาย เช่น
1.เป็นส่วนหนึ่งของพิธีจบการศึกษา แบบว่าจบแล้วเย่..โยรองเท้าแม่มเลยไม่ต้องมาเรียนแล้ว
2.หรือเป็นส่วนหนึ่งของพิธีแต่งงานที่กำลังจะมาถึง เช่น คนในอังกฤษยุควิกตอเรีย ผู้คนจะขว้าง รองเท้า เจ้าสาวและเจ้าบ่าวขึ้นไปบนต้นไม้เมื่อพวกเขาเริ่มฮันนีมูน แบบอารมณ์ประมาณว่าไปใหนไม่ได้ให้อยู่ด้วยกันอะไรอย่างนั้น
3.ในกองทัพก็จะมีการโยนรองเท้าบู๊ตทหารที่ทาสีส้มให้สังเกตง่าย ขึ้นไปบนสายไฟเพื่อเป็นสัญลักณ์ของการสิ้นสุดการฝึก หรือ เมื่อพวกเขาออกจากราชการ
4.หรือจะเป็นการแกล้งกันก็เป็นได้ เช่นถอดรองเท้าของคนเมาที่นอนตามท้องถนน แล้วโยนขึ้นไปบนสายไฟ เพื่อให้พวกเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่ารองเท้าของพวกเขาหายไปนั่นเอง อันนี้มีมากในอเมริกาเช่นกัน
5.อีกกระแสนึงก็ว่ามันเป็นการเชื่อมโยงกันกับกลุ่มอาชญากร ที่พวกเขากำลังรำลึกถึงการเสียชีวิตของสมาชิกแก๊ง ในบริเวณนั้นก็เป็นได้
6.เป็นการโยนรองเท้าของผู้ที่ถูกรถชนตายที่บริเวณนั้นเพื่อให้วิญญาณได้หลุดพ้นและขึ้นสู่สรวงสวรรค์ก็มีความเชื่อแบบนี้เช่นกัน!
จนมาถึงในยุคปี 70’s การโยนรองเท้าได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ในการสร้างจุดสังเกตให้กับผู้ซื้อยาเสพติดกันอย่างแพร่หลายว่า ที่นี่คือจุดที่มียาเสพติดขายนะ และ ชนิดกับสีของรองเท้าบางทีก็บ่งบอกถึงชนิดของยาเสพติดได้เช่นกัน
แต่ในปัจจุบันการโยนรองเท้าขึ้นไปบนสายไฟก็ได้กลายเป็นแค่แฟชั่นไปในหลายเมือง และมีการเรียกกันว่า Shoefiti ซึ่งเป็นเหมือนการสร้างงานศิลปง่ายๆชนิดนึงบนถนนที่ไม่ต่างจาก Graffiti นั่นเอง....