‘เทศบาลอาจสามารถ’ ฝีมือทีมก้าวหน้า โชว์เปิดตัวเว็บใหม่ ดูตำแหน่งรถขยะเรียลไทม์
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2950915
โชว์เหนือ ‘เทศบาลอาจสามารถ’ ฝีมือทีมก้าวหน้า เปิดตัวเว็บใหม่-ติดGPS รถเก็บขยะ
เมื่อวันที่ 21 กันยายน นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เล่าเกี่ยวกับการพัฒนาของเทศบาลตำบลอาจสามารถ ภายในเวลา 4 เดือน หลังมีการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ และทีมของคณะก้าวหน้าชนะเลือกตั้งที่เขตนี้ โดย ระบุว่า
เมื่อ”ก้าวหน้า” ชนะการเลือกตั้งฝ่ายบริหาร (นายกฯเทศบาล) สิ่งดี ๆ เหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นที่อาจสามารถ นอกเหนือจากเว็บใหม่หน้าตาสวยงามแล้ว ยังมีระบบให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบบริการต่าง ๆ ของภาครัฐได้ ทั้งแผนที่ GPS รถเก็บขยะ แผนที่แสดงจุดไฟส่องสว่างว่าดับที่จุดไหน ตลอดจนแผนที่แสดงโครงการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณได้ว่า กำลังเอาไปลงกับโครงการอะไรอยู่บ้าง ฯลฯ ถ้าอยากให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นกับชาว กทม., ต้องกา “ก้าวไกล” ทั้งผู้ว่าฯ และ ส.ก. ในการเลือกตั้ง กทม. ที่จะถึงนี้ (ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ) นะครับ!
เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่:
https://tessabanatsamat.go.th/
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว เมื่อคลิกเข้าไปจะพบรูปแบบการจัดวางเว็บไซต์ในสไตล์สมัยใหม่ ดูสบายตา และใช้งานง่ายมากขึ้น หน้าหลัก จะให้ความสำคัญกับ บริการต่างๆ เช่นการ จ่ายค่าน้ำประปา การจัดเก็บขยะ ขอใบอนุญาต และ ร้องทุกข์ ร้องเรียน
โดยนโยบายของนายกเทศมนตรี ระบุไว้หลักๆเช่น น้ำประปาดื่มได้ – เปิดศูนย์สายด่วน รับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง – ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV
เมื่อเลื่อนลงไป จะมี ระบบติดตามคุณภาพการให้บริการสาธารณะ เช่นการเก็บขยะ โดยจะมีจีพีเอสติดตามรถขยะ มีน้ำประปาที่จะแสดงแผนที่การให้บริการน้ำประปา มีจุดดู CCTV ที่จะแสดงตำแหน่งกล้อง และสามารถดูแสงสว่างแสดงจุดไฟส่องสว่างว่าดับที่จุดไหน
นอกจากนี้ยังมี แผนและรายงานการจัดซื้อจัดจ้างฉบับล่าสุดเดือนมีนาคม 2564 ประกาศราคากลาง/ผู้ชนะการเสนอราคา อัพเดทล่าสุด 8 กันยายน 2564 ทั้งยังมีเบอร์โทรศัพท์ ให้ติดต่อ แจ้งเหตุด่วนได้อีกด้วย ส่วนการร้องเรียนมีช่องทางให้แอดไลน์อีกด้วย
โดยหลายบริการกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เช่นระบบลงทะเบียนต่างๆ จ่ายค่าน้ำประปา ขยะ ลงทะเบียนเบี้ยงยังชีพ เบี้ยผู้สูงอายุ การขออนุญาตก่อสร้าง สถานประกอบการต่างๆ
https://www.facebook.com/natthaphong.ruengpanyawut/posts/1417033782016628
พี่ชายร้องสื่อ น้องสาวเสียชีวิต หลังฉีดวัคซีนไขว้เข็มที่ 2
https://ch3plus.com/news/program/258544
นครสวรรค์-ญาติผู้เสียชีวิต เข้าร้องเรียนสื่อมวลชน หลังนางสาวสุนิสา วันชาติ อายุ 37 ปี เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนแบบไขว้ ในเข็มที่ 2 (ซีโนแวค+แอสตราเซเนกา)
นาย
สันทัด วันชาติ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิต เผยว่า น้องสาวของตนเอง ฉีดวัคซีนเข็มแรกซิโนแวค เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ณ หน่วยบริการวัคซีน โรงพยาบาลบางปะกอก 3 พระประแดง ซึ่งอาการก็ปกติทุกอย่าง
และเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา มีนัดฉีดวัคซีนหน่วยเดิม โดยเข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกา ซึ่งระหว่างการพักดูอาการ 30 นาทีนั้น ก็ไม่มีเหตุผิดปกติอะไรเลย จึงเดินทางกลับบ้านพักในสมุทรปราการ
ซึ่งเพียงไม่นาน น้องสาวก็ได้โทรมาหาตนเอง บอกว่าแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก จึงต้องประสานญาติและคนรู้จักที่อยู่พื้นที่อยู่ใกล้เคียงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งก็ปรากฏว่าน้องสาวอาการไม่ดีขึ้นและได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
ตนเองคิดว่า สาเหตุที่น้องสาวเสียชีวิต เกิดจากวัคซีนไขว้อย่างแน่นอน เพราะน้องสาวเป็นคนที่สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง และได้เสียชีวิตลงหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ได้ไม่นาน
ตนเองได้เดินทางไป สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้ทางแพทย์ตรวจสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งแพทย์ได้ระบุเบื้องต้นว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งจะต้องรอผลพิสูจน์ทางการแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้งในระยะเวลา45วัน
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ :
https://youtu.be/pQSIbeajKjY
วิจัยกรุงศรีคาดแม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันผ่านจุดสูงสุด แต่ยังน่ากังวล
https://www.thansettakij.com/money_market/496705
วิจัยกรุงศรีคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 รายต่อวัน และเสียชีวิตราว 40 รายต่อวัน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ ตลอดช่วงที่เหลือของปี
วิจัยกรุงศรีรายงานว่า ทางการเลื่อนเปิดกรุงเทพฯ ขณะที่การผ่อนคลายระยะต่อไปยังต้องระมัดระวังและอาจขึ้นอยู่กับอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะที่ 2 เบื้องต้นเตรียมเปิดเพิ่มอีก 4 จังหวัดพื้นที่นำร่องในวันที่ 1 ตุลาคม ได้แก่ เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ชลบุรี (พัทยา สัตหีบ อ.บางละมุง) เพชรบุรี (ชะอำ) และประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ส่วนกรุงเทพฯ อาจต้องเลื่อนออกไปจนกว่าจำนวนประชากรในพื้นที่จะได้รับวัคซีน 2 โดส ตามเกณฑ์ที่ 70% ของประชากร ล่าสุด ณ วันที่ 19 กันยายน มีอัตราการฉีดที่ 40.7%
แม้ทางการจะทยอยเปิดพื้นที่นำร่องเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ก็ตาม แต่ความกังวลและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการติดเชื้อ COVID-19 ในไทยจะยังสูงอยู่อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2564 หลังการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม ซึ่งในกรณีฐาน การฉีดวัคซีนจำนวนมากในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะช่วยควบคุมการติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง
ภายใต้ข้อสมมติว่า ฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 460,000 โดส และประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าอยู่ที่ 50% วิจัยกรุงศรีประเมินว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ ตลอดช่วงที่เหลือของปีโดยคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 รายต่อวัน และเสียชีวิตราว 40 รายต่อวัน ดังนั้น มาตรการควบคุมการระบาดจึงยังมีความจำเป็น การผ่อนคลายมาตรการควรดำเนินการไปทีละขั้นตอนแต่ยังคงข้อจำกัดบางประการด้วยความระมัดระวังตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ อาจมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเพิ่มเติมในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้หรือเป็นช่วงที่จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงต่ำกว่า 150 รายต่อวัน สำหรับกรณีเลวร้าย แม้จะฉีดวัคซีนได้ 90 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอาจยังอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากวัคซีนมีประสิทธิภาพต่ำและผ่อนคลายมาตรการควบคุมเร็วเกินไป ในกรณีนี้อาจเห็นการกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง
ทางการเตรียมออกมาตรการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ตั้งเป้า 5 ปี ไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท หวังสร้างรายได้เข้าประเทศในช่วงที่ภาคท่องเที่ยวยังฟื้นช้า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงในลักษณะผู้พำนักระยะยาว (long-term stay) ใน 4 กลุ่มเป้าหมาย
ได้แก่ 1. กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง 2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ 4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยตั้งเป้า 5 ปี (ปี 2565-2569) ไว้ที่ 1 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท สร้างรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท
ในระยะเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละเกือบ 2 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนต่อปี ขณะที่การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มล่าช้า โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดอาจต้องใช้เวลาหลายปีหรือราวปี 2568
ปัจจุบันแม้แผนการฉีดวัคซีนจะเร่งขึ้นแต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีเพียง 0.15 ล้านคน และ 2.5 ล้านคน ในปี 2564 และปี 2565 ตามลำดับ ผลจากการระบาดที่รุนแรงกว่าคาดจึงอาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางและทำให้แผนการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวหลักบางแห่งเลื่อนช้าออกไป
อีกทั้งหลายประเทศสำคัญได้ปรับยกระดับคำเตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอังกฤษ นอกจากนี้ การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียอาจล่าช้า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน และการกลายพันธุ์ของไวรัส
JJNY : 4in1 ฝีมือทีมก้าวหน้า│พี่ร้องสื่อ น้องเสียหลังฉีดไขว้│วิจัยกรุงศรีคาดยังน่ากังวล│ที่อยู่อาศัยอิสานซบเซาต่อเนื่อง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2950915
เมื่อวันที่ 21 กันยายน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เล่าเกี่ยวกับการพัฒนาของเทศบาลตำบลอาจสามารถ ภายในเวลา 4 เดือน หลังมีการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ และทีมของคณะก้าวหน้าชนะเลือกตั้งที่เขตนี้ โดย ระบุว่า
เมื่อ”ก้าวหน้า” ชนะการเลือกตั้งฝ่ายบริหาร (นายกฯเทศบาล) สิ่งดี ๆ เหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นที่อาจสามารถ นอกเหนือจากเว็บใหม่หน้าตาสวยงามแล้ว ยังมีระบบให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบบริการต่าง ๆ ของภาครัฐได้ ทั้งแผนที่ GPS รถเก็บขยะ แผนที่แสดงจุดไฟส่องสว่างว่าดับที่จุดไหน ตลอดจนแผนที่แสดงโครงการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณได้ว่า กำลังเอาไปลงกับโครงการอะไรอยู่บ้าง ฯลฯ ถ้าอยากให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นกับชาว กทม., ต้องกา “ก้าวไกล” ทั้งผู้ว่าฯ และ ส.ก. ในการเลือกตั้ง กทม. ที่จะถึงนี้ (ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ) นะครับ!
เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่: https://tessabanatsamat.go.th/
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว เมื่อคลิกเข้าไปจะพบรูปแบบการจัดวางเว็บไซต์ในสไตล์สมัยใหม่ ดูสบายตา และใช้งานง่ายมากขึ้น หน้าหลัก จะให้ความสำคัญกับ บริการต่างๆ เช่นการ จ่ายค่าน้ำประปา การจัดเก็บขยะ ขอใบอนุญาต และ ร้องทุกข์ ร้องเรียน
โดยนโยบายของนายกเทศมนตรี ระบุไว้หลักๆเช่น น้ำประปาดื่มได้ – เปิดศูนย์สายด่วน รับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง – ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV
เมื่อเลื่อนลงไป จะมี ระบบติดตามคุณภาพการให้บริการสาธารณะ เช่นการเก็บขยะ โดยจะมีจีพีเอสติดตามรถขยะ มีน้ำประปาที่จะแสดงแผนที่การให้บริการน้ำประปา มีจุดดู CCTV ที่จะแสดงตำแหน่งกล้อง และสามารถดูแสงสว่างแสดงจุดไฟส่องสว่างว่าดับที่จุดไหน
นอกจากนี้ยังมี แผนและรายงานการจัดซื้อจัดจ้างฉบับล่าสุดเดือนมีนาคม 2564 ประกาศราคากลาง/ผู้ชนะการเสนอราคา อัพเดทล่าสุด 8 กันยายน 2564 ทั้งยังมีเบอร์โทรศัพท์ ให้ติดต่อ แจ้งเหตุด่วนได้อีกด้วย ส่วนการร้องเรียนมีช่องทางให้แอดไลน์อีกด้วย
โดยหลายบริการกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เช่นระบบลงทะเบียนต่างๆ จ่ายค่าน้ำประปา ขยะ ลงทะเบียนเบี้ยงยังชีพ เบี้ยผู้สูงอายุ การขออนุญาตก่อสร้าง สถานประกอบการต่างๆ
https://www.facebook.com/natthaphong.ruengpanyawut/posts/1417033782016628
พี่ชายร้องสื่อ น้องสาวเสียชีวิต หลังฉีดวัคซีนไขว้เข็มที่ 2
https://ch3plus.com/news/program/258544
นครสวรรค์-ญาติผู้เสียชีวิต เข้าร้องเรียนสื่อมวลชน หลังนางสาวสุนิสา วันชาติ อายุ 37 ปี เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนแบบไขว้ ในเข็มที่ 2 (ซีโนแวค+แอสตราเซเนกา)
นายสันทัด วันชาติ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิต เผยว่า น้องสาวของตนเอง ฉีดวัคซีนเข็มแรกซิโนแวค เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ณ หน่วยบริการวัคซีน โรงพยาบาลบางปะกอก 3 พระประแดง ซึ่งอาการก็ปกติทุกอย่าง
และเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา มีนัดฉีดวัคซีนหน่วยเดิม โดยเข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกา ซึ่งระหว่างการพักดูอาการ 30 นาทีนั้น ก็ไม่มีเหตุผิดปกติอะไรเลย จึงเดินทางกลับบ้านพักในสมุทรปราการ
ซึ่งเพียงไม่นาน น้องสาวก็ได้โทรมาหาตนเอง บอกว่าแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก จึงต้องประสานญาติและคนรู้จักที่อยู่พื้นที่อยู่ใกล้เคียงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งก็ปรากฏว่าน้องสาวอาการไม่ดีขึ้นและได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
ตนเองคิดว่า สาเหตุที่น้องสาวเสียชีวิต เกิดจากวัคซีนไขว้อย่างแน่นอน เพราะน้องสาวเป็นคนที่สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง และได้เสียชีวิตลงหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ได้ไม่นาน
ตนเองได้เดินทางไป สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้ทางแพทย์ตรวจสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งแพทย์ได้ระบุเบื้องต้นว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งจะต้องรอผลพิสูจน์ทางการแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้งในระยะเวลา45วัน
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/pQSIbeajKjY
วิจัยกรุงศรีคาดแม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันผ่านจุดสูงสุด แต่ยังน่ากังวล
https://www.thansettakij.com/money_market/496705
วิจัยกรุงศรีคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 รายต่อวัน และเสียชีวิตราว 40 รายต่อวัน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ ตลอดช่วงที่เหลือของปี
วิจัยกรุงศรีรายงานว่า ทางการเลื่อนเปิดกรุงเทพฯ ขณะที่การผ่อนคลายระยะต่อไปยังต้องระมัดระวังและอาจขึ้นอยู่กับอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะที่ 2 เบื้องต้นเตรียมเปิดเพิ่มอีก 4 จังหวัดพื้นที่นำร่องในวันที่ 1 ตุลาคม ได้แก่ เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ชลบุรี (พัทยา สัตหีบ อ.บางละมุง) เพชรบุรี (ชะอำ) และประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ส่วนกรุงเทพฯ อาจต้องเลื่อนออกไปจนกว่าจำนวนประชากรในพื้นที่จะได้รับวัคซีน 2 โดส ตามเกณฑ์ที่ 70% ของประชากร ล่าสุด ณ วันที่ 19 กันยายน มีอัตราการฉีดที่ 40.7%
แม้ทางการจะทยอยเปิดพื้นที่นำร่องเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ก็ตาม แต่ความกังวลและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการติดเชื้อ COVID-19 ในไทยจะยังสูงอยู่อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2564 หลังการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม ซึ่งในกรณีฐาน การฉีดวัคซีนจำนวนมากในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะช่วยควบคุมการติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง
ภายใต้ข้อสมมติว่า ฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 460,000 โดส และประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าอยู่ที่ 50% วิจัยกรุงศรีประเมินว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ ตลอดช่วงที่เหลือของปีโดยคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 รายต่อวัน และเสียชีวิตราว 40 รายต่อวัน ดังนั้น มาตรการควบคุมการระบาดจึงยังมีความจำเป็น การผ่อนคลายมาตรการควรดำเนินการไปทีละขั้นตอนแต่ยังคงข้อจำกัดบางประการด้วยความระมัดระวังตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ อาจมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเพิ่มเติมในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้หรือเป็นช่วงที่จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงต่ำกว่า 150 รายต่อวัน สำหรับกรณีเลวร้าย แม้จะฉีดวัคซีนได้ 90 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอาจยังอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากวัคซีนมีประสิทธิภาพต่ำและผ่อนคลายมาตรการควบคุมเร็วเกินไป ในกรณีนี้อาจเห็นการกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง
ทางการเตรียมออกมาตรการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ตั้งเป้า 5 ปี ไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท หวังสร้างรายได้เข้าประเทศในช่วงที่ภาคท่องเที่ยวยังฟื้นช้า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงในลักษณะผู้พำนักระยะยาว (long-term stay) ใน 4 กลุ่มเป้าหมาย
ได้แก่ 1. กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง 2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ 4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยตั้งเป้า 5 ปี (ปี 2565-2569) ไว้ที่ 1 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท สร้างรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท
ในระยะเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละเกือบ 2 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนต่อปี ขณะที่การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มล่าช้า โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดอาจต้องใช้เวลาหลายปีหรือราวปี 2568
ปัจจุบันแม้แผนการฉีดวัคซีนจะเร่งขึ้นแต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีเพียง 0.15 ล้านคน และ 2.5 ล้านคน ในปี 2564 และปี 2565 ตามลำดับ ผลจากการระบาดที่รุนแรงกว่าคาดจึงอาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางและทำให้แผนการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวหลักบางแห่งเลื่อนช้าออกไป
อีกทั้งหลายประเทศสำคัญได้ปรับยกระดับคำเตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอังกฤษ นอกจากนี้ การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียอาจล่าช้า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน และการกลายพันธุ์ของไวรัส