วิจัยกรุงศรีปรับลด GDP เหลือ 2.0% หลังโควิดระบาดรอบ 3 ทำไทยทรุด
https://www.thairath.co.th/business/feature/2095132
วิจัยกรุงศรีปรับลด GDP ไทยปีนี้ เหลือขยายตัว 2.0% จากเดิม 2.2% ผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 รุนแรงกว่าคาด พร้อมจำลองสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ คาดจะต่ำกว่าหลัก 100 ราย ช่วงเดือน ส.ค. 64
วิจัยกรุงศรี มีความเห็นต่อเศรษฐกิจไทยว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรกของปี 2564 หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ที่ -2.6% YoY คาดทั้งปีขยายตัว 2.0% GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ -4.2% ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และหดตัวน้อยกว่าที่วิจัยกรุงศรี และผลสำรวจ Bloomberg คาดไว้ที่ -3.3% และ -3.6% ตามลำดับ โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายรัฐบาล และการเติบโตเร่งขึ้นของการลงทุนภาครัฐ
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนกลับมาหดตัวอีกครั้ง ผลกระทบจากการระบาดระลอกที่สองในช่วงปลายปี 2563 บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับตลาดแรงงานยังคงมีความเปราะบาง ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกจากมาตรการเยียวยาของรัฐช่วยพยุงการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนมิให้ทรุดแรง
ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เป็นขยายตัว 2.0% จาก 2.2% ผลกระทบจากการระบาดระลอกสามมีแนวโน้มรุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน โดยจากแบบจำลองสถานการณ์การระบาดล่าสุด (ข้อมูลถึงวันที่ 17 พ.ค. 64) คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันกว่าจะปรับลดลงมาต่ำกว่า 100 ราย อาจเป็นในช่วงเดือน ส.ค. ช้าลงจากเดิมเคยคาดไว้ต้นเดือนก.ค. ดังนั้นกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคเอกชนอาจถูกจำกัดมากขึ้น รวมถึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทยในปีนี้มีแนวโน้มลดลงเหลือเพียง 3.3 แสนคน
อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่หดตัวน้อยกว่าคาด การขยายตัวของภาคส่งออกในปี 2564 มีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศแกนหลัก และหนุนให้การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ปัจจัยบวกเหล่านี้จะช่วยลดแรงกระทบจากผลเชิงลบที่เพิ่มขึ้นในการคาดการณ์ล่าสุด ทางด้านสภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2564 เป็น 1.5- 2.5% จากเดิมคาด 2.5-3.5%
ทางการปรับเป้าหมายการจัดหาและการฉีดวัคซีน ขณะที่วิจัยกรุงศรีประเมินสถานการณ์การระบาดเลวร้ายกว่าเดิม การประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ (วันที่ 12 พ.ค.) มีมติในประเด็นสำคัญดังนี้
- ปรับเพิ่มจำนวนการจัดหาวัคซีนเป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 (จากเดิม 100 ล้านโดส ในปี 2564)
- ปรับแนวทางการฉีดวัคซีนเป็นการปูพรมฉีดเข็มแรกแก่ประชาชนให้มากที่สุด (จากแผนฉีดให้ครบคนละ 2 โดส จำนวน 50 ล้านคน)
- เร่งการเจรจาจัดหาวัคซีนให้ได้จำนวนมากที่สุดและหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดและความรุนแรงของโรค
จากการพบการระบาดเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล วิจัยกรุงศรีได้ทบทวนประมาณการแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันอีกครั้ง โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึง ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 จำแนกเป็น 3 กรณีด้วยกัน คือ
กรณีแรก หากสามารถคุมการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ได้ (เส้นสีเหลือง) จำนวนสูงสุดของผู้ติดเชื้อใหม่จะยังอยู่ในเดือนพฤษภาคม (เช่นเดียวกับคาดการณ์เดิม) แต่กว่าจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 100 รายต่อวันล่าช้าขึ้นเป็นปลายเดือนกรกฎาคม (จากเดิมต้นเดือนกรกฎาคม)
กรณีที่สอง หากไม่สามารถคุมการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ได้ (เส้นสีส้ม) จำนวนสูงสุดของผู้ติดเชื้อจะอยู่ราวปลายเดือนพฤษภาคม และจะใช้เวลามากขึ้นกว่าจะปรับลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 100 รายต่อวัน เป็นในปลายเดือนสิงหาคม
กรณีเลวร้ายสุด หากมีการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องในเขตกรุงเทพฯ (เส้นสีแดง) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า และอาจทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมสูงขึ้นแตะระดับ 3 แสนกว่ารายในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดความเป็นไปได้ของสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อจะอยู่ในช่วงระหว่างกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 (อยู่ระหว่างเส้นสีเหลืองและสีส้ม).
สุดงง! จองฉีดวัคซีน “หมอพร้อม” ถูก รพ.ดีดชื่อออกจากระบบ อ้างเป็นนโยบาย
https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/147713
สุดงง! จองฉีดวัคซีน “หมอพร้อม” ถูก รพ.ดีดชื่อออกจากระบบ อ้างเป็นนโยบาย
ภายหลังที่รัฐบาลเปิดให้กลุ่มเสี่ยง และผู้สูงอายุ ลงทะเบียนจองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าสุดพบปัญหา หลายคนลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลไปแล้ว แต่ชื่อถูกถอดออกจากระบบการจองในวันถัดมา และบางส่วนถูกเลื่อนวันรับวัคซีนออกไป
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงวัยกลางคน เปิดเผยว่า ตนลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด-19 ผ่านแอปพลิเคชัน หมอพร้อม โดยลงทะเบียนพร้อมกัน 4 คน คือพ่อและแม่ อายุ 80 ปีขึ้นไป ลูกอีก 1 คน อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพราะน้ำหนักตัวเกิน จึงตัดสินใจเลือกฉีดวัคซีนวันที่ 8 มิถุนายนที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ย่านศรีนครินทร์ เพราะเห็นประกาศในเฟซบุ๊กของโรงพยาบาล ซึ่งตนและครอบครัวอยู่ในเกณฑ์ที่ โรงพยาบาลกำหนดไว้ทั้งหมด จึงเลือกโรงพยาบาลนี้ ระบบแจ้งว่าลงทะเบียนสำเร็จและยืนยันการนัดหมายในวันดังกล่าว
แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันได้เข้าไปเช็กข้อมูลอีกครั้งแต่ข้อมูลระบุว่าไม่ได้จอง จึงโทรศัพท์สอบถามโรงพยาบาลได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่า หากไม่เคยมีประวัติการรักษากับทางโรงพยาบาลไม่สามารถจองฉีดวัคซีนได้ รายชื่อจะถูกตัดออกจากระบบทันที ซึ่งเป็นนโยบายของโรงพยาบาล
“เขาก็ปฏิเสธทุกอย่าง เขาบอกว่าเป็นนโยบายของโรงพยาบาล เลยถามไปว่าเงื่อนไขของโรงพยาบาลหมายถึงอะไร เขาบอกว่าเงื่อนไขคือจะต้องมีการเปิดประวัติกับโรงพยาบาลหรือคนไข้ถึงจะให้สิทธิ์ จะถามว่ากระทรวงสาธารณสุขยอมรับเงื่อนไขนี้เหรอ ถ้าคุณจะมีเงื่อนไขนี้คุณก็ควรจะมีข้อยกเว้นตั้งแต่คนที่เลือกลงทะเบียน เลือกโรงพยาบาลคุณว่ารับเฉพาะคนไข้ของโรงพยาบาล แต่ถ้าไม่เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลคนอื่นที่อ่านคร่าว ๆ ก็คือต้องไปเป็นคนไข้โรงพยาบาลก่อนแล้วถึงจะได้สิทธิ์เลื่อนไปฉีดโดยการลงใหม่รอบหน้า ก็เลยบอกเขาว่าอันนี้ทำธุรกิจเลิงพาณิชย์แบบนี้ไม่ถูก” หญิงวัยกลางคน กล่าว
ทีมข่าวจึงโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวแต่เจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่าผู้บริหารไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ทุกกรณี และเมื่อรายชื่อถูกตัดออกระบบการจองวัคซีนของโรงพยาบาลดังกล่าว หญิงคนดังกล่าวจึงตัดสินใจเลือกลงทะเบียนใหม่อีกครั้งและเปลี่ยนโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ระบบยืนยันการจองเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีชายวัย 43 ปี จ.ขอนแก่น เป็นกลุ่มเสี่ยงมีภาวะโรคอ้วน ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม พร้อมกับคุณแม่วัย 60 ปี ในวันที่ 8 มิถุนายน แต่ข้อมูลถูกเปลี่ยนเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม จึงได้สอบถามข้อมูลกับ อสม.หมู่บ้าน และได้รับแจ้งว่าเหตุที่ต้องเปลี่ยนวันฉีดวัคซีน เพราะหมอแจ้งว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับล็อตของวัคซีนในแต่ละรอบ และพบว่าหลายคนถูกเปลี่ยนวันฉีดวัคซีนเช่นกัน
ชายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า รู้สึกมึนงงกับระบบหมอพร้อม แต่ระบบควรมีความพร้อมมากกว่านี้ ไม่ควรเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเพราะจะทำให้เกิดความสับสนได้ และทำให้ความเชื่อมั่นที่มีต่อประชาชนลดลง
“ใช่ ก็งงแหละครับ บอกให้เราฉีดเราพร้อมฉีดนะ วัคซีนอะไรก็มาเถอะ มันทำให้ภูมิต้านทานมันเพิ่มขึ้นทำให้ชีวิตเราเป็นปกติได้ แต่ขอให้ระบบดีแล้วก็คุณไปคุยกันก่อนได้ไหมให้มันเรียบร้อยแล้วก็ประกาศให้เราฉีดแล้วก็ให้เราลงทะเบียนเพื่อให้มันไม่วุ่นวายนัก” ชายวัย 43 ปี กล่าว
ล่าสุด นพ.
โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 ยอมรับว่าระบบหมอพร้อมมีจุดอ่อน เนื่องจากระบบให้ผู้ลงทะเบียนเปลี่ยนวันจองได้ และให้สิทธิ์โรงพยาบาลเลื่อนวันจองได้เหมือนกัน เลยอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ต่อจากนี้ไปจึงจะมีการแก้ไข โดยการล็อคระบบไม่ให้มีการเปลี่ยนวันจองได้ ส่วนการที่โรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง เข้าใจผิดว่า ให้ฉีดวัคซีนเฉพาะคนไข้ของโรงพยาบาลเท่านั้น เกิดจากควาามผิดพลาดทางการสื่อสาร
นพ.
โสภณระบุว่า ได้ทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ แล้ว และจะมีการดึงรายชื่อประชาชนที่ทำการจองวัคซีนกลับเข้ามาในระบบ สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมเรียบร้อยแล้ว โรงพยาบาลจะส่ง SMS แจ้งกลับไป
ครม. ผ่านพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน ใช้เยียวยา-กระตุ้นเศรษฐกิจ ประชุมเสร็จเก็บเอกสารกลับเรียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2730403
ครม. ผ่านพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน ใช้เยียวยา-กระตุ้นเศรษฐกิจ ประชุมเสร็จเก็บเอกสารกลับเรียบ
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า จากกรณีที่น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แสดงความเห็นและขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กระทรวงการคลังเตรียมขออนุมัติ พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินเพิ่มเติมจากวงเงินกู้เดิมตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ที่ได้มีการอนุมัติงบประมาณไปเกือบเต็มวงเงินแล้ว
ปรากฏว่าในการประชุมครม.วันที่ 18 พฤษภาคม กระทรวงการคลัง ได้เสนอครม.ขออนุมัติ พ.ร.ก.เงินกู้ เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินเพิ่มจากวงเงินกู้เดิม จำนวน 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเสนอเข้าเป็นวาระลับที่สุด (เอกสารริมแดง) และเมื่อที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบ ได้เก็บเอกสารกลับทันที ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ ทางกระทรวงคลังจะชี้แจงต่อไป
JJNY : 4in1 กรุงศรีปรับลดGDPเหลือ2.0%│จองฉีดวัคซีน ถูกดีดชื่อออก│ครม.ผ่านพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม7แสนล.│ไบเดนเปิดรายได้-ภาษี
https://www.thairath.co.th/business/feature/2095132
วิจัยกรุงศรีปรับลด GDP ไทยปีนี้ เหลือขยายตัว 2.0% จากเดิม 2.2% ผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 รุนแรงกว่าคาด พร้อมจำลองสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ คาดจะต่ำกว่าหลัก 100 ราย ช่วงเดือน ส.ค. 64
วิจัยกรุงศรี มีความเห็นต่อเศรษฐกิจไทยว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรกของปี 2564 หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ที่ -2.6% YoY คาดทั้งปีขยายตัว 2.0% GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ -4.2% ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และหดตัวน้อยกว่าที่วิจัยกรุงศรี และผลสำรวจ Bloomberg คาดไว้ที่ -3.3% และ -3.6% ตามลำดับ โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายรัฐบาล และการเติบโตเร่งขึ้นของการลงทุนภาครัฐ
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนกลับมาหดตัวอีกครั้ง ผลกระทบจากการระบาดระลอกที่สองในช่วงปลายปี 2563 บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับตลาดแรงงานยังคงมีความเปราะบาง ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกจากมาตรการเยียวยาของรัฐช่วยพยุงการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนมิให้ทรุดแรง
ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เป็นขยายตัว 2.0% จาก 2.2% ผลกระทบจากการระบาดระลอกสามมีแนวโน้มรุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน โดยจากแบบจำลองสถานการณ์การระบาดล่าสุด (ข้อมูลถึงวันที่ 17 พ.ค. 64) คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันกว่าจะปรับลดลงมาต่ำกว่า 100 ราย อาจเป็นในช่วงเดือน ส.ค. ช้าลงจากเดิมเคยคาดไว้ต้นเดือนก.ค. ดังนั้นกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคเอกชนอาจถูกจำกัดมากขึ้น รวมถึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทยในปีนี้มีแนวโน้มลดลงเหลือเพียง 3.3 แสนคน
อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่หดตัวน้อยกว่าคาด การขยายตัวของภาคส่งออกในปี 2564 มีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศแกนหลัก และหนุนให้การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ปัจจัยบวกเหล่านี้จะช่วยลดแรงกระทบจากผลเชิงลบที่เพิ่มขึ้นในการคาดการณ์ล่าสุด ทางด้านสภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2564 เป็น 1.5- 2.5% จากเดิมคาด 2.5-3.5%
ทางการปรับเป้าหมายการจัดหาและการฉีดวัคซีน ขณะที่วิจัยกรุงศรีประเมินสถานการณ์การระบาดเลวร้ายกว่าเดิม การประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ (วันที่ 12 พ.ค.) มีมติในประเด็นสำคัญดังนี้
- ปรับเพิ่มจำนวนการจัดหาวัคซีนเป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 (จากเดิม 100 ล้านโดส ในปี 2564)
- ปรับแนวทางการฉีดวัคซีนเป็นการปูพรมฉีดเข็มแรกแก่ประชาชนให้มากที่สุด (จากแผนฉีดให้ครบคนละ 2 โดส จำนวน 50 ล้านคน)
- เร่งการเจรจาจัดหาวัคซีนให้ได้จำนวนมากที่สุดและหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดและความรุนแรงของโรค
จากการพบการระบาดเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล วิจัยกรุงศรีได้ทบทวนประมาณการแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันอีกครั้ง โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึง ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 จำแนกเป็น 3 กรณีด้วยกัน คือ
กรณีแรก หากสามารถคุมการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ได้ (เส้นสีเหลือง) จำนวนสูงสุดของผู้ติดเชื้อใหม่จะยังอยู่ในเดือนพฤษภาคม (เช่นเดียวกับคาดการณ์เดิม) แต่กว่าจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 100 รายต่อวันล่าช้าขึ้นเป็นปลายเดือนกรกฎาคม (จากเดิมต้นเดือนกรกฎาคม)
กรณีที่สอง หากไม่สามารถคุมการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ได้ (เส้นสีส้ม) จำนวนสูงสุดของผู้ติดเชื้อจะอยู่ราวปลายเดือนพฤษภาคม และจะใช้เวลามากขึ้นกว่าจะปรับลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 100 รายต่อวัน เป็นในปลายเดือนสิงหาคม
กรณีเลวร้ายสุด หากมีการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องในเขตกรุงเทพฯ (เส้นสีแดง) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า และอาจทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมสูงขึ้นแตะระดับ 3 แสนกว่ารายในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดความเป็นไปได้ของสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อจะอยู่ในช่วงระหว่างกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 (อยู่ระหว่างเส้นสีเหลืองและสีส้ม).
สุดงง! จองฉีดวัคซีน “หมอพร้อม” ถูก รพ.ดีดชื่อออกจากระบบ อ้างเป็นนโยบาย
https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/147713
สุดงง! จองฉีดวัคซีน “หมอพร้อม” ถูก รพ.ดีดชื่อออกจากระบบ อ้างเป็นนโยบาย
ภายหลังที่รัฐบาลเปิดให้กลุ่มเสี่ยง และผู้สูงอายุ ลงทะเบียนจองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าสุดพบปัญหา หลายคนลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลไปแล้ว แต่ชื่อถูกถอดออกจากระบบการจองในวันถัดมา และบางส่วนถูกเลื่อนวันรับวัคซีนออกไป
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงวัยกลางคน เปิดเผยว่า ตนลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด-19 ผ่านแอปพลิเคชัน หมอพร้อม โดยลงทะเบียนพร้อมกัน 4 คน คือพ่อและแม่ อายุ 80 ปีขึ้นไป ลูกอีก 1 คน อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพราะน้ำหนักตัวเกิน จึงตัดสินใจเลือกฉีดวัคซีนวันที่ 8 มิถุนายนที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ย่านศรีนครินทร์ เพราะเห็นประกาศในเฟซบุ๊กของโรงพยาบาล ซึ่งตนและครอบครัวอยู่ในเกณฑ์ที่ โรงพยาบาลกำหนดไว้ทั้งหมด จึงเลือกโรงพยาบาลนี้ ระบบแจ้งว่าลงทะเบียนสำเร็จและยืนยันการนัดหมายในวันดังกล่าว
แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันได้เข้าไปเช็กข้อมูลอีกครั้งแต่ข้อมูลระบุว่าไม่ได้จอง จึงโทรศัพท์สอบถามโรงพยาบาลได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่า หากไม่เคยมีประวัติการรักษากับทางโรงพยาบาลไม่สามารถจองฉีดวัคซีนได้ รายชื่อจะถูกตัดออกจากระบบทันที ซึ่งเป็นนโยบายของโรงพยาบาล
“เขาก็ปฏิเสธทุกอย่าง เขาบอกว่าเป็นนโยบายของโรงพยาบาล เลยถามไปว่าเงื่อนไขของโรงพยาบาลหมายถึงอะไร เขาบอกว่าเงื่อนไขคือจะต้องมีการเปิดประวัติกับโรงพยาบาลหรือคนไข้ถึงจะให้สิทธิ์ จะถามว่ากระทรวงสาธารณสุขยอมรับเงื่อนไขนี้เหรอ ถ้าคุณจะมีเงื่อนไขนี้คุณก็ควรจะมีข้อยกเว้นตั้งแต่คนที่เลือกลงทะเบียน เลือกโรงพยาบาลคุณว่ารับเฉพาะคนไข้ของโรงพยาบาล แต่ถ้าไม่เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลคนอื่นที่อ่านคร่าว ๆ ก็คือต้องไปเป็นคนไข้โรงพยาบาลก่อนแล้วถึงจะได้สิทธิ์เลื่อนไปฉีดโดยการลงใหม่รอบหน้า ก็เลยบอกเขาว่าอันนี้ทำธุรกิจเลิงพาณิชย์แบบนี้ไม่ถูก” หญิงวัยกลางคน กล่าว
ทีมข่าวจึงโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวแต่เจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่าผู้บริหารไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ทุกกรณี และเมื่อรายชื่อถูกตัดออกระบบการจองวัคซีนของโรงพยาบาลดังกล่าว หญิงคนดังกล่าวจึงตัดสินใจเลือกลงทะเบียนใหม่อีกครั้งและเปลี่ยนโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ระบบยืนยันการจองเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีชายวัย 43 ปี จ.ขอนแก่น เป็นกลุ่มเสี่ยงมีภาวะโรคอ้วน ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม พร้อมกับคุณแม่วัย 60 ปี ในวันที่ 8 มิถุนายน แต่ข้อมูลถูกเปลี่ยนเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม จึงได้สอบถามข้อมูลกับ อสม.หมู่บ้าน และได้รับแจ้งว่าเหตุที่ต้องเปลี่ยนวันฉีดวัคซีน เพราะหมอแจ้งว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับล็อตของวัคซีนในแต่ละรอบ และพบว่าหลายคนถูกเปลี่ยนวันฉีดวัคซีนเช่นกัน
ชายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า รู้สึกมึนงงกับระบบหมอพร้อม แต่ระบบควรมีความพร้อมมากกว่านี้ ไม่ควรเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเพราะจะทำให้เกิดความสับสนได้ และทำให้ความเชื่อมั่นที่มีต่อประชาชนลดลง
“ใช่ ก็งงแหละครับ บอกให้เราฉีดเราพร้อมฉีดนะ วัคซีนอะไรก็มาเถอะ มันทำให้ภูมิต้านทานมันเพิ่มขึ้นทำให้ชีวิตเราเป็นปกติได้ แต่ขอให้ระบบดีแล้วก็คุณไปคุยกันก่อนได้ไหมให้มันเรียบร้อยแล้วก็ประกาศให้เราฉีดแล้วก็ให้เราลงทะเบียนเพื่อให้มันไม่วุ่นวายนัก” ชายวัย 43 ปี กล่าว
ล่าสุด นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 ยอมรับว่าระบบหมอพร้อมมีจุดอ่อน เนื่องจากระบบให้ผู้ลงทะเบียนเปลี่ยนวันจองได้ และให้สิทธิ์โรงพยาบาลเลื่อนวันจองได้เหมือนกัน เลยอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ต่อจากนี้ไปจึงจะมีการแก้ไข โดยการล็อคระบบไม่ให้มีการเปลี่ยนวันจองได้ ส่วนการที่โรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง เข้าใจผิดว่า ให้ฉีดวัคซีนเฉพาะคนไข้ของโรงพยาบาลเท่านั้น เกิดจากควาามผิดพลาดทางการสื่อสาร
นพ.โสภณระบุว่า ได้ทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ แล้ว และจะมีการดึงรายชื่อประชาชนที่ทำการจองวัคซีนกลับเข้ามาในระบบ สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมเรียบร้อยแล้ว โรงพยาบาลจะส่ง SMS แจ้งกลับไป
ครม. ผ่านพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน ใช้เยียวยา-กระตุ้นเศรษฐกิจ ประชุมเสร็จเก็บเอกสารกลับเรียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2730403
ครม. ผ่านพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน ใช้เยียวยา-กระตุ้นเศรษฐกิจ ประชุมเสร็จเก็บเอกสารกลับเรียบ
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า จากกรณีที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แสดงความเห็นและขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กระทรวงการคลังเตรียมขออนุมัติ พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินเพิ่มเติมจากวงเงินกู้เดิมตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ที่ได้มีการอนุมัติงบประมาณไปเกือบเต็มวงเงินแล้ว
ปรากฏว่าในการประชุมครม.วันที่ 18 พฤษภาคม กระทรวงการคลัง ได้เสนอครม.ขออนุมัติ พ.ร.ก.เงินกู้ เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินเพิ่มจากวงเงินกู้เดิม จำนวน 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเสนอเข้าเป็นวาระลับที่สุด (เอกสารริมแดง) และเมื่อที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบ ได้เก็บเอกสารกลับทันที ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ ทางกระทรวงคลังจะชี้แจงต่อไป