เจ้าของกระทู้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งปอดเมื่อเดือนมีนาคม 64 ที่ รพ. รัฐแห่งหนึ่ง (มีประกันสังคมที่ รพ. เอกชน แต่ไม่ได้ทำการรักษาที่นั่น ) ทำการวินิจฉัยโรคด้วย MRI, CT, BONE SCAN , เจาะปอดเอาชิ้นเนื้อ, ตรวจชิ้นเนื้อ, เจาะเลือด, อุลตร้าซาวด์และอื่นๆ ตามวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคของแพทย์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายราวๆ 70,000 กว่าบาท จ่ายเงินสดออกไปก่อน พอแพทย์วางแผนการรักษาให้ยาเคมีบำบัด ได้นอน รพ. จึงทำการเคลมกับ บ. ประกันได้เงินคืนเกือบครบ มีรายการที่ไม่สามารถเคลมได้ ราว 2,000 บาท
- เนื่องจากการวินิจฉัยโรคไม่ได้เคลมตั้งแต่แรกเพราะเป็นเคสผู้ป่วยนอก ปกติเบิกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการนอน รพ. ภายใน 30 วันสามารถเบิกได้ อันนี้ผู้ป่วยต้องศึกษากรมธรรม์ให้ดีๆ จะได้ไม่เสียสิทธิ์ และหากออกจาก รพ. แล้ว ภายใน 30 วันถ้ามีการรักษาหรือหรือหมดนัด Follow up ก็สามารถเคลมได้เช่นกัน
~ เมื่อมีการนอนรักษาตัวใน รพ. สามารถเบิกได้ตามสิทธิ์ที่เราซื้อประกันไว้ เป็น fax claim มีค่าส่วนต่างเล็กน้อยจ่ายเพิ่ม จขกท. นอนให้ยาเคมีบำบัด 2 ครั้งก็เบิกไดั ไม่มีปัญหา
~ ได้ซื้อประกันโรคร้ายแรง 40 โรคร้ายไว้ จะเคลมได้เฉพาะมะเร็งระยะลุกลาม ประกันจ่ายไม่เกินสัปดาห์ที่ส่งเอกสารเคลมไป ที่สำคัญคือต้องมีผลชิ้นเนื้อ ถ้าจะเคลมง่ายๆ ต้องให้แพทย์เขียนไปตรงๆในใบรับรองแพทย์เลยว่าเป็นระยะลุกลาม
~ เคลมค่ารักษานอน รพ. กรณีด้วยโรคมะเร็งได้อีกคืนละ 7,000 บาท นอนกี่คืนก็คูณไป เต็มที่ประกันจ่าย 500 คืน กรณีนี้นอนแค่ 2 คืน ก็เก็บไว้ในอนาคตเผื่อต้องนอนอีก เพราะโรคนี้รักษานาน
~ คุยกับแพทย์ตรงๆหากมีประกันบอกแพทย์ไปว่าเราจะเบิกได้กรณีไหนบ้าง อย่างกรณีให้เคมีบำบัด ตอนแรกแพทย์จะให้นอนให้ยา 6 ชั่วโมงแล้วกลับบ้าน พอแจ้งแพทย์ไปว่าเราเบิกอะไรได้บ้างแพทย์จึงทำการ Admit ซึ่งนอนให้ยาก็เบิกประกันได้ แต่จะไม่ได้ค่าชดเชย 7,000 บาท (จะได้กรณีนอน รพ. เท่านั้น)
~ ประกันที่ จขกท. ซื้อไว้นานแล้วราวเกือบ 10 ปี มีประกันโรคร้ายแรง 40 โรค มีค่าชดเชยกรณีมรณกรรมหรือรักษาด้วยโรคมะเร็ง มีประกันเหมาจ่าย ซึ่งทั้งหมดต้องซื้อประกันหลักก่อนจึงจะซื้อพวกนี้ได้ ค่าเบี้ยก็หนักเอาการอยู่
~ การทำประกันสุขภาพต้องทำกับตัวแทน เพราะตัวแทนที่ดีจะตามเรื่องเคลมให้ ถ้าไม่มีตัวแทนส่งเรื่องเคลมเข้าไปเองอาจจะล่าช้าได้ไม่มีใครตามเรื่อง ตามเรื่องกับ call center ก็ไม่ค่อยได่เรื่องเท่าไหร่
~ การทำประกันเป็นการซื้อความเสี่ยง หากมีกำลังพอจ่ายได้ก็ควรมีแปะบ้านไว้ ไม่มีใครรู้อนาตคว่าอะไรจะเกิดขึ้น
~ ยิ่งซื้อเร็วเบี้ยจะถูก หากไปซื้อตอนอายุเยอะเบี้ยจะแพงมาก
แชร์ประสบการณ์การเคลมประกันสุขภาพกับโรคมะเร็ง
- เนื่องจากการวินิจฉัยโรคไม่ได้เคลมตั้งแต่แรกเพราะเป็นเคสผู้ป่วยนอก ปกติเบิกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการนอน รพ. ภายใน 30 วันสามารถเบิกได้ อันนี้ผู้ป่วยต้องศึกษากรมธรรม์ให้ดีๆ จะได้ไม่เสียสิทธิ์ และหากออกจาก รพ. แล้ว ภายใน 30 วันถ้ามีการรักษาหรือหรือหมดนัด Follow up ก็สามารถเคลมได้เช่นกัน
~ เมื่อมีการนอนรักษาตัวใน รพ. สามารถเบิกได้ตามสิทธิ์ที่เราซื้อประกันไว้ เป็น fax claim มีค่าส่วนต่างเล็กน้อยจ่ายเพิ่ม จขกท. นอนให้ยาเคมีบำบัด 2 ครั้งก็เบิกไดั ไม่มีปัญหา
~ ได้ซื้อประกันโรคร้ายแรง 40 โรคร้ายไว้ จะเคลมได้เฉพาะมะเร็งระยะลุกลาม ประกันจ่ายไม่เกินสัปดาห์ที่ส่งเอกสารเคลมไป ที่สำคัญคือต้องมีผลชิ้นเนื้อ ถ้าจะเคลมง่ายๆ ต้องให้แพทย์เขียนไปตรงๆในใบรับรองแพทย์เลยว่าเป็นระยะลุกลาม
~ เคลมค่ารักษานอน รพ. กรณีด้วยโรคมะเร็งได้อีกคืนละ 7,000 บาท นอนกี่คืนก็คูณไป เต็มที่ประกันจ่าย 500 คืน กรณีนี้นอนแค่ 2 คืน ก็เก็บไว้ในอนาคตเผื่อต้องนอนอีก เพราะโรคนี้รักษานาน
~ คุยกับแพทย์ตรงๆหากมีประกันบอกแพทย์ไปว่าเราจะเบิกได้กรณีไหนบ้าง อย่างกรณีให้เคมีบำบัด ตอนแรกแพทย์จะให้นอนให้ยา 6 ชั่วโมงแล้วกลับบ้าน พอแจ้งแพทย์ไปว่าเราเบิกอะไรได้บ้างแพทย์จึงทำการ Admit ซึ่งนอนให้ยาก็เบิกประกันได้ แต่จะไม่ได้ค่าชดเชย 7,000 บาท (จะได้กรณีนอน รพ. เท่านั้น)
~ ประกันที่ จขกท. ซื้อไว้นานแล้วราวเกือบ 10 ปี มีประกันโรคร้ายแรง 40 โรค มีค่าชดเชยกรณีมรณกรรมหรือรักษาด้วยโรคมะเร็ง มีประกันเหมาจ่าย ซึ่งทั้งหมดต้องซื้อประกันหลักก่อนจึงจะซื้อพวกนี้ได้ ค่าเบี้ยก็หนักเอาการอยู่
~ การทำประกันสุขภาพต้องทำกับตัวแทน เพราะตัวแทนที่ดีจะตามเรื่องเคลมให้ ถ้าไม่มีตัวแทนส่งเรื่องเคลมเข้าไปเองอาจจะล่าช้าได้ไม่มีใครตามเรื่อง ตามเรื่องกับ call center ก็ไม่ค่อยได่เรื่องเท่าไหร่
~ การทำประกันเป็นการซื้อความเสี่ยง หากมีกำลังพอจ่ายได้ก็ควรมีแปะบ้านไว้ ไม่มีใครรู้อนาตคว่าอะไรจะเกิดขึ้น
~ ยิ่งซื้อเร็วเบี้ยจะถูก หากไปซื้อตอนอายุเยอะเบี้ยจะแพงมาก