“วอลเลย์บอล”
พอได้ยินคำนี้ สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในหัวของผมนอกจากลูกบอลกลม ๆ ลายสีน้ำเงินเหลือง มันคือภาพของผู้หญิง 6 คน ล้มกลิ้งล้มหงายอยู่หน้าตาข่าย เพื่อรองบอลกลับมาเล่นให้ได้ เสียงเคาะบอลกระทบพื้น ตึก ๆ ๆ ดังก้องในฮอล์ก่อนเริ่มทำการเสิร์ฟ ภาพมันชัดเจนมาก พวกเธอเหล่านั้นไม่มีทางเป็นคนอื่นครับ เหล่าเซียนทั้ง 6 ของไทย ปลื้มจิตร์ วิลาวัณย์ อัมพร นุศรา อรอุมา และมลิกา (จริง ๆ รวมไปถึงวรรณา) ที่ต้องพูดแบบนี้ก็เพราะผมต้องการจะบอกว่า พวกเธอเหล่านี้ กลายเป็นภาพจำของผม หรืออาจจะรวมไปถึงคนอื่นอีกหลายคน ที่เมื่อได้ยินคำว่าวอลเลย์บอลทีไร ภาพพวกเธอก็จะลอยเข้ามาทันที ทำไมนะหรอ?
ย้อนไปก่อนหน้านี้หลายปี ผมรู้ว่ากีฬาวอลเลย์บอลคืออะไร เคยเล่นมาบ้างตอนประถม แต่ไม่เคยได้ติดตามหรือสนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งได้เปิดเจอคลิปของรายการเจาะใจใน Youtube คลิปนั้นเป็นสัมภาษณ์ของทีมวอลเลย์บอลหญิงกับโค้ชอ๊อด (คลิปลงเมื่อปี 2011) นั่นเป็นสื่อแรกที่ทำให้ผมได้รับรู้เกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไป ความสำเร็จ รวมถึงเป้าหมายของทีม จากทีมโนเนมที่มีญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ ฝึกฝนจนสามารถชนะญี่ปุ่นทีมต้นแบบของตัวเองได้ในที่สุด และยังเอาชนะจีน ทีมมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของเอเชีย จนได้เป็นแชมป์ในรายการชิงแชมป์เอเชียในปี 2009 มันค่อนข้างประทับใจผมเป็นอย่างมาก
เมื่อความประทับใจก่อตัว การเสาะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเธอก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งประทับใจ และมันมาพีคสุดเอาตอนรายการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียเมื่อปี 2013 ที่เราเป็นเจ้าภาพ ณ เวลานั้น พวกเธอเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเมื่อนัดแรกของซีรีย์เริ่มขึ้น ไทยแพ้ให้กับคาซักสถาน อึ้งทั้งคนดูในสนาม อึ้งทั้งคนที่นั่งหน้าทีวี เพราะความพ่ายแพ้จากนัดนี้ มันส่องให้เห็นว่าที่ปลายอุโมงค์มีหินก้อนใหญ่นอนขวางรออยู่ การจะเดินไปให้ถึงทุ่งลาเวนเดอร์ที่ปลายอุโมงค์มันช่างยากจนกองเชียร์แทบจะถอดใจ ก็หินก้อนนั้นมันคือทีมจีนไงครับ ทีมที่เป็นไปได้ก็ขอรอไปเจอนัดชิงเลยดีกว่า กระแสด้านลบเริ่มเกิดในโลกอินเทอร์เน็ต คำครหาเรื่องอายุ ประสิทธิภาพในการเล่นของผู้เล่นบางคนเริ่มถูกวิจารณ์มากขึ้น สิ่งเดียวที่พวกเธอทำได้ คือเล่นเกมของพวกเธอให้เต็มที่ เอาชนะทุกทีมที่ต้องเจอให้ได้ เหมือนสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ พวกเธอชนะญี่ปุ่นได้ในรอบจัดอันดับไป 3-1 เซต และชนะจีนในรอบรองชนะเลิศ 3-2 เซต สุดท้ายพวกเธอเป็นแชมป์ในรายการนี้ จากการชนะญี่ปุ่น 3-0 เซต ในรอบชิงชนะเลิศ เรียกได้ว่าครั้งนี้พวกเธอได้ลบคำสบประมาท ที่เกิดขึ้นตอนเริ่มการแข่งขันไปได้อย่างหมดจด ภาพวิลาวัณย์ร้องไห้กลางสัมภาษณ์หลังเกมนัดชิงยังสะเทือนใจ เธอรับรู้ทุกคำวิจารณ์ แต่ไร้ซึ่งการตอบโต้ ทุ่มเททุกอย่างลงไปในเกมการแข่งขัน สุดท้ายพวกเธอก็ได้สร้างศรัทธา และความนิยมให้กับกีฬาวอลเลย์บอลในไทยได้เป็นอย่างมาก สื่อทุกช่องออกข่าวเกี่ยวกับพวกเธอ รายการต่าง ๆ ขอสัมภาษณ์อย่างกับนักแสดงโปรโมทละคร สินค้าติดต่อให้พวกเธอเป็นพรีเซนเตอร์ พวกเธอฮอตไม่ต่างจากนักแสดงเบอร์ต้น ๆ เลยก็ว่าได้ และนั่นอาจจะเป็นจุดสูงสุดของเหล่าเซียน…
ผมรับรู้มาจากคลิปนั้น ว่าเป้าหมายเดียวที่ทีมไทยยังไปไม่ถึงคือ โอลิมปิค แต่พอทราบเกณฑ์การคัดเลือกทีมเข้าแข่งขันแล้ว ผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทีมเราถึงไปไม่ถึงฝัน มันหินมาก ๆ แม้ทีมเราจะดีแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่าเรายังเป็นได้เพียงเบอร์ 3 เบอร์ 4 ของเอเชียเท่านั้น จีนนี่ไม่ต้องพูดถึง พวกเขาคืออันดับต้น ๆ ของโลก ส่วนญี่ปุ่นและเกาหลี เขาพัฒนามาก่อนเรา อย่างไรเสีย ที่เขาได้เปรียบเราแน่ ๆ คือเรื่องระบบและการจัดการ เมื่อทีมเราเพิ่งจะผงาดก้าวเข้าสู่สมรภูมิ ก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องชิงตั๋วการแข่งขันมาจากทีมเหล่านี้ ยิ่งชาติตะวันตกยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขามีพร้อมทั้งเทคโนโลยี และสรีระที่ได้เปรียบ แม้ทีมเราจะเคยเกือบได้ตั๋วมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นเพียงครั้งเดียวที่เราเข้าใกล้มัน และเพราะเป้าหมายที่ชัดเจนนี้ มันก็ถูกส่งต่อมาให้แฟน ๆ ด้วยเช่นกัน ความหวังนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงความหวังทีมอีกต่อไป แต่หากเป็นความหวังของแฟนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคน ยิ่งทีมเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ยิ่งแฟนหวังกับทีมมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือกระแสวิจารณ์ที่มากขึ้นในทุกการแข่งขันของทีม จะมีทั้งกระแสบวกและลบตามมาเสมอ ๆ ไม่ว่าวันนั้นจะเล่นดีแค่ไหน ก็จะมีกระทู้จากนักวิจารณ์ที่หามุมด้อยในเกมมาติเพื่อก่อ หรือไม่ว่าวันนั้นจะฟอร์มหลุดแค่ไหน ก็จะมีกระทู้ให้กำลังใจเกิดขึ้นตามบอร์ดสาธารณะเป็นประจำ นั่นก็เพราะทุกคนอยากให้ทีมที่ตัวเองเชียร์ได้ไปอยู่ในจุดสูงสุดที่จะเป็นไปได้ แต่ร่างกายย่อมมีวันโรยรา และแล้ววันที่เหล่าเซียนต้องวางมือก็มาถึง...
ก่อนนี้ในโลกออนไลน์มีหลายกระแสอยากให้เหล่าเซียนวางมือ เพื่อให้โอกาสบรรดารุ่นน้องได้มาสานต่อความฝัน เนื่องจากอายุบรรดาเหล่าเซียนต่างก็เข้าสู่เลข 3 ตอนกลางไปจนถึงปลาย ซึ่งเป็นช่วงวัยที่นักกีฬาแทบทุกชนิดต้องวางมือ เพราะขีดจำกัดทางด้านร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าทางสมาคมยังไม่สามารถปั้นเด็กใหม่เข้ามาทดแทนได้ทัน จึงยังจำเป็นที่จะใช้ประสบการณ์ของเหล่าเซียนเข้ามาประคองน้อง ๆ ในเกมการแข่งช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ สมาคมได้ประกาศรายชื่อนักกีฬาเข้าแคมป์เก็บตัวเพื่อเข้าแข่งกันในรายการวอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ทุกรายชื่อล้วนเป็นนักกีฬาที่โดดเด่นจากลีกภายในประเทศ แต่ไร้ซึ่งรายชื่อบรรดาเซียนทั้ง 6 ทุกคนยอมหลีกทางให้รุ่นน้องได้เป็นผู้นำในการสานฝันต่อไป แม้ในทางสถิติเซียนบางคนยังมีสถิติที่ดีกว่ารุ่นน้องในลีก แต่เพื่อแผนพัฒนาของวอลเลย์บอลทีมชาติ เซียนทุกคนวางมือให้รุ่นน้องรับไม้ต่อ แฟน ๆ ต่างก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของสมาคมและเหล่าเซียน ทุกคนต่างก็ตั้งตารอชมฝีมือของรุ่นน้องในเกมการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นนี้ แต่แล้วก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางแคมป์เก็บตัว เมื่อตรวจพบว่านักกีฬารุ่นน้องที่อยู่ในแคมป์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกือบทั้งทีม ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันได้ ซึ่งอาจจะต้องถอนทีมออกจากการแข่งขัน เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดในด้านการจัดการครั้งใหญ่ของสมาคมที่จะต้องเรียนรู้และแก้ไข ไม่สามารถโยนความรับผิดชอบให้ใครได้เลย แฟน ๆ ต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน เริ่มมีกระแสไม่พอใจการบริหารงานของสมาคม กระทู้ถามหาความรับผิดชอบผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในสังคมออนไลน์ ครั้งนี้ดูจะเป็นวิกฤติใหญ่ที่สุดที่สมาคมเคยเจอมา เพราะเมื่อแฟนวอลเลย์บอลตั้งตารอชมการเล่นของทีมชุดใหม่ ซึ่งห่างหายจากเกมการแข่งขันอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาเป็นแรมปี ต้องมาผิดหวังเพียงเพราะการจัดการที่ดีไม่พอของสมาคม องค์กรที่คนทั้งประเทศไว้ใจในจัดการ ส่งผลให้อารมณ์โกรธ โมโหเข้ามาแทนที่ ไฟแห่งศรัทธาเริ่มค่อย ๆ มอดจากใจใครหลายคน จากตั้งใจที่จะเชียร์ เริ่มเปลี่ยนมาหาเรื่องสมาคม ไม่มีใครดับไฟนี้ลงได้ในคืนที่ทราบข่าว แต่แล้วไฟแห่งความหวังก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง…
เมื่อสหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ หรือ FIVB ขอให้ไทยพิจารณาเรื่องการถอนทีมอีกครั้ง และยอมหย่อนกฎบางข้อให้กับทีมไทยเพื่อให้ส่งทีมเหมือนเดิม แต่ยังไงหละเมื่อเราทราบว่านักกีฬาติดเชื้อโควิดวันที่ 12 พ.ค. สรุปตกลงกับ FIVB แล้วเสร็จในวันที่ 15 พ.ค. กำหนดการเดินทางคือวันที่ 20 พ.ค. และเกมแรกที่ทีมไทยต้องลงแข่งขันคือวันที่ 25 พ.ค. นั่นแปลว่า ทีมที่จะส่งไป จะไม่เหลือเวลาแม้แต่โอกาสที่จะได้ลงทีมซ้อมร่วมกัน เพราะทุกอย่างกระชั้นชิดด้วยเวลา ไหนจะคัดเลือกนักกีฬา ไหนจะต้องมาตรวจโควิด ไหนจะทำเอกสารการเดินทาง ทุกอย่างมันเร่งไปหมด และที่สำคัญนักกีฬาหละจะเหลือใครที่จะลงแข่งได้บ้าง เพราะนักกีฬาที่คิดว่าดีที่สุดในประเทศก็อยู่ในแคมป์เก็บตัวหมดแล้ว ขออนุญาตอ้างอิงจากช่อง Wantleyball Channel ใน Youtube ถึงเงื่อนไขการคัดเลือกนักกีฬาในครั้งนี้ ข้อแรกนักกีฬาที่จะส่งไปต้องอยู่ในสภาพที่ฟิตที่สุด คัดจากผู้เล่นที่อยู่ในทีมที่เข้ารอบไฟนอล 4 ในลีกในประเทศ เพราะถือว่านักกีฬาพักจากการแข่งขันน้อยกว่าผู้เล่นที่ไม่ได้เข้ารอบ น่าจะมีความฟิตมากกว่า และอีกข้อคือนักกีฬาต้องมีประสบการณ์ในการเล่นในระดับนานาชาติ เพื่อจะได้ไม่ตื่นสนามมาก เพราะไม่มีเวลาซ้อม ซึ่งดูแล้วเหมือนทุกอย่างจะพุ่งเป้าไปที่ 6 เซียน เป็นไปตามคาดเมื่อรายชื่อทีมฉุกเฉินถูกประกาศออกมา 6 เซียนมีชื่ออยู่ในทีมครบทุกคน
ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา 6 เซียนไม่ได้เข้ามาเพื่อมาทำตามความฝันของทีม พวกเขาเป็นแค่ทัพสำรองฉุกเฉินไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลยจากการแข่งขันครั้งนี้ จะว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียก็ไม่ถูกซะทีเดียว เรื่องส่วนได้อาจจะไม่มี เงินหรอ? พวกเธอมีแล้ว พอสำหรับต่อยอดเลี้ยงตัวเองได้สบาย ๆ ชื่อเสียงหรอ? เท่าที่มีก็มากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องสร้างชื่อเสียงอีก แต่ส่วนเสียมีแน่นอน เหล่าเซียนทุกคนเสียเวลาพักผ่อนส่วนตัว ยอมเข้าร่วมการเดินทางเข้าแข่งขันแบบปิดเป็นเวลาร่วมเดือน เคสที่สะเทือนใจผมที่สุดคือเซียนอัมพร ที่ต้องจากลูกเล็กไม่กี่ขวบเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็วางมือจากทีมชาติไทยไปเรียบร้อยแล้ว แล้วพวกเธอทำสิ่งนี้เพื่ออะไร? เท่าที่สมองผมจะคิดได้ในตอนนี้ คือพวกเธอกำลังทำเพื่อทีมชาติไทยของพวกเราอย่างที่พวกเธอเคยทำมา พวกเธอกำลังทำให้ทั่วโลกเห็นว่า นี่ไงทีมชาติไทย ที่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขนาดไหน เราก็ยังมีทีมเข้าร่วมแข่งขัน รักษาอันดับโลกไว้ให้รุ่นน้องได้แสดงฝีมือต่อไป คอยปูทางให้เหมือนเดิม แม้ที่ผ่านมานี้ คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ต้องการพวกเธอแล้ว แต่เมื่อเกิดปัญหาพวกเธอก็พร้อมที่จะกลับมาแก้สถานการณ์ให้ทีมไทยเสมอ พวกเธอสร้างทีมนี้มา และพวกเธอก็ไม่ต้องการให้ทีมที่พวกเธอสร้างมันมากับมือโดนคำครหาเพียงเพราะไม่เข้าแข่งขันในรายการนี้ แต่ไม่ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเธอมาจากเรื่องอะไร ที่ชัดเจนที่สุดคือ พวกเธอกำลังทำเพื่อสิ่งที่พวกเธอรักมากที่สุด คือวอลเลย์บอล อย่างน้อย ๆ ตอนนี้พวกเธอก็ทำให้การแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่น ลีก ดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อย ใครจะไปรู้ ถ้าไม่มีพวกเธอในวันนี้ อาจจะเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ แล้วการจัดการแข่งขันไม่สามารถเกิดขึ้นมาก็เป็นได้
กระทู้นี้ผมตั้งใจเขียนขึ้นมาก็เพื่อแสดงถึงความนับถือในน้ำใจของเหล่าเซียนที่ตั้งใจทำเพื่อทีมชาติไทย ไม่ว่าจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ยังไง พวกเธอก็ยังยืนหยัดเพื่อทีมชาติไทยต่อไปเช่นเดิมดังที่เคยทำมา ไม่ว่าใครจะยังไง พวกคุณจะถูกจดจำในความทรงจำของผมว่าเป็นนักกีฬาแบบทีมที่ดีที่สุดของไทยเท่าที่เคยมีมา ต่อให้มีทีมที่ดีกว่า แต่พวกคุณจะเป็นตำนานที่ไม่มีใครลบได้ และจำยังคงเป็นตัวแทนของคำว่าวอลเลย์บอลสำหรับผมตลอดไป (รวมถึงฐาปไพพรรณ และปิยะนุชที่ก็เสียสละไม่แพ้กัน)
รวมไปถึงแสดงความนับถึอนักกีฬาทุกคนที่ยอมตอบรับเข้าร่วมเดินทางแบบกระชั้นชินเพื่อไปแข่งขันครั้งนี้
ขอแสดงความนับถือทุกคน
กระทู้นี้ถึงเหล่าเซียน และทัพสำรองฉุกเฉิน
พอได้ยินคำนี้ สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในหัวของผมนอกจากลูกบอลกลม ๆ ลายสีน้ำเงินเหลือง มันคือภาพของผู้หญิง 6 คน ล้มกลิ้งล้มหงายอยู่หน้าตาข่าย เพื่อรองบอลกลับมาเล่นให้ได้ เสียงเคาะบอลกระทบพื้น ตึก ๆ ๆ ดังก้องในฮอล์ก่อนเริ่มทำการเสิร์ฟ ภาพมันชัดเจนมาก พวกเธอเหล่านั้นไม่มีทางเป็นคนอื่นครับ เหล่าเซียนทั้ง 6 ของไทย ปลื้มจิตร์ วิลาวัณย์ อัมพร นุศรา อรอุมา และมลิกา (จริง ๆ รวมไปถึงวรรณา) ที่ต้องพูดแบบนี้ก็เพราะผมต้องการจะบอกว่า พวกเธอเหล่านี้ กลายเป็นภาพจำของผม หรืออาจจะรวมไปถึงคนอื่นอีกหลายคน ที่เมื่อได้ยินคำว่าวอลเลย์บอลทีไร ภาพพวกเธอก็จะลอยเข้ามาทันที ทำไมนะหรอ?
ย้อนไปก่อนหน้านี้หลายปี ผมรู้ว่ากีฬาวอลเลย์บอลคืออะไร เคยเล่นมาบ้างตอนประถม แต่ไม่เคยได้ติดตามหรือสนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งได้เปิดเจอคลิปของรายการเจาะใจใน Youtube คลิปนั้นเป็นสัมภาษณ์ของทีมวอลเลย์บอลหญิงกับโค้ชอ๊อด (คลิปลงเมื่อปี 2011) นั่นเป็นสื่อแรกที่ทำให้ผมได้รับรู้เกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไป ความสำเร็จ รวมถึงเป้าหมายของทีม จากทีมโนเนมที่มีญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ ฝึกฝนจนสามารถชนะญี่ปุ่นทีมต้นแบบของตัวเองได้ในที่สุด และยังเอาชนะจีน ทีมมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของเอเชีย จนได้เป็นแชมป์ในรายการชิงแชมป์เอเชียในปี 2009 มันค่อนข้างประทับใจผมเป็นอย่างมาก
เมื่อความประทับใจก่อตัว การเสาะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเธอก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งประทับใจ และมันมาพีคสุดเอาตอนรายการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียเมื่อปี 2013 ที่เราเป็นเจ้าภาพ ณ เวลานั้น พวกเธอเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเมื่อนัดแรกของซีรีย์เริ่มขึ้น ไทยแพ้ให้กับคาซักสถาน อึ้งทั้งคนดูในสนาม อึ้งทั้งคนที่นั่งหน้าทีวี เพราะความพ่ายแพ้จากนัดนี้ มันส่องให้เห็นว่าที่ปลายอุโมงค์มีหินก้อนใหญ่นอนขวางรออยู่ การจะเดินไปให้ถึงทุ่งลาเวนเดอร์ที่ปลายอุโมงค์มันช่างยากจนกองเชียร์แทบจะถอดใจ ก็หินก้อนนั้นมันคือทีมจีนไงครับ ทีมที่เป็นไปได้ก็ขอรอไปเจอนัดชิงเลยดีกว่า กระแสด้านลบเริ่มเกิดในโลกอินเทอร์เน็ต คำครหาเรื่องอายุ ประสิทธิภาพในการเล่นของผู้เล่นบางคนเริ่มถูกวิจารณ์มากขึ้น สิ่งเดียวที่พวกเธอทำได้ คือเล่นเกมของพวกเธอให้เต็มที่ เอาชนะทุกทีมที่ต้องเจอให้ได้ เหมือนสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ พวกเธอชนะญี่ปุ่นได้ในรอบจัดอันดับไป 3-1 เซต และชนะจีนในรอบรองชนะเลิศ 3-2 เซต สุดท้ายพวกเธอเป็นแชมป์ในรายการนี้ จากการชนะญี่ปุ่น 3-0 เซต ในรอบชิงชนะเลิศ เรียกได้ว่าครั้งนี้พวกเธอได้ลบคำสบประมาท ที่เกิดขึ้นตอนเริ่มการแข่งขันไปได้อย่างหมดจด ภาพวิลาวัณย์ร้องไห้กลางสัมภาษณ์หลังเกมนัดชิงยังสะเทือนใจ เธอรับรู้ทุกคำวิจารณ์ แต่ไร้ซึ่งการตอบโต้ ทุ่มเททุกอย่างลงไปในเกมการแข่งขัน สุดท้ายพวกเธอก็ได้สร้างศรัทธา และความนิยมให้กับกีฬาวอลเลย์บอลในไทยได้เป็นอย่างมาก สื่อทุกช่องออกข่าวเกี่ยวกับพวกเธอ รายการต่าง ๆ ขอสัมภาษณ์อย่างกับนักแสดงโปรโมทละคร สินค้าติดต่อให้พวกเธอเป็นพรีเซนเตอร์ พวกเธอฮอตไม่ต่างจากนักแสดงเบอร์ต้น ๆ เลยก็ว่าได้ และนั่นอาจจะเป็นจุดสูงสุดของเหล่าเซียน…
ผมรับรู้มาจากคลิปนั้น ว่าเป้าหมายเดียวที่ทีมไทยยังไปไม่ถึงคือ โอลิมปิค แต่พอทราบเกณฑ์การคัดเลือกทีมเข้าแข่งขันแล้ว ผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทีมเราถึงไปไม่ถึงฝัน มันหินมาก ๆ แม้ทีมเราจะดีแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่าเรายังเป็นได้เพียงเบอร์ 3 เบอร์ 4 ของเอเชียเท่านั้น จีนนี่ไม่ต้องพูดถึง พวกเขาคืออันดับต้น ๆ ของโลก ส่วนญี่ปุ่นและเกาหลี เขาพัฒนามาก่อนเรา อย่างไรเสีย ที่เขาได้เปรียบเราแน่ ๆ คือเรื่องระบบและการจัดการ เมื่อทีมเราเพิ่งจะผงาดก้าวเข้าสู่สมรภูมิ ก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องชิงตั๋วการแข่งขันมาจากทีมเหล่านี้ ยิ่งชาติตะวันตกยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขามีพร้อมทั้งเทคโนโลยี และสรีระที่ได้เปรียบ แม้ทีมเราจะเคยเกือบได้ตั๋วมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นเพียงครั้งเดียวที่เราเข้าใกล้มัน และเพราะเป้าหมายที่ชัดเจนนี้ มันก็ถูกส่งต่อมาให้แฟน ๆ ด้วยเช่นกัน ความหวังนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงความหวังทีมอีกต่อไป แต่หากเป็นความหวังของแฟนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคน ยิ่งทีมเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ยิ่งแฟนหวังกับทีมมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือกระแสวิจารณ์ที่มากขึ้นในทุกการแข่งขันของทีม จะมีทั้งกระแสบวกและลบตามมาเสมอ ๆ ไม่ว่าวันนั้นจะเล่นดีแค่ไหน ก็จะมีกระทู้จากนักวิจารณ์ที่หามุมด้อยในเกมมาติเพื่อก่อ หรือไม่ว่าวันนั้นจะฟอร์มหลุดแค่ไหน ก็จะมีกระทู้ให้กำลังใจเกิดขึ้นตามบอร์ดสาธารณะเป็นประจำ นั่นก็เพราะทุกคนอยากให้ทีมที่ตัวเองเชียร์ได้ไปอยู่ในจุดสูงสุดที่จะเป็นไปได้ แต่ร่างกายย่อมมีวันโรยรา และแล้ววันที่เหล่าเซียนต้องวางมือก็มาถึง...
ก่อนนี้ในโลกออนไลน์มีหลายกระแสอยากให้เหล่าเซียนวางมือ เพื่อให้โอกาสบรรดารุ่นน้องได้มาสานต่อความฝัน เนื่องจากอายุบรรดาเหล่าเซียนต่างก็เข้าสู่เลข 3 ตอนกลางไปจนถึงปลาย ซึ่งเป็นช่วงวัยที่นักกีฬาแทบทุกชนิดต้องวางมือ เพราะขีดจำกัดทางด้านร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าทางสมาคมยังไม่สามารถปั้นเด็กใหม่เข้ามาทดแทนได้ทัน จึงยังจำเป็นที่จะใช้ประสบการณ์ของเหล่าเซียนเข้ามาประคองน้อง ๆ ในเกมการแข่งช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ สมาคมได้ประกาศรายชื่อนักกีฬาเข้าแคมป์เก็บตัวเพื่อเข้าแข่งกันในรายการวอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ทุกรายชื่อล้วนเป็นนักกีฬาที่โดดเด่นจากลีกภายในประเทศ แต่ไร้ซึ่งรายชื่อบรรดาเซียนทั้ง 6 ทุกคนยอมหลีกทางให้รุ่นน้องได้เป็นผู้นำในการสานฝันต่อไป แม้ในทางสถิติเซียนบางคนยังมีสถิติที่ดีกว่ารุ่นน้องในลีก แต่เพื่อแผนพัฒนาของวอลเลย์บอลทีมชาติ เซียนทุกคนวางมือให้รุ่นน้องรับไม้ต่อ แฟน ๆ ต่างก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของสมาคมและเหล่าเซียน ทุกคนต่างก็ตั้งตารอชมฝีมือของรุ่นน้องในเกมการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นนี้ แต่แล้วก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางแคมป์เก็บตัว เมื่อตรวจพบว่านักกีฬารุ่นน้องที่อยู่ในแคมป์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกือบทั้งทีม ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันได้ ซึ่งอาจจะต้องถอนทีมออกจากการแข่งขัน เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดในด้านการจัดการครั้งใหญ่ของสมาคมที่จะต้องเรียนรู้และแก้ไข ไม่สามารถโยนความรับผิดชอบให้ใครได้เลย แฟน ๆ ต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน เริ่มมีกระแสไม่พอใจการบริหารงานของสมาคม กระทู้ถามหาความรับผิดชอบผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในสังคมออนไลน์ ครั้งนี้ดูจะเป็นวิกฤติใหญ่ที่สุดที่สมาคมเคยเจอมา เพราะเมื่อแฟนวอลเลย์บอลตั้งตารอชมการเล่นของทีมชุดใหม่ ซึ่งห่างหายจากเกมการแข่งขันอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาเป็นแรมปี ต้องมาผิดหวังเพียงเพราะการจัดการที่ดีไม่พอของสมาคม องค์กรที่คนทั้งประเทศไว้ใจในจัดการ ส่งผลให้อารมณ์โกรธ โมโหเข้ามาแทนที่ ไฟแห่งศรัทธาเริ่มค่อย ๆ มอดจากใจใครหลายคน จากตั้งใจที่จะเชียร์ เริ่มเปลี่ยนมาหาเรื่องสมาคม ไม่มีใครดับไฟนี้ลงได้ในคืนที่ทราบข่าว แต่แล้วไฟแห่งความหวังก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง…
เมื่อสหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ หรือ FIVB ขอให้ไทยพิจารณาเรื่องการถอนทีมอีกครั้ง และยอมหย่อนกฎบางข้อให้กับทีมไทยเพื่อให้ส่งทีมเหมือนเดิม แต่ยังไงหละเมื่อเราทราบว่านักกีฬาติดเชื้อโควิดวันที่ 12 พ.ค. สรุปตกลงกับ FIVB แล้วเสร็จในวันที่ 15 พ.ค. กำหนดการเดินทางคือวันที่ 20 พ.ค. และเกมแรกที่ทีมไทยต้องลงแข่งขันคือวันที่ 25 พ.ค. นั่นแปลว่า ทีมที่จะส่งไป จะไม่เหลือเวลาแม้แต่โอกาสที่จะได้ลงทีมซ้อมร่วมกัน เพราะทุกอย่างกระชั้นชิดด้วยเวลา ไหนจะคัดเลือกนักกีฬา ไหนจะต้องมาตรวจโควิด ไหนจะทำเอกสารการเดินทาง ทุกอย่างมันเร่งไปหมด และที่สำคัญนักกีฬาหละจะเหลือใครที่จะลงแข่งได้บ้าง เพราะนักกีฬาที่คิดว่าดีที่สุดในประเทศก็อยู่ในแคมป์เก็บตัวหมดแล้ว ขออนุญาตอ้างอิงจากช่อง Wantleyball Channel ใน Youtube ถึงเงื่อนไขการคัดเลือกนักกีฬาในครั้งนี้ ข้อแรกนักกีฬาที่จะส่งไปต้องอยู่ในสภาพที่ฟิตที่สุด คัดจากผู้เล่นที่อยู่ในทีมที่เข้ารอบไฟนอล 4 ในลีกในประเทศ เพราะถือว่านักกีฬาพักจากการแข่งขันน้อยกว่าผู้เล่นที่ไม่ได้เข้ารอบ น่าจะมีความฟิตมากกว่า และอีกข้อคือนักกีฬาต้องมีประสบการณ์ในการเล่นในระดับนานาชาติ เพื่อจะได้ไม่ตื่นสนามมาก เพราะไม่มีเวลาซ้อม ซึ่งดูแล้วเหมือนทุกอย่างจะพุ่งเป้าไปที่ 6 เซียน เป็นไปตามคาดเมื่อรายชื่อทีมฉุกเฉินถูกประกาศออกมา 6 เซียนมีชื่ออยู่ในทีมครบทุกคน
ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา 6 เซียนไม่ได้เข้ามาเพื่อมาทำตามความฝันของทีม พวกเขาเป็นแค่ทัพสำรองฉุกเฉินไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลยจากการแข่งขันครั้งนี้ จะว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียก็ไม่ถูกซะทีเดียว เรื่องส่วนได้อาจจะไม่มี เงินหรอ? พวกเธอมีแล้ว พอสำหรับต่อยอดเลี้ยงตัวเองได้สบาย ๆ ชื่อเสียงหรอ? เท่าที่มีก็มากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องสร้างชื่อเสียงอีก แต่ส่วนเสียมีแน่นอน เหล่าเซียนทุกคนเสียเวลาพักผ่อนส่วนตัว ยอมเข้าร่วมการเดินทางเข้าแข่งขันแบบปิดเป็นเวลาร่วมเดือน เคสที่สะเทือนใจผมที่สุดคือเซียนอัมพร ที่ต้องจากลูกเล็กไม่กี่ขวบเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็วางมือจากทีมชาติไทยไปเรียบร้อยแล้ว แล้วพวกเธอทำสิ่งนี้เพื่ออะไร? เท่าที่สมองผมจะคิดได้ในตอนนี้ คือพวกเธอกำลังทำเพื่อทีมชาติไทยของพวกเราอย่างที่พวกเธอเคยทำมา พวกเธอกำลังทำให้ทั่วโลกเห็นว่า นี่ไงทีมชาติไทย ที่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขนาดไหน เราก็ยังมีทีมเข้าร่วมแข่งขัน รักษาอันดับโลกไว้ให้รุ่นน้องได้แสดงฝีมือต่อไป คอยปูทางให้เหมือนเดิม แม้ที่ผ่านมานี้ คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ต้องการพวกเธอแล้ว แต่เมื่อเกิดปัญหาพวกเธอก็พร้อมที่จะกลับมาแก้สถานการณ์ให้ทีมไทยเสมอ พวกเธอสร้างทีมนี้มา และพวกเธอก็ไม่ต้องการให้ทีมที่พวกเธอสร้างมันมากับมือโดนคำครหาเพียงเพราะไม่เข้าแข่งขันในรายการนี้ แต่ไม่ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเธอมาจากเรื่องอะไร ที่ชัดเจนที่สุดคือ พวกเธอกำลังทำเพื่อสิ่งที่พวกเธอรักมากที่สุด คือวอลเลย์บอล อย่างน้อย ๆ ตอนนี้พวกเธอก็ทำให้การแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่น ลีก ดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อย ใครจะไปรู้ ถ้าไม่มีพวกเธอในวันนี้ อาจจะเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ แล้วการจัดการแข่งขันไม่สามารถเกิดขึ้นมาก็เป็นได้
กระทู้นี้ผมตั้งใจเขียนขึ้นมาก็เพื่อแสดงถึงความนับถือในน้ำใจของเหล่าเซียนที่ตั้งใจทำเพื่อทีมชาติไทย ไม่ว่าจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ยังไง พวกเธอก็ยังยืนหยัดเพื่อทีมชาติไทยต่อไปเช่นเดิมดังที่เคยทำมา ไม่ว่าใครจะยังไง พวกคุณจะถูกจดจำในความทรงจำของผมว่าเป็นนักกีฬาแบบทีมที่ดีที่สุดของไทยเท่าที่เคยมีมา ต่อให้มีทีมที่ดีกว่า แต่พวกคุณจะเป็นตำนานที่ไม่มีใครลบได้ และจำยังคงเป็นตัวแทนของคำว่าวอลเลย์บอลสำหรับผมตลอดไป (รวมถึงฐาปไพพรรณ และปิยะนุชที่ก็เสียสละไม่แพ้กัน)
รวมไปถึงแสดงความนับถึอนักกีฬาทุกคนที่ยอมตอบรับเข้าร่วมเดินทางแบบกระชั้นชินเพื่อไปแข่งขันครั้งนี้
ขอแสดงความนับถือทุกคน