วันก่อนนั่งเล่นเน็ตแล้วพบภาพการเอาราคาน้ำมันหน้าปั้มของประเทศไทยในในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 มาเปรียบเทียบกับราคาในวันที่ 5 มิถุนายน 2564 ซึ่งจากวันที่ ที่ลงไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปีพอดี ซึ่งจากรูปจะพบว่า “ราคา” ที่ปรากฏอยู่บนบอร์ดนั่นแตกต่างกันซะเหลือเกิน (อาทิ เบนซิน 95 จาก 17.63 บาทต่อลิตร พุ่งไปถึง 28.13 บาทต่อลิตร) โดยมีคำประกอบภาพ เก๋ๆประมาณราคาน้ำมันประเทศไทยโดนสับขาหลอก เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงจนราคามาถึงแพงอย่างทุกวันนี้
ประเด็นปัญหาของเรื่องนี้คือ “ราคาน้ำมัน” ที่เดินทางผ่านเวลามาจนราคาเพิ่มเยอะมาก ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ “เข้าใจได้ง่ายมากๆ” เพราะราคาน้ำมันมีตลาดไว้อ้างอิง ซึ่งหลายๆท่านน่าจะทราบว่าประเทศเราอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ แล้วปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา ที่ทำให้ราคาในปีที่แล้วมันถูกกก แสนถูก แล้วราคาปีนี้มันดีดขึ้นมาคืออะไร................................ให้เวลานึก...............จริงๆแล้วไม่ยากเลย เพราะทุกวันนี้เราก็ยังเผชิญปัจจัยนั้นอยู่ (ในขณะที่ประเทศอื่นๆผ่อนคลายแล้ว) นั่นคือ “ปัจจัย COVID-19” ไงครับ
ถ้าใครจำได้ปีที่ผ่านมาเพราะราคาน้ำมันดิบร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่หลายๆประเทศมีการสั่งปิดประเทศสั่งห้ามเดินทาง ก็ทำให้การใช้น้ำมันการใช้พลังงานในช่วงนั้นลดลงพร้อม ๆ กันทั้งโลก หลังจากนั้นก็ค่อย ๆฟื้นตัวตามสภาวะการณ์ของโลก หลังจากหลายๆประเทศมีการฉีดวัคซีนกันอย่างทั่วหน้า ทำให้มีความพร้อมในการเดินทาง การเปิดประเทศ และการท่องเที่ยวกลับมาเต็มรูปแบบ ราคาน้ำมันดิบก็สะท้อนภาวะการใช้ตามหลักอุปสงค์ อุปทาน และราคาก็ดีดกลับมาตามเดิม
ถ้าลองสังเกตุรูปสุดท้ายที่ผมนำมาใส่ ก็เข้าใจไม่ยากเลยว่าเพราะอะไรราคาหน้าปั้ม ณ.วันที่ 1 พ.ค 2563 กับ 5 มิ.ย.2564 ราคามันถึงได้แตกต่างกันขนาดนั้น ไม่เกี่ยวกับปั้มไหนขึ้น ปั้มไหนลง อะไรทั้งนั้นหรอก มันก็ขึ้นอยู่กับการราคาน้ำมันดิบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นๆมากกว่า และ.....สุดท้ายนี้ขอบอกอะไรอย่างนะ
ราคาน้ำมันประเทศไทยเท่ากันทุกปั้มนะครับ
ดราม่าราคาน้ำมันหน้าปั้มไทย
ประเด็นปัญหาของเรื่องนี้คือ “ราคาน้ำมัน” ที่เดินทางผ่านเวลามาจนราคาเพิ่มเยอะมาก ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ “เข้าใจได้ง่ายมากๆ” เพราะราคาน้ำมันมีตลาดไว้อ้างอิง ซึ่งหลายๆท่านน่าจะทราบว่าประเทศเราอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ แล้วปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา ที่ทำให้ราคาในปีที่แล้วมันถูกกก แสนถูก แล้วราคาปีนี้มันดีดขึ้นมาคืออะไร................................ให้เวลานึก...............จริงๆแล้วไม่ยากเลย เพราะทุกวันนี้เราก็ยังเผชิญปัจจัยนั้นอยู่ (ในขณะที่ประเทศอื่นๆผ่อนคลายแล้ว) นั่นคือ “ปัจจัย COVID-19” ไงครับ