คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าตอบแบบฟันธงเดี๋ยวโดนคนบางกลุ่มมาต่อว่าอีก เอาเป็นว่าหลักสูตรจิตวิทยาในมหาวิทยาลัยไม่มีสอนเรื่องกฎแรงดึงดูด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ทีเดียวว่ากฎแรงดึงดูดไม่ได้ผล เพราะเมื่อพิจารณาแยกส่วนแล้วกฎแรงดึงดูดมีความคล้ายกับจิตวิทยาการรู้คิดกับจิตวิทยาสังคมหลายอย่าง เช่น การคิดบวกว่าตัวเองสามารถพัฒนาได้คล้ายกับแนวคิด growth mindset การมีความเชื่อแล้วทำตามความเชื่อนั้นเป็นเรื่อง motivation และ attitude บางทีประสบความสำเร็จโดยไม่ตั้งใจจากความเชื่อที่ไม่รู้ตัวเรียกว่า self-fulfilling prophecy และ Barnum Effect (หรือที่คุณเรียกว่าเหตุสมความปรารถนาแห่งคำทำนาย)
เท่าที่ฟังคนที่อ้างว่าเรียนจบหลักสูตรการโค้ชกฎแรงดึงดูดจากสถาบันระดับโลก เนื้อหาหลายอย่างมีความสอดคล้องกับจิตวิทยา แต่ไม่ได้อธิบายด้วยหลักจิตวิทยาโดยตรง สมมติว่านักจิตวิทยามองเป็น A, B, C ประกอบกัน แต่กฎแรงดึงดูดมองเป็น Z กล่าวคือมองสิ่งเดียวกันคนละมุมมองกัน ถ้าถามว่ากฎแรงดึงดูดผิดไหม "ภาพรวม" ก็ดูไม่ได้ผิดอะไร แต่ถามว่ามันอธิบายได้ดีไหม ในฐานะนักจิตวิทยาคิดว่าทฤษฎีจิตวิทยาหลายอย่างอธิบายเรื่องพวกนี้ไว้ละเอียดกว่า และเหมาะกับนำไปใช้ร่วมกับศาสตร์อื่นได้มากกว่า แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีความรู้เรื่องจิตวิทยาบางทีกฎแรงดึงดูดอาจเข้าใจง่ายกว่า
(เราไม่ได้บอกว่ากฎแรงดึงดูดถูกต้องหรือเปล่า เราบอกแค่ว่ากฎแรงดึงดูดหลายอย่างคล้ายกับจิตวิทยา แต่เราก็ไม่สนับสนุนกฎแรงดึงดูด)
เท่าที่ฟังคนที่อ้างว่าเรียนจบหลักสูตรการโค้ชกฎแรงดึงดูดจากสถาบันระดับโลก เนื้อหาหลายอย่างมีความสอดคล้องกับจิตวิทยา แต่ไม่ได้อธิบายด้วยหลักจิตวิทยาโดยตรง สมมติว่านักจิตวิทยามองเป็น A, B, C ประกอบกัน แต่กฎแรงดึงดูดมองเป็น Z กล่าวคือมองสิ่งเดียวกันคนละมุมมองกัน ถ้าถามว่ากฎแรงดึงดูดผิดไหม "ภาพรวม" ก็ดูไม่ได้ผิดอะไร แต่ถามว่ามันอธิบายได้ดีไหม ในฐานะนักจิตวิทยาคิดว่าทฤษฎีจิตวิทยาหลายอย่างอธิบายเรื่องพวกนี้ไว้ละเอียดกว่า และเหมาะกับนำไปใช้ร่วมกับศาสตร์อื่นได้มากกว่า แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีความรู้เรื่องจิตวิทยาบางทีกฎแรงดึงดูดอาจเข้าใจง่ายกว่า
(เราไม่ได้บอกว่ากฎแรงดึงดูดถูกต้องหรือเปล่า เราบอกแค่ว่ากฎแรงดึงดูดหลายอย่างคล้ายกับจิตวิทยา แต่เราก็ไม่สนับสนุนกฎแรงดึงดูด)
แสดงความคิดเห็น
กฎแรงดึงดูดมีจริงหรือไม่ครับ ???
ถ้าคุณเชื่อว่าเงินก้อนใหญ่ 12ล้านบาท จะมาหาคุณอย่างแน่นอน และคุณรู้สึกว่ามันได้รับแล้ว ทั้งๆที่เรื่องจริงอาจจะยังไม่ได้รับมัน และคุณก็ดำเนินหน้าที่การงานของคุณตามปกติจนกระทั่งความคิดและความรู้สึกของคุณเป็นจริง คือ ได้รับเงิน 12 ล้านบาทจริงๆ คุณคิดว่า เพราะเหตุของกฎจักรวาลดึงดูดความปรารถนาที่เราส่งออกไป อย่างนั้นใช่หรือไม่ครับ
ในแนวจิตวิทยา มีทฤษฎี ชื่อว่า "เหตุสมความปรารถนาแห่งคำทำนาย"
สมมติว่า คุณไปหาหมอดู คุณศรัทธาในตัวหมอดูว่าดูแม่นมาก และแล้วหมอดูก็ทำนายว่า วันนี้ไม่ดีเอาเสีย คุณอาจลื่นหกล้มในบ้านได้ ควรระวังให้ดี !!! หลังจากคุณกลับไปถึงบ้าน คุณก็ระมัดระวังแล้ว ปรากฎว่าคุณรู้สึกปวดท้องเล็กน้อยอยากจะเข้าห้องน้ำ เมื่อเสร็จ ก่อนคุณออกจากห้องน้ำ ปรากฎว่าคุณลื่นล้มเหมือนตามที่หมอดูได้ทำนายเอาไว้จริงๆ นั่นก็เพราะว่าสมองของคุณสั่งงานโดยคุณไม่รู้ตัวว่า ต้องหกล้มตามที่คุณเชื่อไว้นะไม่ว่ากรณีใดก็ตาม !!!
ในแนวไสยศาสตร์ เดรัจฉานวิชาคือพิธีกรรม เป็นต้น การทำสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยสมาธิและพลังงาน อนุภาคและคลื่นความถี่ การกระทำต่อบุคคลที่สาม บางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็ไม่ เพราะเหตุปัจจัยระหว่างเราและเขายังไม่ตรงกัน
คำถามคือ ในหลายๆอย่างการที่คุณเชื่ออย่างแรงกล้าว่า สิ่งๆนั้นจะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน ข้อนั้นเพราะ เหตุแห่งแรงดึงดูดตามกฎจักรวาล หรือเพราะสมองคุณสั่งการให้เป็นไปตามสิ่งที่เชื่อ หรือครับ ???
ถ้าคุณเชื่ออย่างสุดใจว่า น้ำมนต์นี้ วิเศษจริง ศักดิ์สิทธิ์จริง มันจะสามารถรักษาตัวเราให้หายจากโรคมะเร็งได้จริงๆ เมื่อคุณดื่มไปแล้ว และนั่นก็เป็นจริง คือมะเร็งของคุณได้ลดลงไปมาก เพราะคลื่นความถี่ ไปสั่นทะเทือนตรงจุดนั้นเองทำให้คุณหายป่วยเร็วขึ้นหรือเพราะสมองสั่งการให้หลั่งสารกำจัดมะเร็ง
และถ้าคุณเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ถ้าคุณพกหินคริสตัลนี้แล้ว มันจะดึงดูดให้มีคนชอบคุณมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฎว่าคุณพกมัน คุณจะมีความรู้สึกตื่นเต้น จะรู้สึกว่าได้รับแน่นอนโดยอัตโนมัติ และแล้ว หลายๆคนก็มาชอบคุณจริงๆ ยิ้มให้คุณ ชวนคุณคุย หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณมีความสุขกับผู้คน เพราะ จักรวาลส่งผลให้คุณได้รับสิ่งเหล่านี้จากที่สมองคุณส่งคลื่นความถี่ออกไปแล้วกวาดความถี่เดียวกันกลับคืนมาให้คุณได้รับ หรือเพราะสมองหลั่งสารให้คุณมีลักษณะ Body Language ให้คนอื่นเห็นคุณตรงตามนั้น หลั่งสารให้คุณยิ้มอย่างจริงใจโดยคุณไม่รู้ตัว ส่งสัญญาณลักษณะความเป็นมิตรและส่งสัญญาณทางกายเองอัตโนมัติให้สมองคนอื่นรับรู้ว่า ควรที่จะเข้าหาตัวเราอย่างยิ่ง
และสุดท้าย การที่คุณเชื่อว่าการเงินหรือความรัก ตามรูปแบบที่เราปรารถนาอยากจะครอบครอง มันมาหาเราแล้วจริงๆ ข้อนั้นเพราะ กฎแรงดึงดูดกวาดสัญญาณความถี่เดียวกันให้สถานการณ์เข้ากันได้ ดึงให้เข้าหากันอัตโนมัติ บีบให้ต้องเจอกัน พบปะกัน หรือเพราะสมองสั่งการตามความคิดความรู้สึก จนคุณตื่นเต้นจนทนไม่ไหวจนต้องลงมือทำเพราะตอบสนองความสุขและความตื่นเต้นของคุณเอง
หรือเพราะทั้งสองอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆกันครับ???