การเดินทางของ THE BOYZ จาก Road to Kingdom สู่ Kingdom: Legendary War

ไอดอลกรุ๊ปที่เป็นผู้ชนะรายการ Road to Kingdom และเป็นใบเบิกทางให้ไปแข่งขันต่อในรายการ Kingdom: Legendary War อย่าง THE BOYZ ได้โชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์จำนวนมาก ตั้งแต่รายการ Road to Kingdom สู่รายการ Kingdom ซึ่งแต่ละโชว์ล้วนทีคอนเซปต์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการนำเนื้อหาจากวรรณกรรม หรือภาพยนตร์มาเป็นแรงบันดาลใจในแต่ละเวที
 

ก่อนรายการ Road to Kingdom จะออกอากาศ ทางต้นสังกัดของ THE BOYZ ได้ปล่อยวิดีโอโปรไฟล์เพื่อเป็นการโปรโมตวงก่อนที่รายการดังกล่าวจะออกอากาศ คือวิดีโอ Generation Z ซึ่งในวิดีโอนี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ที่แตกต่างของสมาชิกในวงอย่างชัดเจน 

 
โดยสมาชิกที่ถูกนำเสนอภาพลักษณ์ออกมาอย่างชัดเจนว่าได้รับอิทธิพลมาจากสื่อต่าง ๆ ก็ยกตัวอย่างได้เช่น Kevin ที่ถูกถ่ายทอดภาพของภาพยนตร์เรื่อง We Need to Talk about Kevin ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ถูกสร้างมาจากหนังสือในชื่อเรื่องเดียวกัน เป็นนวนิยายปี 2003 ของ Lionel Shriver เรื่องนี้ถูกเขียนจากมุมมองบุคคลที่หนึ่งอย่างแม่ของตัวละคร Kevin และบันทึกถึงความพยายามของเธอที่อยู่ร่วมกับ Kevin ลูกชายของเธอ รวมถึงการฆาตกรรมที่ Kevin ก่อตามที่บอกไว้ในจดหมายหลายฉบับ 
 

ต่อด้วย Hyunjae ที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพลักษณ์ของเทพเจ้ากรีกที่ถือผลไม้ต่าง ๆ อยู่ ซึ่งจากองค์ประกอบต่าง ๆ ใกล้เคียงกับ Dionysus เป็นเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวองุ่น การทำไวน์และไวน์ พระองค์มีอีกพระนามหนึ่งว่า Bacchus พระองค์ยังทรงถูกเรียกว่า ผู้ปลดปล่อย (Liberator) ที่ปลดปล่อยส่วนลึกของตนเองโดยทำให้คลั่ง หรือให้มีความสุขอย่างล้นเหลือ หรือด้วยเหล้าองุ่น หน้าที่ของ Dionysus คือเป็นผู้สร้างดนตรีออโลส และยุติความกังวล
 

รายการ Road to Kingdom มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 7 กลุ่ม ได้แก่ PENTAGON, ONF, Golden Child, THE BOYZ, VERIVERY, ONEUS และ TOO (ปัจจุบันใช้ชื่อ TO1) ออกอากาศครั้งแรกด้วยโจทย์ Preliminary Performances โดยในรอบนี้ THE BOYZ ใช้โชว์ที่มีชื่อการแสดงว่า Sword of Victory และคว้าอันดับที่ 1 ไปในรอบนี้

 
โจทย์รอบถัดมาคือ Song of King ซึ่งในรอบนี้ THE BOYZ ใช้เพลง Danger ต้นฉบับโดย Taemin ในการแสดง ซึ่งคอนเซปต์การแต่งกายได้รับอิทธิพลมาจากตัวละคร อาร์แซน ลูแปง จากนิยายและภาพยนตร์เรื่อง Arsène Lupin ซึ่งนิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายของมอริส เลอบล็อง นักเขียนชาวฝรั่งเศส ที่มีการนำเอา เชอร์ล็อก โฮมส์ มาจับเข้าหากันด้วย แล้วในโจทย์รอบนี้ THE BOYZ ก็คว้าอันดับที่ 1 ด้วย Rounded Points จำนวน 10,000 คะแนน ในขณะที่อันดับที่ 2 อย่าง Golden Child ก็ใช้เพลง T.O.P ของ Shinhwa ในการแสดง โดยมีคอนเซปต์มาจากวรรณกรรมเรื่อง Swan Lake ที่น่าสนใจไม่แพ้กันอีกด้วย
 

รอบถัดมาได้แก่โจทย์ My Song รอบนี้ THE BOYZ ใช้เพลง Reveal ในการแสดงที่มีชื่อว่า Reveal (Catching Fire) ซื่งได้รับอิทธิพลมาจากวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงอย่างเรื่อง Catching Fire หรือปีกแห่งไฟ เป็นนวนิยายไซไฟ เสียดสีสังคม เขียนโดยซูซาน คอลลินส์ เป็นเล่มที่ 2 ในนวนิยายชุดเกมล่าชีวิต ซึ่งเล่าเรื่องราวหลังจบเกมล่าชีวิต โดยนวนิยายเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ The Hunger Game : Catching Fire หากสังเกตจากการแสดงของ THE BOYZ ในเวทีนี้แล้ว สิ่งที่เชื่อมโยงกับภาพยนตร์ดังกล่าวคือเข็มกลัดที่ติดอยู่บนเครื่องแต่งกายของสมาชิกในวง อีกทั้งยังปรากฏอิทธิพลจากภาพ The Last Supper ของพระเยซู มาดัดแปลงให้เข้ากับโชว์ด้วย การแสดงในรอบนี้ THE BOYZ ได้อันดับที่ 1 ด้วย Total Points จำนวน 10,000 คะแนน
 

ถัดมาคือโจทย์ Collaboration รอบนี้ THE BOYZ ได้ทำการแสดงร่วมกับ ONEUS โดยใช้เพลง Heroine ต้นฉบับร้องโดย Sunmi ซึ่งการแสดงนี้ได้อันดับที่ 3 ของรอบการแข่งขัน

 
ต่อด้วยโจทย์ Your Song ซึ่งโจทย์รอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละวงจะมีคอนเซปต์ที่ชัดเจนวางไว้ อย่าง THE BOYZ ที่ใช้เพลง Shangri-La ต้นฉบับโดย VIXX ในการแสดงที่มีชื่อว่า Quasi una fantasia ได้รับอิทธิพลมาจากผลงานเพลงของเบทโฮเฟิน ที่มีชื่อเพลงว่า Piano Sonata No. 14 in C # minor, Op. 27 No. 2 หรือ Quasi una fantasia หรือรู้จักกันในชื่อ มูนไลต์โซนาตา (Moonlight Sonata) กล่าวกันว่าเบทโฮเฟินอุทิศผลงานชิ้นนี้ให้แก่เคาน์เตสจูลีเยตตา กวิชชาร์ดี เป็นหญิงสาวที่เป็นลูกศิษย์ และเบทโฮเฟินหลงรัก โซนาตาชิ้นนี้ได้ชื่อว่า “มูนไลต์โซนาตา” จากคำบรรยายของ ลูทวิช เร็ลชตาพ นักวิจารณ์ดนตรีชาวเยอรมัน ว่ามูฟเมนต์ที่หนึ่งของโซนาตาชิ้นนี้ มีท่วงทำนองเปรียบได้กับแสงจันทร์ที่ส่องสว่างเหนือทะเลสาบลูเซิร์นในเวลากลางคืน 

 
การแสดง Quasi una fantasia ของ THE BOYZ ในรอบนี้ได้อันดับที่ 2 รองจาก ONF ที่ใช้เพลง It’s Raining ต้นฉบับโดย Rain ภายใต้คอนเซปต์ ไมเคิลแจ็กสัน รวมถึงผู้เข้าแข่งขันกลุ่มอื่น ๆ ก็มีคอนเซปต์ที่น่าสนใจ คือ วง ONEUS ใช้เพลง Be Mine ต้นฉบับโดย Infinite ภายใต้คอนเซปต์วรรณกรรมเรื่อง Romeo and Juliet, วง TOO ใช้เพลง Hard Carry ต้นฉบับโดย GOT7 ภายใต้คอนเซปต์ Street Style, วง PENTAGON ใช้เพลง Follow ต้นฉบับโดย Monsta X ภายใต้คอนเซปต์ ฟาโรห์ และวง VERIVERY ใช้เพลง gogobebe ต้นฉบับโดย MAMAMOO ภายใต้คอนเซปต์วรรณกรรมเรื่อง Aladdin

 
รอบสุดท้ายของรายการ Road to Kingdom คือ Finale Live Comeback Stages นั้น THE BOYZ ใช้เพลง Checkmate ซึ่งการแสดงบนเวทีนี้มีผู้วิเคราะห์ว่าได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องราวของศาสนาคริสต์ คือการกล่าวถึง Judas Iscariot ผู้ทรยศต่อพระเยซู โดยภาพ The Last Supper ของพระเยซูที่เคยถูกดัดแปลงและปรากฏในโชว์ Reveal (Catching Fire) เป็นต้นแบบในการสร้างโต๊ะกลมของอัศวินโต๊ะกลม ในเรื่องเล่าของกษัตริย์อาเธอร์ และเรื่องเล่านี้ก็ยังกล่าวถึงจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกดัดแปลงระหว่างเรื่องเล่าของพระเยซูกับกษัตริย์อาเธอร์ให้เข้ากับการแสดง Reveal (Catching Fire) ของ THE BOYZ ที่ผ่านมาอีกด้วย และการแสดง Checkmate ในครั้งนี้ก็พาให้ THE BOYZ คว้าอันดับที่ 1 ของรายการ Road to Kingdom และเข้าแข่งขันในรายการ Kingdom: Legendary War ต่อไป

 
เวทีงานปลายปีอย่าง 2020 MAMA นั้น THE BOYZ ได้แสดงโชว์ที่มีชื่อว่า Open the hell-gate + The Beginning of the end โดยใช้เพลง Reveal และ Checkmate เป็นการแสดงก่อนที่รายการ Kingdom: Legendary War จะออกอากาศอย่างเป็นทางการในปี 2021

 
ถัดจากวิดีโอโปรไฟล์อย่าง Generation Z ที่ใช้โปรโมตก่อนรายการ Road to Kingdom แล้ว THE BOYZ ยังมีวิดีโอโปรโมตสำหรับรายการ Kingdom: Legendary War เช่นกัน คือวิดีโอที่ใช้ชื่อว่า Be Your Own King ซึ่งในวิดีโอนี้ก็ได้นำเสนอภาพลักษณ์ที่แตกต่างของสมาชิกในวงอย่างชัดเจน ทั้งยังได้รับอิทธิพลมาจากสื่อต่าง ๆ เช่นเดียวกับ Generation Z อีกด้วย
 

ในวิดีโอ Be Your Own King สมาชิกที่ได้รับอิทธิพลมาจากงานเขียนและภาพยนตร์อันดับแรกคือ Hyunjae ที่ภาพลักษณ์ในวิดีโอดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Ghost in the Shell เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนววิทยาศาสตร์และปรัชญาที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งแต่งขึ้นโดยชิโระ มาซามูเนะ ในรูปแบบหนังสือการ์ตูน ซึ่งภายหลังจากมีการ์ตูนเรื่องนี้ ก็ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน
 

สำหรับภาพลักษณ์ของ Juyeon ในวิดีโอ Be Your Own King ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Zhao Xiaoli ศิลปินหญิงชาวจีนที่สร้างศิลปะผ่านผืนผ้าใบที่สมบูรณ์แบบ การสร้างผลงานชิ้นเอกจากสิ่งของที่แปลกประหลาด ศิลปินสาวท่านนี้ได้เป็นที่รู้จักทางออนไลน์ด้วยผลงานจินตนาการของเธอ

 
ต่อด้วย Ju Haknyeon ในวิดีโอ Be Your Own King ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์และวรรณกรรมเรื่อง Romeo and Juliet อีกทั้งภาพในสมาร์ตโฟนที่ปรากฏในวิดีโอก็เป็นบทประพันธ์จาก Shakespeare's sonnets  ของวิลเลียม เชกสเปียร์ ผู้ประพันธ์เรื่อง Romeo and Juliet อีกด้วย

 
ตามด้วย Kevin ในวิดีโอ Be Your Own King ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมเรื่อง Peter Pan ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง ซึ่งปีเตอร์แพน เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยนักประพันธ์ ชื่อ เจ. เอ็ม. แบร์รี ปีเตอร์แพนเป็นเด็กชายผู้หนึ่งที่สามารถบินได้ และมีมนต์พิเศษในการปฏิเสธการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่กลับเป็นเด็กตลอดกาล เขาใช้ชีวิตวัยเด็กตลอดกาลของเขาท่องเที่ยวผจญภัยอยู่ในเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในดินแดนเนเวอร์แลนด์ เป็นหัวหน้าของแก๊งเด็กหลง อยู่กับหมู่นางฟ้า และต่อสู้กับโจรสลัด ปีเตอร์ แพนจะมาพบปะกับเด็กธรรมดา ๆ ในโลกภายนอกบ้างเป็นครั้งคราว อีกทั้งปีเตอร์แพนยังได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แสดงถึงความไร้เดียงสาและการหลบหนีของวัยเยาว์

 
ถัดมาได้แก่ Sunwoo ในวิดีโอ Be Your Own King ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Harley Quinn เป็นตัวละครตัวร้ายในหนังสือการ์ตูนชุดของสำนักพิมพ์ดีซีคอมิกส์ มีบทบาทหลักเป็นศัตรูของแบทแมน สร้างสรรค์โดยพอล ดีนีและบรูซ ทิมม์ ปรากฏตัวครั้งแรกใน The Batman Adventures #12 และตัวละครฮาร์ลีย์ ควินน์ ในฉบับคนแสดงก็มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นมากเช่นกัน

 
***** (ต่อในคอมเมนต์ที่ 1) *****
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่