ในวันที่ผมเป็นโรคที่ไม่เคยรู้จัก...และมีชื่อประหลาดๆว่า
เดอเกอร์แวง (De Quervain’s disease)
ผมเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องทำงานกับ Computer ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว ซักผ้าเอง บินผ้าเอง ซ่อมนู่นนี่นั่นเอง โดยใช้สองมือ ที่เรามองว่ามันก็คือสิ่งที่มนุษย์ทำกันอย่างเป็นปรกติสุข

จนวันนึงผมใช้มือเพื่อที่จะบิดไขควงเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นนึง ที่ซื้อจากร้านขายเฟอร์นิเจอร์แบบประกอบมา
ในขณะที่ประกอบเสร็จก็รู้สึกแค่ว่ามันเมื่อยมือจัง ไม่ได้คิดอะไร ก็อาบน้ำนอนปรกติ
จนตื่นมาตอนเช้า ผมตื่นมาพร้อมอาการปวดมือขวาด้านโคนนิ้วชี้อย่างมาก ปวดร้าวไปถึงกระดูก มันปวดมากจนผมทำอะไรลำบาก แม้กระทั่งแปลงฟัน ยังทำไม่ได้เลย
ตัวผมเองคิดว่าคงเกิดจากการบิดไขควงผิดท่าแน่ๆเลย จึงไปซื้อยาทา และ ยากินแก้อักเสบมาทาน

ตอนนั้นก็คิดว่า กิจกรรมประจำวันธรรมดาๆ ทำไมมันถึงได้สร้างความปวดร้าวได้ขนาดนี้เขียวหรือ ช่างก่อสร้าง คนงาน เขาใช้ไขควงทุกวันไม่เห็นเป็นไรเลย
จาก1 วัน เป็น 2 วัน เป็น 3 วันจนเป็น สองอาทิตย์ มันดีขึ้นนิดนึง แต่มันไม่หาย ทั้งที่หาผ้าพันประคบร้อน ประคบเย็น ก็ไม่หาย ใจก็คิดว่ามันดีขึ้นนี่นา ไม่น่าเป็นอะไรมาก จนตัดสินใจอีกครั้ง ไปหาหมอที่คลีนิค ใกล้บ้าน ก็ได้ยามาทาน ซึ่งเป็นยาที่ต้องทานติดต่อกัน จนเวลาล่วงเลยไปสองเดือนผมก็ยังไม่หาย ทุกครั้งที่หมอให้หยุดยาอาการมันก็กลับมาอีก
ความเจ็บมันสร้างความลำบากในการนอนให้กับผมอย่างมาก ผมต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่ขยับตัว มันเจ็บมาก ถ้าให้เทียบ มันเจ็บเหมือนคุณฟันผุ แต่เป็นอาการฟันผุที่ข้อมือ และทุกครั้งที่ขยับ มันเหมือนคุณเอาอะไรแหลมๆทิ่มลงไปที่ฝันที่ผุอยู่ซี่นั้นโดยทันที
มันทรมาณมาก ผมกลายเป็นคนที่นอนไม่พอมาระยะเวลาเป็นเดือนๆ ....
ผมเริ่มหาทางออกโดยการ ใช้มือซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ไม่เขียนหนังสือ ไม่พิมพ์ แต่ใช้วิธี Record เสียงและส่งเอา เนื่องจากมีงานที่ผมต้องทำคั่งค้างอยู่ในระหว่างวัน ที่กว่าจะเลิกงานก็ปาเข้าไป3-4 ทุ่มทุกวัน ทำให้เราคิดว่าเดี๋ยวงานSet นี้เสร็จเราจะไปหาหมออย่างจริงจังและ
แน่นอนจากการที่นอนไม่พอตัวผมเริ่มเป็นโรคภูมิแพ้ ตาเริ่มไม่สู้แสง และเริ่มมีผื่นขึ้นตามตัวจากอาการนอนหลับไม่เพียงพอ น้ำหนักลด อาการต่างๆเริ่มตามมาเป็น โดมิโน่
ทุกคนถามถึงอาการที่ผมเป็นว่าผมเป็นอะไร ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ก็แค่บอกว่า แขนพลิกบาง แขนเป็นฟอ บ้างตลกกลบเกลื่อนไป แต่มันผิดปรกตินี่สิ ที่มันไม่หายมาจะร่วม2 เดือนและ ตอนนั้นอาการกลัวๆเริ่มเข้ามาในใจ ว่าเราอาจจะเป็นอะไรที่มันเริ่มไม่ปรกติแน่นอนและ
จึงตัดสินใจโทรไปนัดหมอที่โรงพยาบาล อาการผมหนักขึ้นจนเหมือนคนแขนหัก
พอเจอหมอ คุณหมอถามว่าคุณทนมาขนาดนี้ได้ยังไง มันอันตรายมากนะ การใช้ชีวิตด้วยมือที่ไม่ถนัดเพียงข้างเดียวในระยะเวลานานๆ แค่คุณขับรถก็อันตรายแล้ว (ดีที่ช่วงนั้นผมนั่งวินมอร์เตอร์ไซซะส่วนใหญ่) เพราะผมก็ขับรถไม่ถนัดจริงๆ แค่เอามาม่าเข้า ไมโครเวฟ ผมยังทำมันไม่ได้เลย
สิ่งที่ผมหลอนมาตลอดสองเดือนว่าจริงๆแล้วเราเป็นอะไรกันแน่ จับดูกระดูกก็หักนี่นา
จนในที่สุดก็รู้ความจริงว่า...จริงๆแล้วผมเป็นโรค De Quervain’s disease หรือเรียกว่าโรค เดอเกอร์แวง นั่นเอง
“ห่ะ โรคอะไรนะครับหมอ” อะไรแวงๆ นะครับ
เดอเกอร์แวง เป็นชื่อโรคที่เอามาจากภาษาฝรั่งเศษ จริงๆแล้วมันคือโรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ แบบเฉียบพลัน นั่นเอง
เกิดจากการใช้งานข้อมือในลักษณะเดิมซ้าๆ เช่นการบิดผ้า การใช้ไขควง การบิดฟาขวดน้ำ การเสิร์ฟลูกเทนนิส การใช้กรรไกร การเขียนหนังสือ หรือแม้กระทั่งการใช้นิ้วโป้งไถมือถือ...!!! (นี่ตัวดีเลย)
สิ่งเล็กๆเหล่านี้ในชีวิตประจำวันสามารถทำให้เกิดโรค เดอเกอร์แวง ได้เช่นกัน!
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น สงผลให้ปลอกหุ้มเส้นเอ็นเกิดการอักเสบ ไปขัดขวางการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็น บริเวณโดนนิ้วหัวแม่มือด้านนอก สาเหตุเกินจากการอักเสบที่บริเวณรอบๆปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อนั่นเอง
พบมากในผู้ป่วยอายุ 35-55 ปี เพศหญิงมากกว่าเพศชาย 3-5 เท่า บางรายรักษากันเป็นปีๆ ก็มี

การรักษา
1.การรักษาแบบประคับประคอง เช่น
-พักการใช้งาน ให้เลี่ยงการเคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือ ในท่ากางนิ้วออกหรือ กระดกนิ้วขึ้น
-ไส่อุปกรณ์ประคองข้อมือ
-ทานยา ลดการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ
-สลับกับการทำกายภาพบำบัด
-ประคบด้วยความร้อนเท่านั้น ห้ามประคบเย็นเด็ดขาด (เพราะเมือเลือดไหลเวียนได้ดีอาการจะทุเลาลง)
2.การรักษาแบบฉีดยา
-โดยการฉีด corticosteroid เข้าไปที่ข้อมือโดยตรง (ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ )ถ้า ฉีดยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น จะสามารถฉีดซ้ำได้อีก 1-2 ครั้งเท่านั้น (เพราะตัวยาค่อนข้างอันตราย จะทำให้เส้นเอ็นขาด หรือ ผิวหนังมีรอยด่างขาวเกิดขึ้นได้ ) แล้วถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นอีกก็ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
3.การผ่าตัดเอา
โดยการฉีดยาชา และแยกเยื่อหุ้มเอ็นที่บีบรัดเส้นเอ็นอยู่ให้แยกจากกัน หลังจากนั้นก็จะเย็บแผล ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 10 – 15 นาทีโดยไม่จำเป็นต้องพักในโรงพยาบาลเพราะเป็นการผ่าตัดเล็ก
และควรบริหารข้อมืออยู่ตลอดเวลาหลังจากอาการทุเล่าลง
ผมรักษาที่ใช้การฉีดยา ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่สองวันอาการก็หายแทบเป็นปรกติ แต่มันทำให้การใช้ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผมดูแลตัวผมเองมากขึ้น เพราะเวลาร่างกายเค้าไม่ไหวเค้าเตือนเรา มันหนักหนาสาหัสจริงๆ ทุกวันนี้คงไม่กล้ากลับไปใช้ข้อมือหนักหน่วงเหมือนแต่ก่อนแล้ว เราคงใช้มือแบบผิดท่ามาทั้งชีวิตก็เป็นได้ เพราะพวกช่าง หรือ คนงานก่อสร้างเขาไม่เห็นเป็นเลย หรือเขาเป็นแต่ผมเองที่ไม่รู้
กระทูนี้จึงมาเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์ครั้งนึงกับโรคที่เราไม่เคยรู้จัก ให้ระวังกันว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ยิ่งคุณอายุเยอะขึ้น ร่างกายคุณก็บอบบางขึ้นเช่นเดียวกัน พวกเค้าจะขี้อ้อนคุณมากขึ้น
การบาลานซ์ ชีวิตเป็นสิ่งที่ดี การทำงาน มันต้องพ่วงด้วยคำว่า สุขภาพ เสมอ เมื่อไรก็ตามที่เราลืมนึกถึงมัน เมื่อนั่นแหละปัญหาใหญ่เกิดกับคุณแน่นอน
Facebook/ L A M K A T A N K
Instagram/ L A M K A T A N K
Youtube/ L A M K A T A N K
ในวันที่ผมเป็นโรคที่ไม่เคยรู้จัก...และมีชื่อประหลาดๆว่า เดอเกอร์แวง (De Quervain’s disease)
เดอเกอร์แวง (De Quervain’s disease)
ผมเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องทำงานกับ Computer ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว ซักผ้าเอง บินผ้าเอง ซ่อมนู่นนี่นั่นเอง โดยใช้สองมือ ที่เรามองว่ามันก็คือสิ่งที่มนุษย์ทำกันอย่างเป็นปรกติสุข
จนวันนึงผมใช้มือเพื่อที่จะบิดไขควงเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นนึง ที่ซื้อจากร้านขายเฟอร์นิเจอร์แบบประกอบมา
ในขณะที่ประกอบเสร็จก็รู้สึกแค่ว่ามันเมื่อยมือจัง ไม่ได้คิดอะไร ก็อาบน้ำนอนปรกติ
จนตื่นมาตอนเช้า ผมตื่นมาพร้อมอาการปวดมือขวาด้านโคนนิ้วชี้อย่างมาก ปวดร้าวไปถึงกระดูก มันปวดมากจนผมทำอะไรลำบาก แม้กระทั่งแปลงฟัน ยังทำไม่ได้เลย
ตัวผมเองคิดว่าคงเกิดจากการบิดไขควงผิดท่าแน่ๆเลย จึงไปซื้อยาทา และ ยากินแก้อักเสบมาทาน
ตอนนั้นก็คิดว่า กิจกรรมประจำวันธรรมดาๆ ทำไมมันถึงได้สร้างความปวดร้าวได้ขนาดนี้เขียวหรือ ช่างก่อสร้าง คนงาน เขาใช้ไขควงทุกวันไม่เห็นเป็นไรเลย
จาก1 วัน เป็น 2 วัน เป็น 3 วันจนเป็น สองอาทิตย์ มันดีขึ้นนิดนึง แต่มันไม่หาย ทั้งที่หาผ้าพันประคบร้อน ประคบเย็น ก็ไม่หาย ใจก็คิดว่ามันดีขึ้นนี่นา ไม่น่าเป็นอะไรมาก จนตัดสินใจอีกครั้ง ไปหาหมอที่คลีนิค ใกล้บ้าน ก็ได้ยามาทาน ซึ่งเป็นยาที่ต้องทานติดต่อกัน จนเวลาล่วงเลยไปสองเดือนผมก็ยังไม่หาย ทุกครั้งที่หมอให้หยุดยาอาการมันก็กลับมาอีก
ความเจ็บมันสร้างความลำบากในการนอนให้กับผมอย่างมาก ผมต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่ขยับตัว มันเจ็บมาก ถ้าให้เทียบ มันเจ็บเหมือนคุณฟันผุ แต่เป็นอาการฟันผุที่ข้อมือ และทุกครั้งที่ขยับ มันเหมือนคุณเอาอะไรแหลมๆทิ่มลงไปที่ฝันที่ผุอยู่ซี่นั้นโดยทันที
มันทรมาณมาก ผมกลายเป็นคนที่นอนไม่พอมาระยะเวลาเป็นเดือนๆ ....
ผมเริ่มหาทางออกโดยการ ใช้มือซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ไม่เขียนหนังสือ ไม่พิมพ์ แต่ใช้วิธี Record เสียงและส่งเอา เนื่องจากมีงานที่ผมต้องทำคั่งค้างอยู่ในระหว่างวัน ที่กว่าจะเลิกงานก็ปาเข้าไป3-4 ทุ่มทุกวัน ทำให้เราคิดว่าเดี๋ยวงานSet นี้เสร็จเราจะไปหาหมออย่างจริงจังและ
แน่นอนจากการที่นอนไม่พอตัวผมเริ่มเป็นโรคภูมิแพ้ ตาเริ่มไม่สู้แสง และเริ่มมีผื่นขึ้นตามตัวจากอาการนอนหลับไม่เพียงพอ น้ำหนักลด อาการต่างๆเริ่มตามมาเป็น โดมิโน่
ทุกคนถามถึงอาการที่ผมเป็นว่าผมเป็นอะไร ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ก็แค่บอกว่า แขนพลิกบาง แขนเป็นฟอ บ้างตลกกลบเกลื่อนไป แต่มันผิดปรกตินี่สิ ที่มันไม่หายมาจะร่วม2 เดือนและ ตอนนั้นอาการกลัวๆเริ่มเข้ามาในใจ ว่าเราอาจจะเป็นอะไรที่มันเริ่มไม่ปรกติแน่นอนและ
จึงตัดสินใจโทรไปนัดหมอที่โรงพยาบาล อาการผมหนักขึ้นจนเหมือนคนแขนหัก
พอเจอหมอ คุณหมอถามว่าคุณทนมาขนาดนี้ได้ยังไง มันอันตรายมากนะ การใช้ชีวิตด้วยมือที่ไม่ถนัดเพียงข้างเดียวในระยะเวลานานๆ แค่คุณขับรถก็อันตรายแล้ว (ดีที่ช่วงนั้นผมนั่งวินมอร์เตอร์ไซซะส่วนใหญ่) เพราะผมก็ขับรถไม่ถนัดจริงๆ แค่เอามาม่าเข้า ไมโครเวฟ ผมยังทำมันไม่ได้เลย
สิ่งที่ผมหลอนมาตลอดสองเดือนว่าจริงๆแล้วเราเป็นอะไรกันแน่ จับดูกระดูกก็หักนี่นา
จนในที่สุดก็รู้ความจริงว่า...จริงๆแล้วผมเป็นโรค De Quervain’s disease หรือเรียกว่าโรค เดอเกอร์แวง นั่นเอง
“ห่ะ โรคอะไรนะครับหมอ” อะไรแวงๆ นะครับ
เดอเกอร์แวง เป็นชื่อโรคที่เอามาจากภาษาฝรั่งเศษ จริงๆแล้วมันคือโรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ แบบเฉียบพลัน นั่นเอง
เกิดจากการใช้งานข้อมือในลักษณะเดิมซ้าๆ เช่นการบิดผ้า การใช้ไขควง การบิดฟาขวดน้ำ การเสิร์ฟลูกเทนนิส การใช้กรรไกร การเขียนหนังสือ หรือแม้กระทั่งการใช้นิ้วโป้งไถมือถือ...!!! (นี่ตัวดีเลย)
สิ่งเล็กๆเหล่านี้ในชีวิตประจำวันสามารถทำให้เกิดโรค เดอเกอร์แวง ได้เช่นกัน!
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น สงผลให้ปลอกหุ้มเส้นเอ็นเกิดการอักเสบ ไปขัดขวางการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็น บริเวณโดนนิ้วหัวแม่มือด้านนอก สาเหตุเกินจากการอักเสบที่บริเวณรอบๆปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อนั่นเอง
พบมากในผู้ป่วยอายุ 35-55 ปี เพศหญิงมากกว่าเพศชาย 3-5 เท่า บางรายรักษากันเป็นปีๆ ก็มี
การรักษา
1.การรักษาแบบประคับประคอง เช่น
-พักการใช้งาน ให้เลี่ยงการเคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือ ในท่ากางนิ้วออกหรือ กระดกนิ้วขึ้น
-ไส่อุปกรณ์ประคองข้อมือ
-ทานยา ลดการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ
-สลับกับการทำกายภาพบำบัด
-ประคบด้วยความร้อนเท่านั้น ห้ามประคบเย็นเด็ดขาด (เพราะเมือเลือดไหลเวียนได้ดีอาการจะทุเลาลง)
2.การรักษาแบบฉีดยา
-โดยการฉีด corticosteroid เข้าไปที่ข้อมือโดยตรง (ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ )ถ้า ฉีดยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น จะสามารถฉีดซ้ำได้อีก 1-2 ครั้งเท่านั้น (เพราะตัวยาค่อนข้างอันตราย จะทำให้เส้นเอ็นขาด หรือ ผิวหนังมีรอยด่างขาวเกิดขึ้นได้ ) แล้วถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นอีกก็ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
3.การผ่าตัดเอา
โดยการฉีดยาชา และแยกเยื่อหุ้มเอ็นที่บีบรัดเส้นเอ็นอยู่ให้แยกจากกัน หลังจากนั้นก็จะเย็บแผล ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 10 – 15 นาทีโดยไม่จำเป็นต้องพักในโรงพยาบาลเพราะเป็นการผ่าตัดเล็ก
และควรบริหารข้อมืออยู่ตลอดเวลาหลังจากอาการทุเล่าลง
ผมรักษาที่ใช้การฉีดยา ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่สองวันอาการก็หายแทบเป็นปรกติ แต่มันทำให้การใช้ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผมดูแลตัวผมเองมากขึ้น เพราะเวลาร่างกายเค้าไม่ไหวเค้าเตือนเรา มันหนักหนาสาหัสจริงๆ ทุกวันนี้คงไม่กล้ากลับไปใช้ข้อมือหนักหน่วงเหมือนแต่ก่อนแล้ว เราคงใช้มือแบบผิดท่ามาทั้งชีวิตก็เป็นได้ เพราะพวกช่าง หรือ คนงานก่อสร้างเขาไม่เห็นเป็นเลย หรือเขาเป็นแต่ผมเองที่ไม่รู้
กระทูนี้จึงมาเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์ครั้งนึงกับโรคที่เราไม่เคยรู้จัก ให้ระวังกันว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ยิ่งคุณอายุเยอะขึ้น ร่างกายคุณก็บอบบางขึ้นเช่นเดียวกัน พวกเค้าจะขี้อ้อนคุณมากขึ้น
การบาลานซ์ ชีวิตเป็นสิ่งที่ดี การทำงาน มันต้องพ่วงด้วยคำว่า สุขภาพ เสมอ เมื่อไรก็ตามที่เราลืมนึกถึงมัน เมื่อนั่นแหละปัญหาใหญ่เกิดกับคุณแน่นอน
Facebook/ L A M K A T A N K
Instagram/ L A M K A T A N K
Youtube/ L A M K A T A N K