Sweet&Sour รักหวานอมเปรี้ยว (ใครดูจบแล้วเข้ามาคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ)

Sweet&Sour รักหวานอมเปรี้ยว

สารภาพตรง ๆ ว่า Move on จากหนังเรื่องนี้ไม่ได้ 
สำหรับเรา หนังไม่ได้มีจุดพีคอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันคือเรื่องจริง ! (ใส่เครื่องหมายตกใจไปงั้นแหละ)

ตลอดบทความนี้ มีการสปอยด์เนื้อหา อาจไม่ได้พูดถึงเนื้อหาโดยตรง แต่อ่านแล้วเข้าใจเนื้อเรื่องแน่นอน
ใครยังไม่ได้ดูแล้วอยากจะดู ข้ามบทความนี้ไปได้เลยนะคะ

หนังพยายามจะแกงคนดู ด้วยการเปิดเรื่องให้เราเข้าใจผิดและมาเฉลย timeline ให้เราปะติดปะต่อเรื่องราวในตอนหลัง

หลาย ๆ คน ตั้งคำถามว่า เรื่องนี้ใครผิด ?
คำตอบคือ อยู่ที่คุณจะมองในมุมของฝ่ายไหน
แน่นอน เราย่อมตัดสินเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง
แต่หากเรายืนอยู่ตรงกลาง มองตามความเป็นจริง
เราจะเห็นชีวิตของคนหนุ่มสาวคู่นึงที่ใช้ชีวิตด้วยกัน (บางรีวิวบอกว่าความสัมพันธ์อยู่ก่อนแต่งเป็นความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ก็สะท้อนในมุมมองของเขาอ่ะเนอะ)

มีจุดเปลี่ยนของเรื่องคือการที่ฝ่ายชายต้องย้ายไปทำงานอีกเมืองหนึ่ง อารมณ์เหมือนทำงานในใจกลางเมืองแล้วต้องย้ายไปทำงานชานเมืองที่ต้องใช้เวลาในการเดินทาง ต้องไปเจอการแข่งขันแบบดุเดือดในที่ทำงานทำให้ต้องทุ่มเทความคิด ทุ่มเวลาให้กับการทำงาน ความใกล้ชิดในที่ทำงาน เจอเพื่อนร่วมทีมแสนสวย สดใส ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานของทั้งคู่ เวลาการใช้ชีวิตไม่ตรงกัน เพราะฝ่ายหญิงเป็นผู้ช่วยพยาบาล ต้องขึ้นเวร คววามเข้าใจไม่ตรงกันในหลาย ๆ เรื่อง 

มองเห็นลาง ๆ แล้วใช่มั้ย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น....

ความรู้สึกของทั้งคู่ที่มีให้กันเริ่มเหนื่อยล้ากับความสัมพันธ์ ย้ำว่าทั้งคู่ แม้ในหนังจะพยายามยัดเยียดฝ่ายชายเป็นคนผิดที่เปลี่ยนไปก่อน แต่ถ้ามองในมุมของผู้ชาย เราก็เข้าใจได้นะ
จนมาถึงจุดที่นางเอกท้องแล้วทั้งคู่ตัดสินใจเอาเด็กออก มีคำนึงที่นางเอกพูด “ฉันรู้สึกเสียใจที่พี่ไม่สู้เพื่อลูกของเรามากกว่า” คำนี้ทำให้เรารู้สึกว่า นางเอกมองว่าไม่สามารถพึ่งพิงหรือฝากชีวิตไว้กับพระเอกได้แล้ว แล้วพระเอกก็โต้กลับว่า “เราตกลงเรื่องนี้ร่วมกัน จะมาโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้” 

จุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง คือ ตอนที่พระเอกเรียกชื่อนางเอกเป็นชื่อเพื่อนร่วมงาน “โบยองสุดสวยน่ารักของพี่” 
อันนี้ย้อนกลับถามทุกคน เป็นเรา เราจะรู้สึกยังไง?

สุดท้ายหนังก็มาเฉลย timeline ให้เราปะติดปะต่อเรื่องราวในส่วนของนางเอก คนดูบางคนก็จะคิดว่านางเอกก็นอกใจพระเอกเหมือนกัน 
ลองมองมุมนางเอกนะ...

ถ้าในวันที่เรากำลังโดดเดี่ยวแล้วมีอีกคนเข้ามาทำให้เราไม่รู้สึกอ้างว้าง (วันที่นางเอกไปทำแท้ง พระเอกต้องกลับไปทำงาน แล้วผู้ชายอีกคนที่พยายามตามหานางเอกสุ่มเบอร์โทรมาเจอนางเอกพอดี นางเอกเลยชวนมาอยู่เป็นเพื่อน) 
เรามีคนที่ทำสิ่งนึ่งให้โดยที่เราไม่ต้องร้องขอ ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นเราพยายามร้องขอให้อีกคนทำมาโดยตลอด (นางเอกขอให้พระเอกเปลี่ยนหลอดไฟให้ 
แต่พระเอกก็บอกว่าไม่มีเวลา เหนื่อยจากการทำงาน) 
เรามีคน ๆ นึง ที่สามารถมีความสุขไปกับความเป็นเราได้ทุกเรื่อง เราจะไม่ต้องการคน ๆ นี้ จริง ๆ หรอ ?

หากมองว่านี่เป็นความผิดของนางเอก ก็มองว่ามันคือความผิดได้นะ แต่ลองนึกดูดี ๆ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังถอยห่างออกไปจากเรา 
แต่อีกคนทำให้เรารู้สึกมีค่า เราจะไม่หวั่นไหวได้จริง ๆ หรอ 
ตอนท้ายพระเอกไม่เหลือใครแล้ว ถึงกลับมาหานางเอก เรื่องก็มาเฉลยว่านางเอกมีใครอีกคนหนึ่งไปแล้ว พระเอกเลยมองว่านางเอกผิด แหมมมม อีกนี้อินไปหน่อย ฮ่าฮ่า

ฉากจบของเรื่อง ทำให้เรารู้ว่า “เราจะเห็นคุณค่าของสิ่งหนึ่ง เมื่อเราสูญเสียมันไป”
“ถ้าเราพลาดแท็กซี่คันนึง เรายังเรียกคันใหม่ได้
แต่ถ้าเราเสียคน ๆ หนึ่งไป เราจะคิดถึงเขา”

หากคุณกำลังเหนื่อยกับความสัมพันธ์แบบใน Sweet&Sour ลองทบทวนดูนะคะ 
หากต้องการไปด้วยกันต่อ ก็จับมือกันไว้ให้แน่นพอ มือที่สามจะไม่มีทางแทรกเข้ามาได้

อย่าเปิดโอกาสให้ใครแทรกเข้ามาด้วยกันผลักให้คนที่เรารักต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเลยค่ะ
รู้ตัวอีกที เราอาจจะไม่มีเค้าแล้วในชีวิต ก็เป็นได้....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่