เมื่อไรไทยจะสามารถทำแบบประเภทที่พัฒนาแล้วได้ในเรื่องซื้อแล้วไม่พอใจสามารถคืนสินค้าได้ ผู้ขายจะได้เอาของดีๆมาขายไม่หลอก

ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น อย่างเช่นอเมริกา ถ้าคุณซื้อสินค้า แล้วคุณใช้แล้ว คุณไม่พอใจ คุณจะสามารถคืนได้เลยค่ะ มันจึงทำให้
1. ผู้ผลิตระวังในเรื่องสินค้ามากขึ้นว่าถ้าผลิตสินค้าไม่ดีออกมานั้น มีสิทธิถูกส่งคืนจากลูกค้าเยอะแน่ๆ
2. ผู้ผลิตจำเป็นต้องผลิตสินค้าตามที่ตนได้โฆษณาเอาไว้ ไม่งั้นก็เจอคืนเยอะแน่ๆเช่นกัน 
3. เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ผลิตจะต้องพัฒนาของที่ดี และโฆษณาไม่เว่อร์ หรือ ขายฝันเกินจริง ไม่เช่นนั้นจากข้อนี้รวมถึงข้อที่กล่าวๆมา ผู้ผลิต จะทำคุณภาพยังไรก็ได้ เพื่อทำราคาออกมาให้ทำลายตลาด + โฆษณาเกินจริง โดยไม่สนใจว่าคุณภาพที่ขายไปนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งการทำเช่นนี้จะเป็นอันตรายมากกับสินค้าประเภทที่สามารถเป็นอัตรายต่อผู้ใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ หรือว่าเครื่องใช้ Electronic ที่สามารถระเบิด หรือ ไฟรั่วเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานได้

เมื่อสินค้าถูกคืนได้ ผู้ผลิตจะต้องระวังอย่างมากเรื่องการปล่อยของให้ผู้ใช้งาน และประเทศพัฒนาแล้วนั้น ฟ้องร้องกันเพียบถ้าสินค้าออกมาหลอกลวง หรือมีแนวโน้มเป็นอันตราย สังเกตุได้จากว่าอาชีพทนายในต่างประเทศนั้นค่าจ้าง หรือเงินเดือนจะสูงเลยทีเดียว เพราะการฟ้องร้องเกิดขึ้นเยอะ และกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคค่อนข้างรุนแรงในเรื่องนี้

ปรกติตัวเองนั้นเวลาซื้อของประเภทที่ต้องเอาเข้าร่างกาย หรือว่า มีเรื่องความปลอดภัย จะพยายามเลือกสินค้าจาก ประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น และที่สำคัญ ถ้าเป็นไปได้จะพยายามเลือกที่ Made in ประเทศพัฒนาแล้ว คือดีสุด เพราะว่าบางที ผู้ผลิต มันจะชอบผลิตออกมา 2 Version คือ Version ที่ขายในประเทศที่สามารถคืนของได้+กฏหมายคุ้มครองผู้บริโภครุนแรง ซึ่งแน่นอนว่า ราคาที่ออกมาก็จะสูงกว่า กับ Version ที่ออกมาขายให้ประเทศที่กฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคอ่อนแออย่างบ้านเรา ที่เขารู้ว่า ไม่สามารถคืนของได้ หรือคืนได้ ต้องห้ามแกะ สภาพสมบูรณ์ใน 7 วัน( จะบ้าหรอคะ555) และเลือกของถูกไว้ก่อนเป็นหลัก ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องความปลอดภัย หรือคุณภาพเท่าไร อาจจะเพราะว่า เรานั้นรายได้ส่วนใหญ่น้อย ซึ่ง Version นี้ ถ้าลองแกะดูอาจจะพบว่าวัสดุภายในจะมีแนวโน้มไม่เหมือนกัน ชิพ หรือต่างๆ การประกอบ ไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่า Brand จีน เอาจากจีนเลยแน่นอน 

ยิ่งประภทอาหารเสริมนี่เป็นอันตรายสะสมกับสุขภาพได้เลย ซึ่งมันอาจจะเป็นผลระยะยาว จึงไม่รู้ตัว ส่วนตัวจะไม่มีทางใช้ของ Made in ประเทศที่อ่อนแอเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคแน่นอน จะเลือก Brand ประเทศที่พัฒนาแล้ว และ Made in ประเทศที่พัฒนาแล้วไว้ก่อน ยิ่งถ้ายี่ห้อนั้นขายมายายนาน ยิ่งจะใช้ เพราะว่า ถ้าสินค้ามันหลกลวงหรือเป็นอันตราย หรือมีแนวโน้มจะเป็นอันตราย สินค้าพวกนี้ถูกฟ้องจนปิดตัวแน่ๆ ไม่อยู่นานแน่นอนค่ะ

ทั้งนี้จริงๆแล้ว อยากจะสนับสนุนสินค้า Made in THAILAND นะคะ แต่ก่อนอื่นต้องสร้างความมั่นใจให้คนในประเทศก่อนคะ หน่วยงานที่ดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ต้องออกกฏให้สามารถคืนสินค้าได้เมื่อไม่พอใจ เลียนแบบ ประเทศพัฒนาเขาได้เลยค่ะ เพราะถ้ามาควบคุมแต่ละผู้ผลิต มันยากมากๆเลยค่ะ สำหรับการเริ่มต้น เพราะมันเป็นระบบแบบนี้มานานละ แต่ว่า ถ้าให้คืนได้เมื่อไม่พอใจสินค้า แบบนี้ ผู้ผลิต ผู้นำเข้า จะระวังตัวเองมากขึ้นเองค่ะ ที่จะทำสินค้าออกมาไร้คุณภาพ

และการฟ้องร้องเรื่องพวกนี้ต้องรุนแรง ปรับโหด ปรับจริงจังค่ะ ผู้ผลิต ผู้นำเข้าจะได้กลัว จากนั้นสินค้า MADE IN THAILAND ก็จะได้รับการยอมรับในประเทศและต่างประเทศ

มีสินค้าไม่กี่ยี่ห้อค่ะที่มาจากต่างประเทศแล้วให้กฏเดียวกับที่ขายในประเทศเขา ที่ให้คืนเงินได้เมื่อไม่พอใจ ส่วนตัวยังเลือกใช้เลยค่ะ เพราะแสดงว่าเขาต้องมั่นใจแล้วแน่ๆถึงกล้าตั้งเงื่อนไขนี้ขึ้นมาในประเทศไทยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การตลาด สังคมไทย อาหารเสริม
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่