สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ในฐานะที่เราเรียนป.เอกจบมาหลายปีแล้ว เราขอแนะนำให้คุณคุยกับแฟนคุณถึงเหตุผลอย่างจริงจังอีกครั้งค่ะ มันต้องคุยกันว่าแต่ละคนมีเป้าหมายอะไร จะใช้ชีวิตร่วมกันต้องวางจุดหมายไปในทิศทางเดียวกันค่ะ
เราผ่านการเรียนมาก่อน เราขอแชร์มุมมองของเราบางอย่างตามนี้ค่ะ
1. การเรียนป.เอก ใช้เวลา 3-5 ปี คือเรื่องปกติ จบ 3 ปีถือว่าไวมาก 5 ปีคือธรรมดา 7-8 ปีก็มีให้เห็นเยอะ คุณคิดว่าคุณใช้เวลาเรียนกี่ปีคะ (พูดถึงมหาลัยที่ได้มาตราฐานนะคะ ไม่นับม.ไก่กา จ่ายครบจบแน่) ระหว่างนี้ถ้าไม่มีรายได้เข้ามาเลยคุณโอเคหรือไม่
2. เราเห็นเพื่อนรอบตัวหลายคนเรียนไม่จบ ตอนเรียนแรกๆก็ไฟแรงมาก แต่พอเรียนไป 2-4 ปี หรือเก็บคอร์สเวิคหมดแล้วก็ถอดใจไป เพราะเขียนงานไม่เสร็จ การเรียนป.เอกมันต้องทุ่มเท ใช้แรงใจเยอะมากค่ะ ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ต้องอึด ถึกและใจสู้ เพราะต้องผ่านขั้นตอนการสอบมากมาย คุณแน่ใจมั้ยว่าคุณจะไม่ถอดใจถ้าเจออุปสรรคมากมาย คิดให้ดีเพราะคุณเสียทั้งความรัก ทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งโอกาส
3. เราเรียนตอนอายุ 25 จบตอนอายุ 29 ตอนเรียนปีท้ายๆ เราทุ่มเวลาไปการเขียนงานแบบสุดๆ คือไม่ออกไปเจอใคร ไม่มีสังคมใดๆ เพราะไม่ต้องการเสียสมาธิ เราต้องการบิ้วต์ตัวเองให้อินอยู่ในโลกของสิ่งที่เราศึกษา พออินแล้วมันจะเขียนงานได้ เราเห็นหลายคนจบช้าเพราะมีภาระครอบครัว บางคนมีกิจกรรมเยอะ บางคนต้องทำงานไปด้วย มันแทบจะไม่มีเวลาและสมาธิเขียนงานค่ะ
4. เพื่อนเราหลายคน มีอาการโรคซึมเศร้าระหว่างเรียน เพราะเครียด กดดัน บวกกับเหงา เพราะต้องเผชิญเรื่องราวต่างๆคนเดียว (เราเรียนตปท.)
5. ระหว่างเรียน เราเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน (ที่ไม่ได้เรียนต่อ) ประสบความสำเร็จ ทำงานบริษัทดัง ตำแหน่งใหญ่ บางคนทำสตาร์ทอัพของตัวเอง หลายคนมีรถ บางคนซื้อบ้านซื้อคอนโด ขณะที่เราไม่มีอะไรเลย ช่วงเวลาที่เพื่อนรุ่นเดียวกันสร้างตัวเราเอาเวลามาเรียนต่อ บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราเสียโอกาสในการเริ่มต้นชีวิต ชีวิตเราออกสตาร์ทช้ากว่าคนอื่น
6. เราเลิกกับแฟนก่อนจะไปเรียนต่อ ป.เอกเหมือนกันค่ะ แต่เป็นการเลิกกันด้วยดี เพราะมองอนาคตไว้ไม่เหมือนกัน แฟนเราอายุมากกว่า ต้องการมีครอบครัว มีลูก ส่วนเรายังไม่อยากมีลูก ยังอยากออกไปดูโลกกว้าง เลยต่างคนต่างแยกย้าย
7. หลายคนมองว่าเราเท่ เรียนเอกตั้งแต่อายุยังไม่มาก แต่เราไม่สนับสนุนให้ทุกคนเรียนเอกแบบเรา เพราะมันเกินความจำเป็นในบางสายงาน
8. หากคุณมีเป้าหมาย อยากเป็นนักวิชาการ อยากสอนหนังสือ อยากทำงานด้านวิจัยพัฒนา เราสนับสนุนให้เรียนเลย เอาให้เต็มที่ แต่ในบางสายงานวุฒิป.เอก คือไม่มีใครจ้าง โดยเฉพาะคนจบป.เอกที่อายุน้อย แต่ประสบการณ์ทำงานต่ำ จะก้าวไปตำแหน่งผู้บริหารก็สูงไป จะอยู่ตำแหน่งปฏิบัติงานก็โอเวอร์ควอลิฟาย คุณวางแผนอนาคตคุณไว้ยังไงคะ
9. หากเรียนด้วยเงินตัวเองยิ่งแล้วใหญ่ เพราะผลตอบแทนไม่คุ้มเงินที่ลงทุนไป หากคาดหวังว่าเรียนจบทำงานแล้วจะได้เงินเดือนเพิ่มเป็นเท่าตัว คุณอาจคิดผิด คนเรียนเอกส่วนมากจะได้ทุนกัน เราจบกลับมาทำงานมหาลัยในไทย เห็นคนเรียนต่อเอกส่วนหนึ่งเป็นคนทำงานสายวิชาการ ส่วนหนึ่งเป็นสายราชการเรียนไปปรับตำแหน่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นสายนักธุรกิจเรียนไปประดับโปรไฟล์ กลุ่มคนเรียนขึ้นอยู่กับสาขาวิชา แต่หลังๆมาเริ่มมีเด็กๆมาเรียนมาขึ้น บางคนบอกว่าไม่อยากทำงานเลยเรียนต่อไปเรื่อยๆที่บ้านมีกำลังซัพพอร์ต
10. จากที่เราบอกว่าเราเลิกกับแฟนก่อนไปเรียน ระหว่างเรียนก็มีคุยกับคนนู้นคนนี้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้คบใคร เพราะจริงจังทุ่มกับเรื่องเรียนมากกว่า จนเราเรียนจบ ทำงานสักพัก ถึงได้เจอกับแฟนคนปัจจุบัน วางแผนจะแต่งเร็วๆนี้ ซึ่งเราก็อายุปาเข้าไป 30 กลางๆแล้วค่ะ
ที่เราเขียนมา เราคิดว่าเป็นมุมที่คนนอกมักไม่มองหรือคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เราคิดว่าการเรียนป.เอก มันมีผลต่อชีวิตค่อนข้างเยอะค่ะ ยังไงลองเก็บไปพิจารณาดูนะคะ
*** เพิ่มเติมนะคะ
- นึกขึ้นมาได้ว่า การเรียนป.เอก หลายๆ ที่ต้องมีเผื่อค่ากิจกรรมสังคมด้วยนะคะ เช่น การกินเลี้ยง การไปสังสรรค์ตจว. ทริปดูงานตปท. เป็นต้นค่ะ มหาลัยที่เราทำงานอยู่ กลุ่มนศ.ป.โท-เอกกิจกรรมเยอะค่ะ ยิ่งถ้าคนเรียนเป็นกลุ่มนักธุรกิจ นักการเมือง กิจกรรมก็จะไฮโซขึ้นตามไป เอะอะก็ไปพัทยา รร.ต้อง5ดาว ทริปตปท.ต้องมี (ตอนก่อนโควิดนะคะ)
เราผ่านการเรียนมาก่อน เราขอแชร์มุมมองของเราบางอย่างตามนี้ค่ะ
1. การเรียนป.เอก ใช้เวลา 3-5 ปี คือเรื่องปกติ จบ 3 ปีถือว่าไวมาก 5 ปีคือธรรมดา 7-8 ปีก็มีให้เห็นเยอะ คุณคิดว่าคุณใช้เวลาเรียนกี่ปีคะ (พูดถึงมหาลัยที่ได้มาตราฐานนะคะ ไม่นับม.ไก่กา จ่ายครบจบแน่) ระหว่างนี้ถ้าไม่มีรายได้เข้ามาเลยคุณโอเคหรือไม่
2. เราเห็นเพื่อนรอบตัวหลายคนเรียนไม่จบ ตอนเรียนแรกๆก็ไฟแรงมาก แต่พอเรียนไป 2-4 ปี หรือเก็บคอร์สเวิคหมดแล้วก็ถอดใจไป เพราะเขียนงานไม่เสร็จ การเรียนป.เอกมันต้องทุ่มเท ใช้แรงใจเยอะมากค่ะ ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ต้องอึด ถึกและใจสู้ เพราะต้องผ่านขั้นตอนการสอบมากมาย คุณแน่ใจมั้ยว่าคุณจะไม่ถอดใจถ้าเจออุปสรรคมากมาย คิดให้ดีเพราะคุณเสียทั้งความรัก ทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งโอกาส
3. เราเรียนตอนอายุ 25 จบตอนอายุ 29 ตอนเรียนปีท้ายๆ เราทุ่มเวลาไปการเขียนงานแบบสุดๆ คือไม่ออกไปเจอใคร ไม่มีสังคมใดๆ เพราะไม่ต้องการเสียสมาธิ เราต้องการบิ้วต์ตัวเองให้อินอยู่ในโลกของสิ่งที่เราศึกษา พออินแล้วมันจะเขียนงานได้ เราเห็นหลายคนจบช้าเพราะมีภาระครอบครัว บางคนมีกิจกรรมเยอะ บางคนต้องทำงานไปด้วย มันแทบจะไม่มีเวลาและสมาธิเขียนงานค่ะ
4. เพื่อนเราหลายคน มีอาการโรคซึมเศร้าระหว่างเรียน เพราะเครียด กดดัน บวกกับเหงา เพราะต้องเผชิญเรื่องราวต่างๆคนเดียว (เราเรียนตปท.)
5. ระหว่างเรียน เราเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน (ที่ไม่ได้เรียนต่อ) ประสบความสำเร็จ ทำงานบริษัทดัง ตำแหน่งใหญ่ บางคนทำสตาร์ทอัพของตัวเอง หลายคนมีรถ บางคนซื้อบ้านซื้อคอนโด ขณะที่เราไม่มีอะไรเลย ช่วงเวลาที่เพื่อนรุ่นเดียวกันสร้างตัวเราเอาเวลามาเรียนต่อ บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราเสียโอกาสในการเริ่มต้นชีวิต ชีวิตเราออกสตาร์ทช้ากว่าคนอื่น
6. เราเลิกกับแฟนก่อนจะไปเรียนต่อ ป.เอกเหมือนกันค่ะ แต่เป็นการเลิกกันด้วยดี เพราะมองอนาคตไว้ไม่เหมือนกัน แฟนเราอายุมากกว่า ต้องการมีครอบครัว มีลูก ส่วนเรายังไม่อยากมีลูก ยังอยากออกไปดูโลกกว้าง เลยต่างคนต่างแยกย้าย
7. หลายคนมองว่าเราเท่ เรียนเอกตั้งแต่อายุยังไม่มาก แต่เราไม่สนับสนุนให้ทุกคนเรียนเอกแบบเรา เพราะมันเกินความจำเป็นในบางสายงาน
8. หากคุณมีเป้าหมาย อยากเป็นนักวิชาการ อยากสอนหนังสือ อยากทำงานด้านวิจัยพัฒนา เราสนับสนุนให้เรียนเลย เอาให้เต็มที่ แต่ในบางสายงานวุฒิป.เอก คือไม่มีใครจ้าง โดยเฉพาะคนจบป.เอกที่อายุน้อย แต่ประสบการณ์ทำงานต่ำ จะก้าวไปตำแหน่งผู้บริหารก็สูงไป จะอยู่ตำแหน่งปฏิบัติงานก็โอเวอร์ควอลิฟาย คุณวางแผนอนาคตคุณไว้ยังไงคะ
9. หากเรียนด้วยเงินตัวเองยิ่งแล้วใหญ่ เพราะผลตอบแทนไม่คุ้มเงินที่ลงทุนไป หากคาดหวังว่าเรียนจบทำงานแล้วจะได้เงินเดือนเพิ่มเป็นเท่าตัว คุณอาจคิดผิด คนเรียนเอกส่วนมากจะได้ทุนกัน เราจบกลับมาทำงานมหาลัยในไทย เห็นคนเรียนต่อเอกส่วนหนึ่งเป็นคนทำงานสายวิชาการ ส่วนหนึ่งเป็นสายราชการเรียนไปปรับตำแหน่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นสายนักธุรกิจเรียนไปประดับโปรไฟล์ กลุ่มคนเรียนขึ้นอยู่กับสาขาวิชา แต่หลังๆมาเริ่มมีเด็กๆมาเรียนมาขึ้น บางคนบอกว่าไม่อยากทำงานเลยเรียนต่อไปเรื่อยๆที่บ้านมีกำลังซัพพอร์ต
10. จากที่เราบอกว่าเราเลิกกับแฟนก่อนไปเรียน ระหว่างเรียนก็มีคุยกับคนนู้นคนนี้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้คบใคร เพราะจริงจังทุ่มกับเรื่องเรียนมากกว่า จนเราเรียนจบ ทำงานสักพัก ถึงได้เจอกับแฟนคนปัจจุบัน วางแผนจะแต่งเร็วๆนี้ ซึ่งเราก็อายุปาเข้าไป 30 กลางๆแล้วค่ะ
ที่เราเขียนมา เราคิดว่าเป็นมุมที่คนนอกมักไม่มองหรือคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เราคิดว่าการเรียนป.เอก มันมีผลต่อชีวิตค่อนข้างเยอะค่ะ ยังไงลองเก็บไปพิจารณาดูนะคะ
*** เพิ่มเติมนะคะ
- นึกขึ้นมาได้ว่า การเรียนป.เอก หลายๆ ที่ต้องมีเผื่อค่ากิจกรรมสังคมด้วยนะคะ เช่น การกินเลี้ยง การไปสังสรรค์ตจว. ทริปดูงานตปท. เป็นต้นค่ะ มหาลัยที่เราทำงานอยู่ กลุ่มนศ.ป.โท-เอกกิจกรรมเยอะค่ะ ยิ่งถ้าคนเรียนเป็นกลุ่มนักธุรกิจ นักการเมือง กิจกรรมก็จะไฮโซขึ้นตามไป เอะอะก็ไปพัทยา รร.ต้อง5ดาว ทริปตปท.ต้องมี (ตอนก่อนโควิดนะคะ)
แสดงความคิดเห็น
แฟนไม่ให้เรียนต่อ ป.เอก เราคิดผิดไหมถ้าเราเลือกเรียนต่อ
แฟนบอกกับเราว่า ต้องการให้เราทำงานหารายได้ไปสร้างครอบครัวกับเค้า มากกว่าที่จะเรียนต่อ
เราคิดถูกไหม ถ้าเลือกที่จะเรียนต่อ เพราะมองว่าการเรียนต่อ ไม่ได้เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการสร้างครอบครัวเลย ตอนนี้แฟนเราไม่เข้าใจเรามากๆเลย T__T ถูกต่อว่าเป็นคนเลื่อนลอยไม่ยอมสร้างอนาคต
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนและค่าเทอม เป็นเงินของเราเองทั้งหมด(เราวางแผนการเงินมาแล้ว สำหรับเรียนต่อ)
เราอยากทราบว่า เราควรทำยังไงดีกีบปัญหาแบบนี้ เพื่อนๆที่เรียนต่อ เคยเจอปัญหาลักษณะนี้ไหม และแก้ไขกันยังไงค่ะ