คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
.
เสริมจากผู้ใช้งานจริงใน คห.ที่ 1 นะครับ
.
ชอบที่ คห.ที่ 1 เขียนว่า... ** เราคิดว่ายี่ห้ออะไรก็มีสิทธิ์ต้องซ่อมเหมือนกัน ** เสริมตรงนี้ว่า...ไม่ว่าจะเลือกใช้แบบหม้อต้มใบใหญ่ใบเดียวจ่ายทั้งบ้าน หรือแยกซื้อเครื่องทำน้ำร้อนแยกเครื่องติดตั้งเฉพาะจุดนั้นๆ หากมันจะเสียก็เสียได้ทุกเบบทุกจุดเช่นกัน ตรงนี้ว่ากันที่เรื่องเสียแล้วใช้การไม่ได้จนกว่าจะซ่อมนะครับ (หมายความว่าหากคิดว่า..ถ้าหม้อต้มเสียจะใช้ไม่ได้ทุกห้อง / หากเลือกแบบเครื่องทำน้ำร้อนแยกเครื่องเวลาเสียคงไม่เสียพร้อมกัน)
.
จำนวนห้องน้ำที่แจ้งมาบวกกับระยะทางที่ท่อจะส่งไปหาตำแหน่งจ่าย, ปริมาณการใช้น้ำที่ควรคิดในขณะใช้พร้อมกัน, การสูญเสียอุณหภูมิกว่าจะไปถึงจุดจ่ายหรืออื่นๆ การใช้หม้อต้มควรจะเริ่มที่ขนาด 100 ลิตรขึ้นไป การทำงานของหม้อต้มจะคล้ายการทำงานของกาต้มน้ำคือใช้ไฟตลอดเวลาแต่ไม่ได้หมายความว่าอัตตราการกินไฟจะน้อยกว่าแบบเครื่องทำน้ำร้อนแยกเดี่ยวแบบฟ้าเหวนะครับ ...กินไฟไม่ต่างกันมาก หลักการทำงานคือ..เมื่อน้ำที่ต้มในหม้อถึงอุณภูมิที่กำหนดมันจะตัดเหมือนกาต้มน้ำกลายเป็นการอุ่นรอการใช้ทันที เมื่ออุณภูมิน้ำในหม้อต้มต่ำลงกว่าที่ตั้งไว้หม้อต้มจะสลับมาต้มน้ำให้ได้อุณภูมิร้อนตามที่ตั้งไว้อีกครั้งหนึ่ง ( ย้ำว่าการทำงานคล้ายกาต้มน้ำร้อนนี่แล )
.
ข้อเด่นของการเลือกใช้แบบหม้อต้มคือในห้องน้ำและจุดต่างๆ เราไม่ต้องไปติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนในห้องนั้นๆ เพราะ จขบ. บางท่านมองว่าเกะกะ แต่บางจุดบางท่านก็มองว่าเป็นจุดด้อยได้เช่นกันคือ ระบบหม้อต้มเราต้องเดินระบบท่อน้ำร้อนจากตำแหน่งของหม้อต้มวิ่งไปหาห้องน้ำนั้นๆ ซึ่งต้องวางแผนให้ดีว่าจุดที่เหมาะสมในการติดตั้งหม้อต้มควรอยู่ตำแหน่งไหนของบ้าน แต่ที่แน่ๆ อย่าเอาหม้อต้มไปวางไว้บนฝ้าเพดานหลังคาบ้าน เพียงด้วยความเชื่อที่ว่ามันจะเพิ่มเเรงดันการทิ้งน้ำจากที่สูงลงต่ำเพราะแรงการจ่ายน้ำเกิดจากเเรงดันปั๊มน้ำไม่เกี่ยวกับระดับความสูงการติดตั้งหม้อต้ม
.
หากคิดในเเง่การจ่ายเงินอย่างเดียวหม้อต้มขนาด 100 ลิตร ประมาณ 10,000.- บาท +- / เครื่องทำน้ำร้อน 6,000 วัตต์ขึ้น ประมาณ 6,000.- บาท ต่อเครื่อง แต่มันมีค่าใช้จ่ายและค่าวัสดุแตกต่างกันเช่นระยะการเดินท่อ อื่นๆ
.
หากตัดทิ้งเรื่องความสวยงาม - เกะกะออกไป หม้อต้มจะเหมาะกับบ้านที่มีอ่างอาบน้ำ, อ่างจากุชชี่มากกว่าบ้านที่มีเพียงระบบน้ำร้อน - น้ำเย็น ใช้กับฝักบัว, อ่างล้างหน้า, เรนชาวเวอร์ เพราะอุณหภูมิของน้ำที่ได้จะสม่ำเสมอกว่า
.
หากมีอ่างอาบน้ำ... การเลือกใช้หม้อต้มต้องเลือกขนาดที่เหมาะสมด้วย เช่น มีอ่างจากุชชี่ที่ใหญ่ขนาด 2 คนลงอาบลงอ่างพร้อมกันได้ (จริงๆ ต้องดูที่จำนวนน้ำที่อ่างนั้นบรรจุได้) หากเราไปใช้หม้อต้มขนาด 100 ลิตร หรือ ต่ำกว่านั้นอ่างอาบน้ำนั้นมีโอกาสที่จะพบปัญหาต้องรอน้ำร้อนจากเครื่องต้มจนกลายเป็นน้ำแทบไม่ร้อนเลยสูงมาก (การคิดพื้นฐานที่เขียนทราบแล้วว่าน้ำจากหม้อต้มต้องไปผสมกับน้ำเย็นอีกส่วนหนึ่ง) ขนาดที่เหมาะสมจึงควรเป็นขนาด 150 ลิตร
.
อีกเรื่องหนึ่งไม่ว่าจะเลือกใช้แบบหม้อต้มหรือแบบเครื่องทำน้ำร้อนเเยกเดี่ยว ต้องเลือกซั้อปั๊มน้ำที่มีเเรงดัน......... ** บาร์ ** ..... สูงกว่าปั๊มน้ำพื้นฐานทั่วไปด้วย หากเลือกใช้ปั๊มน้ำพื้นฐานที่มีแรงดันพื้นฐานแค่ 3, 3.5 บาร์ จากจำนวนห้องน้ำ, อุปกรณ์เครื่องใช้ในห้องน้ำแต่ละจุด เผลอๆ ต่อการใช้งานไปที่ห้องครัวอีก.. เเรงดันบาร์ที่ต่ำไม่สามารถรองรับทั้งระบบได้แน่ๆ
.
.
เสริมจากผู้ใช้งานจริงใน คห.ที่ 1 นะครับ
.
ชอบที่ คห.ที่ 1 เขียนว่า... ** เราคิดว่ายี่ห้ออะไรก็มีสิทธิ์ต้องซ่อมเหมือนกัน ** เสริมตรงนี้ว่า...ไม่ว่าจะเลือกใช้แบบหม้อต้มใบใหญ่ใบเดียวจ่ายทั้งบ้าน หรือแยกซื้อเครื่องทำน้ำร้อนแยกเครื่องติดตั้งเฉพาะจุดนั้นๆ หากมันจะเสียก็เสียได้ทุกเบบทุกจุดเช่นกัน ตรงนี้ว่ากันที่เรื่องเสียแล้วใช้การไม่ได้จนกว่าจะซ่อมนะครับ (หมายความว่าหากคิดว่า..ถ้าหม้อต้มเสียจะใช้ไม่ได้ทุกห้อง / หากเลือกแบบเครื่องทำน้ำร้อนแยกเครื่องเวลาเสียคงไม่เสียพร้อมกัน)
.
จำนวนห้องน้ำที่แจ้งมาบวกกับระยะทางที่ท่อจะส่งไปหาตำแหน่งจ่าย, ปริมาณการใช้น้ำที่ควรคิดในขณะใช้พร้อมกัน, การสูญเสียอุณหภูมิกว่าจะไปถึงจุดจ่ายหรืออื่นๆ การใช้หม้อต้มควรจะเริ่มที่ขนาด 100 ลิตรขึ้นไป การทำงานของหม้อต้มจะคล้ายการทำงานของกาต้มน้ำคือใช้ไฟตลอดเวลาแต่ไม่ได้หมายความว่าอัตตราการกินไฟจะน้อยกว่าแบบเครื่องทำน้ำร้อนแยกเดี่ยวแบบฟ้าเหวนะครับ ...กินไฟไม่ต่างกันมาก หลักการทำงานคือ..เมื่อน้ำที่ต้มในหม้อถึงอุณภูมิที่กำหนดมันจะตัดเหมือนกาต้มน้ำกลายเป็นการอุ่นรอการใช้ทันที เมื่ออุณภูมิน้ำในหม้อต้มต่ำลงกว่าที่ตั้งไว้หม้อต้มจะสลับมาต้มน้ำให้ได้อุณภูมิร้อนตามที่ตั้งไว้อีกครั้งหนึ่ง ( ย้ำว่าการทำงานคล้ายกาต้มน้ำร้อนนี่แล )
.
ข้อเด่นของการเลือกใช้แบบหม้อต้มคือในห้องน้ำและจุดต่างๆ เราไม่ต้องไปติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนในห้องนั้นๆ เพราะ จขบ. บางท่านมองว่าเกะกะ แต่บางจุดบางท่านก็มองว่าเป็นจุดด้อยได้เช่นกันคือ ระบบหม้อต้มเราต้องเดินระบบท่อน้ำร้อนจากตำแหน่งของหม้อต้มวิ่งไปหาห้องน้ำนั้นๆ ซึ่งต้องวางแผนให้ดีว่าจุดที่เหมาะสมในการติดตั้งหม้อต้มควรอยู่ตำแหน่งไหนของบ้าน แต่ที่แน่ๆ อย่าเอาหม้อต้มไปวางไว้บนฝ้าเพดานหลังคาบ้าน เพียงด้วยความเชื่อที่ว่ามันจะเพิ่มเเรงดันการทิ้งน้ำจากที่สูงลงต่ำเพราะแรงการจ่ายน้ำเกิดจากเเรงดันปั๊มน้ำไม่เกี่ยวกับระดับความสูงการติดตั้งหม้อต้ม
.
หากคิดในเเง่การจ่ายเงินอย่างเดียวหม้อต้มขนาด 100 ลิตร ประมาณ 10,000.- บาท +- / เครื่องทำน้ำร้อน 6,000 วัตต์ขึ้น ประมาณ 6,000.- บาท ต่อเครื่อง แต่มันมีค่าใช้จ่ายและค่าวัสดุแตกต่างกันเช่นระยะการเดินท่อ อื่นๆ
.
หากตัดทิ้งเรื่องความสวยงาม - เกะกะออกไป หม้อต้มจะเหมาะกับบ้านที่มีอ่างอาบน้ำ, อ่างจากุชชี่มากกว่าบ้านที่มีเพียงระบบน้ำร้อน - น้ำเย็น ใช้กับฝักบัว, อ่างล้างหน้า, เรนชาวเวอร์ เพราะอุณหภูมิของน้ำที่ได้จะสม่ำเสมอกว่า
.
หากมีอ่างอาบน้ำ... การเลือกใช้หม้อต้มต้องเลือกขนาดที่เหมาะสมด้วย เช่น มีอ่างจากุชชี่ที่ใหญ่ขนาด 2 คนลงอาบลงอ่างพร้อมกันได้ (จริงๆ ต้องดูที่จำนวนน้ำที่อ่างนั้นบรรจุได้) หากเราไปใช้หม้อต้มขนาด 100 ลิตร หรือ ต่ำกว่านั้นอ่างอาบน้ำนั้นมีโอกาสที่จะพบปัญหาต้องรอน้ำร้อนจากเครื่องต้มจนกลายเป็นน้ำแทบไม่ร้อนเลยสูงมาก (การคิดพื้นฐานที่เขียนทราบแล้วว่าน้ำจากหม้อต้มต้องไปผสมกับน้ำเย็นอีกส่วนหนึ่ง) ขนาดที่เหมาะสมจึงควรเป็นขนาด 150 ลิตร
.
อีกเรื่องหนึ่งไม่ว่าจะเลือกใช้แบบหม้อต้มหรือแบบเครื่องทำน้ำร้อนเเยกเดี่ยว ต้องเลือกซั้อปั๊มน้ำที่มีเเรงดัน......... ** บาร์ ** ..... สูงกว่าปั๊มน้ำพื้นฐานทั่วไปด้วย หากเลือกใช้ปั๊มน้ำพื้นฐานที่มีแรงดันพื้นฐานแค่ 3, 3.5 บาร์ จากจำนวนห้องน้ำ, อุปกรณ์เครื่องใช้ในห้องน้ำแต่ละจุด เผลอๆ ต่อการใช้งานไปที่ห้องครัวอีก.. เเรงดันบาร์ที่ต่ำไม่สามารถรองรับทั้งระบบได้แน่ๆ
.
.
แสดงความคิดเห็น
เครื่องทําน้ำร้อนแบบหม้อต้มสำหรับบ้าน 1 หลัง ใช้รวมทั้งบ้าน หรือใช้แยกในแต่ละห้องน้ำดีครับ
หรือควรใช้หม้อใบเล็กแยก ทั้งหมด 3 ห้องดีครับ
แล้วควรใช้ยี่ห้ออะไรดีครับ กี่ลิตรครับ แนะนำหน่อย ขอบคุณครับ