คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
หลังจากจขกท. อ่านทุกความเห็นใน pantip และเห็นมีเพจแชร์ไปในเฟซบุ๊คด้วย ขออัพเดทและชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้นะคะ
- ที่คุยเรื่องลูกตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน เพราะเรารู้สึกว่านี่เป็น 1 ในเรื่องที่ควรจะทำความเข้าใจตรงกันตั้งแต่ก่อนแต่งค่ะ ว่าความต้องการเราตรงกันมั้ย ปรับได้มั้ย
- คุยกับแฟนแล้ว เค้าบอกว่าเค้าเข้าใจ และจะไม่พูดถึงหรือกดดันให้เราต้องมีลูก ส่วนเราก็จะพยายามไม่เครียดกับตัวเองเรื่องนี้แล้วเช่นกันค่ะ เปลี่ยนมาโฟกัสเรื่องของเราสองคนให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อน
ขอบคุณทุกคห. ที่บอกว่าเราไม่คิดมากไป เพราะการมีลูก มันควรจะคิดก่อนจริงๆ
ขอบคุณทุกคห. ที่ช่วยให้เราหันกลับมาโฟกัสสิ่งที่ควรทำตอนนี้ คือพัฒนาความสัมพันธ์ของเราสองคนให้มั่นคงก่อนจะคิดไปไกลเรื่องมีลูก เราควรหาโอกาสได้ลองใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ ก่อน ถึงจะบอกอะไรได้
คิดว่าถึงจุดนึง เราคงได้คำตอบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอยู่ด้วยกันแล้วมันดี อยู่ด้วยกันแล้วไม่รอด หรือสุดท้ายไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยเพราะเหนื่อยจนเลิกรากันไปก่อน… ก็คงต้องเตรียมใจยอมรับทุกทางค่ะ
- ที่คุยเรื่องลูกตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน เพราะเรารู้สึกว่านี่เป็น 1 ในเรื่องที่ควรจะทำความเข้าใจตรงกันตั้งแต่ก่อนแต่งค่ะ ว่าความต้องการเราตรงกันมั้ย ปรับได้มั้ย
- คุยกับแฟนแล้ว เค้าบอกว่าเค้าเข้าใจ และจะไม่พูดถึงหรือกดดันให้เราต้องมีลูก ส่วนเราก็จะพยายามไม่เครียดกับตัวเองเรื่องนี้แล้วเช่นกันค่ะ เปลี่ยนมาโฟกัสเรื่องของเราสองคนให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อน
ขอบคุณทุกคห. ที่บอกว่าเราไม่คิดมากไป เพราะการมีลูก มันควรจะคิดก่อนจริงๆ
ขอบคุณทุกคห. ที่ช่วยให้เราหันกลับมาโฟกัสสิ่งที่ควรทำตอนนี้ คือพัฒนาความสัมพันธ์ของเราสองคนให้มั่นคงก่อนจะคิดไปไกลเรื่องมีลูก เราควรหาโอกาสได้ลองใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ ก่อน ถึงจะบอกอะไรได้
คิดว่าถึงจุดนึง เราคงได้คำตอบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอยู่ด้วยกันแล้วมันดี อยู่ด้วยกันแล้วไม่รอด หรือสุดท้ายไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยเพราะเหนื่อยจนเลิกรากันไปก่อน… ก็คงต้องเตรียมใจยอมรับทุกทางค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เอาเคสเรานะคะ เราเป็น ผญ ที่รู้ตัวนานแล้วว่าไม่ได้อยากแต่งงาน ไม่ได้อยากมีลูกตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ ตอนนี้ 38 แล้ว มีความพร้อมทั้ง วัยวุฒิ คุณวุฒิ ทุนทรัพย์
เราไม่ได้มีปัญหาอะไร ครอบครัวอยอุ่น เลี้ยงดูมาอย่างดี ชีวิตมีความสุขมากๆๆ แต่เหตุผลที่เราไม่อยากมี คือ เราไม่รู้สึกว่าเราจะพร้อมดูแลอีกชีวิตนึง เราไม่อยากมีห่วง และเราหวังลึกๆว่า วัฏสงสารจะหยุดที่เรา เราคิดว่าการเกิดคือความทุกข์ ถ้าเป็นไปได้เราไม่อยากเกิดมาค่ะ แต่ไม่ต้องไล่ให้ไปตายนะคะ มันคนละเรื่องกัน เราไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจถ้าจะไม่มี dna เราเหลือในโลก
ตั้งแต่เข้าใจความต้องการตัวเอง คบแฟนมาเราก็จะบอกตลอดว่า เราไม่ได้อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก ซึ่งก็เข้าใจตรงกัน แต่ก็มีเหตุผลอื่นให้เลิกกันไปบ้าง จนแฟนเก่าคนล่าสุดที่คบนานที่สุด (5 ปี ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมา คือดีหมด ดูแลกันดี ไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจอะไรกันเลย อย่างมากก็ทะเลาะเล็กๆน้อยๆ ตามประสาแฟน) สุดท้ายก็เลิกกัน เพราะแรกๆก็โอเค หลังๆมา พ่อแม่อยากอุ้มหลาน ก็ยื้อกันไปกันมาพักนึง จนเราคิดว่า มันต้องมานั่งคุยจริงจังแล้วว่ายังไง เราก็คุยกันว่า เออ แบบนี้ เป้าหมายระยะยาวของเรา 2 คนมันไม่ตรงกันนะ เราแยกย้ายดีมั้ย จะได้ไม่เสียเวลากันทั้ง 2 ฝ่าย ก็ตกลงตามนั้น ตอนนี้เค้าก็แต่งงานมีลูกไปแล้ว ส่วนเราก็มีแฟนใหม่ที่มีเป้าหมายระยะยาวใกล้เคียงกัน คบมาเกือบจะ 4 ปีแล้วค่ะ มีความสุขดี
สรุปคือ เราคิดว่าคุณคงต้องคุยกับตัวเองดีๆว่า ชีวิตคุณจะเอาอย่างไรค่ะ คือลูก อย่าคิดว่ามีๆไปเดี๋ยวรักเอง (พี่ชายเราเพิ่งมีลูกปีที่แล้ว คือสุดมาก ทุ่มเท ทั้งพ่อและแม่ขนาดเราเป็นอา ไปเล่นกับหลานบ้างจะเหนื่อยๆๆ แบบ เออ พ่อแม่ 24/7ชั่วโมงนี่มันไหวกันได้ยังไง คือบอกเลยว่า สมัยนี้ยังดีที่ ผช เริ่มช่วย ผญ เลี้ยงลูกกันเยอะขึ้น ) หรือ ตามใจใครคนใดคนนึง เพราะพ่อและแม่มีหน้าที่ ให้ความรัก ความอบอุ่น ดูแลเอาใจใส่ลูกเท่าๆกัน สุดท้ายอย่าเอาชีวิตเด็กคนนึงมาเป็นตัวประกัน ถ้าไม่พร้อมจริงๆ ประมาณนี้ค่ะ
เราไม่ได้มีปัญหาอะไร ครอบครัวอยอุ่น เลี้ยงดูมาอย่างดี ชีวิตมีความสุขมากๆๆ แต่เหตุผลที่เราไม่อยากมี คือ เราไม่รู้สึกว่าเราจะพร้อมดูแลอีกชีวิตนึง เราไม่อยากมีห่วง และเราหวังลึกๆว่า วัฏสงสารจะหยุดที่เรา เราคิดว่าการเกิดคือความทุกข์ ถ้าเป็นไปได้เราไม่อยากเกิดมาค่ะ แต่ไม่ต้องไล่ให้ไปตายนะคะ มันคนละเรื่องกัน เราไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจถ้าจะไม่มี dna เราเหลือในโลก
ตั้งแต่เข้าใจความต้องการตัวเอง คบแฟนมาเราก็จะบอกตลอดว่า เราไม่ได้อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก ซึ่งก็เข้าใจตรงกัน แต่ก็มีเหตุผลอื่นให้เลิกกันไปบ้าง จนแฟนเก่าคนล่าสุดที่คบนานที่สุด (5 ปี ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมา คือดีหมด ดูแลกันดี ไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจอะไรกันเลย อย่างมากก็ทะเลาะเล็กๆน้อยๆ ตามประสาแฟน) สุดท้ายก็เลิกกัน เพราะแรกๆก็โอเค หลังๆมา พ่อแม่อยากอุ้มหลาน ก็ยื้อกันไปกันมาพักนึง จนเราคิดว่า มันต้องมานั่งคุยจริงจังแล้วว่ายังไง เราก็คุยกันว่า เออ แบบนี้ เป้าหมายระยะยาวของเรา 2 คนมันไม่ตรงกันนะ เราแยกย้ายดีมั้ย จะได้ไม่เสียเวลากันทั้ง 2 ฝ่าย ก็ตกลงตามนั้น ตอนนี้เค้าก็แต่งงานมีลูกไปแล้ว ส่วนเราก็มีแฟนใหม่ที่มีเป้าหมายระยะยาวใกล้เคียงกัน คบมาเกือบจะ 4 ปีแล้วค่ะ มีความสุขดี
สรุปคือ เราคิดว่าคุณคงต้องคุยกับตัวเองดีๆว่า ชีวิตคุณจะเอาอย่างไรค่ะ คือลูก อย่าคิดว่ามีๆไปเดี๋ยวรักเอง (พี่ชายเราเพิ่งมีลูกปีที่แล้ว คือสุดมาก ทุ่มเท ทั้งพ่อและแม่ขนาดเราเป็นอา ไปเล่นกับหลานบ้างจะเหนื่อยๆๆ แบบ เออ พ่อแม่ 24/7ชั่วโมงนี่มันไหวกันได้ยังไง คือบอกเลยว่า สมัยนี้ยังดีที่ ผช เริ่มช่วย ผญ เลี้ยงลูกกันเยอะขึ้น ) หรือ ตามใจใครคนใดคนนึง เพราะพ่อและแม่มีหน้าที่ ให้ความรัก ความอบอุ่น ดูแลเอาใจใส่ลูกเท่าๆกัน สุดท้ายอย่าเอาชีวิตเด็กคนนึงมาเป็นตัวประกัน ถ้าไม่พร้อมจริงๆ ประมาณนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เราคิดมากเกินไปเรื่องการมีลูกมั้ยคะ?
1.) ครอบครัวเรา: ชีวิตเราตั้งแต่วัยเด็กยันวัยทำงาน พ่อแม่เราค่อนข้างหัวโบราณ เลี้ยงเราอยู่ในกรอบมากจนเราอึดอัด ชีวิตในฐานะการเป็นลูกของเราไม่มีความสุขมากนัก กลัวใครจะเกิดมาแล้วมีชีวิตแบบเรา
2.) เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม: เราว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้เด็กไทยโตมาแบบไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ระบบการศึกษา สังคม ก็ไม่ได้ช่วยให้เด็กโตมาแบบมีความคิดเป็นของตัวเอง หลายคนเรียนจบมาทำงานยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบอะไร
3.) เรากับแฟน: เราสองคนเป็น long distance relationship อยู่คนละประเทศ (แต่แฟนเราเป็นคนไทย และวางแผนกลับมาทำงานที่ไทยอยู่นะคะ) ภาพรวมแฟนก็เป็นคนนิสัยดี และหน้าที่การงานดีมากค่ะ เคยพาเราไปเจอครอบครัวแล้ว แต่เราติดอยู่ 2-3 เรื่องค่ะ
- ช่วง 1-2 เดือนแรกที่คบกัน เราจับโกหกได้ว่าเค้ายังไม่เลิกคุยกับกิ๊กเก่า แต่เป็นครั้งแรกเลยให้อภัย แต่มาเจออีกเรื่องที่เค้าไม่ยอมบอก คืออพาร์ตเมนต์ที่เค้าอยู่ที่ต่างประเทศ เค้าแชร์กับเพื่อนผู้หญิงค่ะ ซึ่งถ้าเค้าบอกตรงๆ แต่แรก เรารับได้นะคะ เพราะเราเองก็เคยเรียนที่ต่างประเทศ เห็นการแชร์อพาร์ตเมนต์ลักษณะนี้ค่อนข้างเยอะ แต่พอเค้าไม่บอกเราแต่แรก บวกกับโกหกเรื่องกิ๊กเก่า เราเลยค่อนข้างฝังใจกับการโดนโกหกปิดบังแถมต้องอยู่ไกลแบบนี้อีกค่ะ
- แฟนเราเป็นผู้ชายปากหมาค่ะ ชอบพูดจาไม่ค่อยรักษาน้ำใจเราตั้งแต่คบกันแรกๆ แต่ช่วงหลังเค้าปรับปรุงตัวดีขึ้น เพราะเราบอกเค้าตรงๆ แต่เราค่อนข้างกังวลค่ะ ว่าถ้าเราเป็นท้อง แล้วรูปร่างหรือความต้องการอะไรไม่เหมือนเดิม เราจะโดนตำหนิให้เสียน้ำใจ หรือร้ายแรงสุดคือเค้าไปมีคนอื่น
- การที่อยู่คนละประเทศ ถึงจะมีแฟนแต่เราก็ยังต้องใช้ชีวิตเหมือนตอนเป็นโสด บวกกับเรื่องที่เค้าเคยปิดบังเรา เราเลยไม่มั่นใจเท่าไหร่ค่ะว่าเค้ารักเรา และจะดูแลเราและลูกอย่างดีจริงๆ และจะไม่มีปัญหามือที่สามหรือปากหมาไม่รักษาความรู้สึกเรา ถ้าเราไม่สามารถเป็นภรรยาหรือแม่ที่ Perfect ให้เค้าได้
จากทั้งหมดนี้ เราคิดมากไปมั้ยคะ? มีใครพอจะให้เหตุผลได้มั้ยคะ ว่าคนเราอยากมีลูกเพราะอะไร