สร้างรัก...บทที่ 7 (1)

กระทู้สนทนา
บทที่ 7
 
 
         วันนี้บรรยากาศภายในไซต์งานค่อนข้างเงียบเหงากว่าทุกวัน ผู้คนนั้นบางตาอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีเพียงพนักงานของบริษัท แกรนด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ ดีไซน์ เท่านั้นที่มาทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนบริษัทอื่นๆ งานของเขาถือว่าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มวันและเวลาทำงาน
 
          หลังสั่งงานลูกน้องในโซนซีเสร็จ ชวกรตั้งใจจะเข้าไปดูช่างติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ที่โซนบีต่อ แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะหันหลังกลับก็มีขวดน้ำผลไม้เย็นเฉียบยื่นมาตรงหน้า เขาไล่สายตาไปตามลำแขนเสลาก่อนจะหยุดอยู่ที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ไร้การแต่งแต้ม คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
 
          “อะไร”
 
         “น้ำผลไม้ค่ะ พอดีเมื่อกี้รุ้งลงไปซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่าง เลยซื้อมาเผื่อนายช่างด้วยน่ะค่ะ ถือซะว่าตอบแทนเรื่องวันนั้นละกันนะคะ” 
 
         นอกจากคำขอบคุณในวันนั้น ปัถยายังไม่มีโอกาสทำอะไรตอบแทนชวกรเลย แม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร ที่ทำไปก็เพื่อมนุษยธรรมและไม่ได้หวังอะไรตอบแทน แต่เธอก็เธออยากจะทำอะไรให้เขาบ้าง แม้จะเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม และเมื่อเห็นว่าวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวกว่าทุกวัน แถมเขายังทำงานต่อเนื่องตั้งแต่เช้าแทบจะไม่หยุดพักดื่มน้ำดื่มท่า เธอจึงตั้งใจลงไปซื้ออะไรเย็นๆ มาให้เขาดื่มสักหน่อย   
 
         โฟร์แมนหนุ่มยื่นมือออกไปรับโดยที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรต่อ จากนั้นก็เปิดฝาขวดและกระดกดื่มไปเกือบค่อนขวด เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบดื่มพวกน้ำผลไม้หรือน้ำหวานสักเท่าไร เห็นอย่างนั้นแล้วคนให้ก็ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะขอตัวไปทำงานของตัวเองบ้าง
 
         ขณะกำลังสั่งให้คนงานทำราวกันตกรอบๆ ช่องชาฟต์ เซฟตีสาวก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากบริเวณโซนบี หญิงสาวไม่รอช้ารีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุในทันที โดยมีคนงานอีกสองคนวิ่งตามไปติดๆ
 
         “เกิดอะไรขึ้นคะป้าบัว” 
 
         “ตาสมานน่ะสิคะ ก่ออิฐอยู่ดีๆ ก็ล้มตึงลงไปเลย” นางสายบัวพูดไปสะอื้นไป ขณะที่มือนั้นพยายามเขย่าเรียกสติผู้เป็นสามีที่ยังคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
 
         ได้ยินอย่างนั้นปัถยาก็รีบเช็กความรู้สึกตัวของลุงสมานทันที เมื่อตรวจดูแล้วพบว่าคนงานสูงวัยไม่มีสติ แถมยังคลำชีพจรไม่เจออีกต่างหาก เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวจึงร้องบอกให้ผู้เป็นภรรยาโทร.ขอความช่วยเหลือจากหน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน 
 
         “ป้าบัวโทร.เรียกรถฉุกเฉินเลยนะคะ เบอร์ 1669 บอกเขาว่ามีคนเป็นลมแล้วหัวใจหยุดเต้น เดี๋ยวรุ้งจะปั๊มหัวใจให้ลุงสมานระหว่างรอ” เซฟตีสาวสั่งเมื่อเห็นว่าอาการของคนงานท่าจะแย่ ขืนชักช้าอาจไม่ทันกาล
 
         “ได้ค่ะคุณรุ้ง” นางสายบัวรีบทำตามคำสั่งอย่างไม่รีรอด้วยกลัวว่าสามีคู่ยากนั้นจะเป็นอะไรไป
 
         ปัถยาสาวบอกให้บรรดาไทยมุงทั้งหลายขยับออกไปให้ห่างจากตัวคนป่วย จากนั้นก็ขยับเข้าไปชิดข้างลำตัวของคนหมดสติ แล้วเหยียดแขนตึง วางมือประสานกันบนหน้าอกของคนป่วยและลงมือทำปั๊มหัวใจทันที 
 
         โชคดีที่ตอนเรียนทางคณะได้เชิญวิทยากรจากสภากาชาดไทยมาอบรมหลักสูตรการปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพแก่นักศึกษาชั้นปีสุดท้าย หญิงสาวจึงรู้วิธีทำ CPR[1] ที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นตอนนี้เธอคงได้แต่ตกใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้าจนทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ  
 
         หญิงสาวปั๊มหัวใจให้คนป่วยไปหลายรอบแล้ว แต่ชีพจรก็ยังไม่กลับมา ในขณะที่เรี่ยวแรงปัถยาเริ่มลดน้อยลงไปทุกที เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดออกมาตามไรผม ไม่รู้เพราะเหนื่อยหรือเพราะลุ้นไปกับนาทีชีวิตของคนงานที่กำลังอยู่ในกำมือของเธอในตอนนี้ ในใจก็เฝ้าภาวนาให้คนงานสูงวัยฟื้นขึ้นมาไวๆ ก่อนที่เรี่ยวแรงของเธอจะหมดไปเสียก่อน แต่แล้วเสียงห้าวทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลัง เป็นเสมือนเสียงสวรรค์ที่มาช่วยเธอได้ทันเวลา
 
         “มาผมช่วย”
 
         หลังได้ทราบเรื่องจากคนงานที่วิ่งหน้าตั้งไปบอกเรื่องของลุงสมาน ชวกรก็รีบวิ่งมายังจุดเกิดเหตุในทันที เมื่อมาเห็นการปั๊มหัวใจที่ดูจะอ่อนแรงลงไปทุกทีของปัถยาแล้ว เขาจึงไม่รอช้ารีบเข้ามารับไม้ต่อจากหญิงสาวในทันที เพราะเขาพอมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง เนื่องจากทางบริษัทจัดอบรมหลักสูตรการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่พนักงานเป็นประจำทุกปี เขาจึงช่วยปัถยาได้อีกแรง 
 
         ปัถยาและชวกรสลับกันปั๊มหัวใจให้กับคนป่วยอยู่นานหลายนาที จนในที่สุดชีพจรของคนงานสูงวัยก็กลับมาเต้นอีกครั้งพร้อมกับสติที่เริ่มกลับคืนมา ซึ่งสร้างความยินดีให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ลงมือปั๊มหัวใจทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างลืมตัวเผลอกระโดดกอดกันด้วยความดีใจ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอะไรเป็นอะไรก็รีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ราวกับอีกฝ่ายเป็นของร้อน และจังหวะนั้นรถพยาบาลฉุกเฉินก็มาถึงพอดี หลังนำตัวผู้ป่วยขึ้นรถเรียบร้อย ไทยมุงทั้งหลายก็แยกย้ายกลับไปทำงานตามเดิม 
 
          
 
         ทันทีที่เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบสอง ปัถยาไม่รอช้ารีบเก็บสัมภาระส่วนตัวลงกระเป๋าและออกจากออฟฟิศไปโดยไม่ได้ร่ำลาใครเลย ด้านชวกรเมื่อเห็นอาการรีบร้อนของหญิงสาวก็คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากคิดว่าเธอรีบไปหาคนรัก ที่ควรจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันหยุดมากกว่าจะมาทำงานอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
 
         ลับร่างของหญิงสาว โฟร์แมนหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับเธออีก เขาขึ้นไปนั่งสรุปผลงานประจำวันบนออฟฟิศอยู่พักใหญ่ จวบจนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเขาก็เก็บข้าวของและออกจากออฟฟิศไปตอนเกือบหกโมงเย็น
 
         
 
         มือหนาที่กำลังจะหมุนลูกบิดพลันชะงักค้าง เมื่อมองผ่านช่องกระจกใสของบานประตูเข้าไปในห้องแล้วพบว่าในนั้นไม่ได้มีเพียงแค่คนป่วยและภรรยา แต่ยังมีหญิงสาวอีกคนที่เขาคาดไม่ถึงว่าจะเจอเธอที่นี่ เขายืนมองภาพในห้องผู้ป่วยอยู่เงียบๆ แล้วรอยยิ้มน้อยๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าคมสัน เมื่อเห็นคนร่างเล็กกุลีกุจอเข้าไปไปช่วยพยุงคนป่วยให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แถมยังปรับเตียงและรินน้ำให้ดื่มเสร็จสรรพ ซึ่งสิ่งที่หญิงสาวกระทำมันทำให้ใจกระด้างของชวกรไหววูบแปลกๆ 
 
         เสียงประตูที่ถูกผลักเข้ามาเรียกให้ทุกคนในห้องหันไปมองยังผู้มาใหม่เป็นตาเดียว ปัถยาไม่แปลกใจนักที่เจอเขาที่นี่ เพราะเรื่องราวความมีน้ำใจและเป็นห่วงเป็นใยในความเป็นอยู่ของลูกน้องนั้นได้ยินเข้าหูเธออยู่บ่อยๆ เพียงแต่เพิ่งได้เห็นกับตาตัวเองก็วันนี้ 
 
         เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาหยุดที่ข้างเตียงคนป่วย หญิงสาวจึงผุดลุกขึ้นยืนพร้อมเลื่อนเก้าอี้ไปให้เขานั่ง เพราะเธอกำลังจะกลับพอดี แต่เขากลับปฏิเสธ
 
         “คุณนั่งต่อเถอะ” 
 
         “รุ้งจะกลับแล้วน่ะค่ะ เชิญนายช่างตามสบายเลยค่ะ” พูดจบเซฟตีสาวก็กล่าวลาคนป่วยและภรรยา โดยไม่ลืมที่จะบอกกล่าวผู้มาใหม่ด้วย
 
         คล้อยหลังหญิงสาวชวกรก็หันมาถามไถ่อาการคนป่วย ที่ตอนนี้สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวันพอสมควร
 
         “หมอว่ายังไงบ้างลุง”
 
         “ไม่มีอะไรมากหรอกนายช่าง เป็นผลมาจากโรคประจำตัวนั่นแหละ หมอให้นอนดูอาการสักคืนก่อน ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว” 
 
         “เพราะผมใช้งานลุงหนักไปหรือเปล่าเนี่ย” ชวกรพูดแซวทีเล่นทีจริง จนคนบนเตียงอดขำไม่ได้
 
         “ไม่ใช่สักหน่อย พอดีช่วงนี้ลุงมีเรื่องให้เครียดนิดหน่อยน่ะ โรคประจำตัวเลยกำเริบ”
 
         ชวกรพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่ได้เซ้าซี้ต่อว่าเรื่องเครียดที่ว่าคือเรื่องอะไร เขาหันไปถามไถ่คนที่อยู่อีกฟากของเตียงผู้ป่วยแทน “แล้วป้าบัวได้กินข้าวกินปลาบ้างหรือยังครับ”
 
          “ยังเลย แต่นายช่างไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ เซฟตีซื้อข้าวมาไว้ให้ป้าเรียบร้อยแล้ว แถมยังซื้ออะไรมาให้อีกตั้งเยอะแยะ” นางสายบัวว่าพลางบุ้ยใบ้ไปยังโต๊ะหัวเตียง
 
          เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มน้อยๆ ระบายขึ้นบนใบหน้าเฉยเมยของชวกร เมื่อเห็นโต๊ะหัวเตียงนั้นเต็มไปด้วยเสบียงอาหารทั้งของคนป่วยและของคนเฝ้า หากเธอจะปล่อยผ่านและไม่สนใจเรื่องของสองสามีภรรยา ก็คงไม่มีใครว่าอะไรเธอได้ เพราะจะว่าไปแล้วทั้งสองคนก็แค่คนงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น แต่เธอกลับแสดงน้ำใจแถมยังเป็นห่วงเป็นใยสองสามีภรรยา จนเขานึกประหลาดใจ ชวกรสังเกตตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวมองตามท้ายรถพยาบาลด้วยสายตาเป็นกังวลแล้ว แม้เธอจะไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาแต่สายตาของเธอมันฟ้องชัดเจนว่ารู้สึกเช่นไรต่อคนเจ็บ
 
          และเมื่อเห็นว่าคนป่วยควรพักผ่อนได้แล้ว ชวกรจึงขอตัวกลับ พอออกจากห้องคนป่วยได้ร่างสูงก็รีบสาวเท้ายาวๆ ตรงไปยังลิฟต์ ได้แต่หวังว่าอีกคนที่ออกมาก่อนเขาจะยังไม่ไปไหนไกล แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อเขาพบเพียงความว่างเปล่า 
 
          ชวกรเดินทอดท่องไปตามทางเดินของโรงพยาบาล ในใจก็คิดทบทวนอะไรบางอย่าง ทบทวนอย่างใช้เหตุผลมากกว่าทุกครั้ง แต่แล้วความคิดของเขาก็สะดุดลงเมื่อชนเข้ากับร่างหนึ่งตรงทางแยก
 
          “อ้าวคุณ ยังไม่กลับอีกเหรอ” ชายหนุ่มร้องทักขึ้นก่อน 
 
          “กำลังจะกลับแล้วค่ะ พอดีเมื่อกี้เจอเพื่อนสมัยเรียนมหา’ลัย เขามาเยี่ยมญาติ เลยแวะคุยกับเขานิดหน่อยน่ะค่ะ”
 
          ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจก่อนเอ่ยคำถามที่สร้างความแปลกใจให้คนฟังไม่น้อย “แล้วคุณกินข้าวเย็นหรือยัง”
 
          ปัถยาเงยหน้ามองคนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ไม่คิดว่าเขาจะสนใจความเป็นอยู่ของเธอด้วย แม้หลังจากวันที่เขาช่วยให้เธอรอดพ้นจากการถูกรีเจ็กต์ออกจากโครงการ เขาจะพูดจากับเธอดีขึ้น แต่ก็ยังถือว่าคุยด้วยเท่าที่จำเป็นและเป็นเรื่องงานเสียส่วนใหญ่
 
          “ยังไม่กินค่ะ”
 
          “ไปกินข้าวกัน” 
 
         จากที่งงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วปัถยายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เมื่อร่างสูงนั้นก้าวยาวๆ นำออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบจากเธอสักนิด เห็นอย่างนั้นเซฟตีสาวก็รีบเดินตามไปอย่างไม่อิดออด

ดอกไม้ดอกไม้หัวใจดอกไม้ดอกไม้
 
          
 
                                                                                                                                                                    
  
[1] Cardiopulmonary Resuscitation (CPR) คือ การปฐมพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้กลับมาหายใจและการไหลเวียนกลับคืนสู่สภาพเดิม เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจนอย่างถาวร  ซึ่งสามารถทำได้โดยการกดหน้าอกและช่วยหายใจ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่