ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กตั้งแต่ยังจำความได้ พ่อเป็นคนที่หนูรักคนนึง เป็นคนที่ดูแล เอาใจใส่ดีมาก อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากซื้ออะไรพ่อก็พยายามหาให้ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นไม่กี่ปีมานี้ ตั้งแต่พ่อพ้นจากคดี ทำให้พ่อกลายเป็นอีกคน ตอนที่พ่อห่างจากแม่ น้อง และหนู นับเป็นเวลา3ปี เวลานั้นพ่อไม่ได้กลับบ้านเลย แต่แม่จะพยายามพาไปหาพ่อบ่อยๆ จนวันที่พ่อชนะคดีความ ได้กลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง มันเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในบ้านอย่างทันที เหมือนพ่อจะบังคับจนทำให้เรารู้สึกกดดันตัวเอง ไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ กลัวไปหมดทุกอย่าง เพราะคำว่า พ่อ คำเดียว เรื่องนี้ไม่เคยเป็นปัญหากับเราเลย รู้สึกว่าแค่ทำในสิ่งที่พ่อวางไว้ ก็ไม่มีปัญหา แต่พออยู่ไป พ่อก็ยิ่งกลับไประแวงทางแม่ แม่ทำอะไร ไปไหนคนเดียว แทบจะไม่ได้ โทรศัพท์แม่ใช้ปุ่มกด พ่อก็ตรวจทุกคืนว่ามีเบอร์ไหนโทรมาแปลกบ้าง ทั้งๆที่แม่ไม่ไปไหนเลย ทำงานก็ทำใกล้บ้าน เดินไป10กว่าก้าวก็ถึงที่ทำงานแม่ ตอนนั้นพ่อกลัวคนอื่นพูดจาว่าร้ายพ่อ พ่อก็จะให้แม่ออกจากงาน โดยไม่ให้พูดคุยกับใครข้างบ้าน เพราะพ่อไม่ถูกกับใครเลยแถวบ้าน เลยทำให้พ่อกลัวไปหมด จนแม่ต้องยอมลาออกจากงาน เพื่อให้พ่อสบายใจ ตอนนั้นพ่อยังทำงานเอกชน จนต้องลาออกอีกเพราะ ไม่ถูกกับคนในบริษัทอีก และพ่อก็ได้บริษัทใหม่ แต่กว่าจะเข้าได้ก็ต้องใช้เงินอลรมนู้นนี่นั่น และเป็นแม่ที่ต้องแบกหน้าหาเงินให้พ่อเพื่อที่จะได้ทำงาน แต่สุดท้ายก็ออกเพราะอยู่กับคนอื่นไม่ได้ สุดท้ายมาขายของ ขายไปขายมาก็ไม่มีเงอนทุน ก็ต้องวิ่งยืมเงินกู้นอกระบบ แม่ก็เป็นคนยืมทุกครั้ง รู้สึกสงสารแม่มาก ได้เงินมาพ่อก็เอาไปเสพยา สูบบุหรี่ วันๆเอาแต่เสพยา จนหลอน กลางคืนก็ทะเลาะกัน มีดึงหัวแม่บ้าง ไม่ได้ดั่งใจอะไรก็ซัดของ ทำลายข้าวของ จนถึงตอนนี้ สวดมนต์สมาธิแล้วคิดว่าตนเองเป็นทรง มีทวดมาเข้าบ้าง กระทืบเท้าเอย ตีผนังบ้าน พูดจาว่าคนทีพ่อเกลียด ไม่ชอบ ไม่ใช่ว่าเราลบหลู่ของทรงเจ้าอะไรแบบนี้ แต่เราว่ามันไม่ใช่ อาการของพ่อไปทางหลอนบวกกับมีเรื่องฝังใจ แช่งคนที่เกลียดทุกคืน เราก็พลอยโดนไปด้วย โดนไล่ให้ไปอยู่อื่น ไม่ชอบให้เราอยู่ใกล้แม่ ชอบคิดว่าเราชวนให้แม่ไปมีพ่อใหม่ ด่าว่าเราสารพัด เหมือนไม่ใช่ลูก จนเราอึดอัดมาก ทำอะไรไม่ได้เลย เกลียดพ่อตัวเองมากๆในตอนนี้ มันจะผิดไหมถ้าเรารู้สึกแบบนี้
จะผิดไหมคะถ้ารู้สึกว่าเกลียดพ่อทั้งๆที่ไม่ได้อยากเกลียดเลย