เดี๋ยวนี้เข้าปั๊มตามสถานีใหญ่ๆตามต่างจังหวัด ใน กทม ไม่ได้มีแค่หัวจ่ายน้ำมันอย่างเดียวแล้วครับ แต่ยังมีที่จ่ายไฟสำหรับรถไฟฟ้าติดตั้งเยอะขึ้น จริงๆตามหมู่บ้านใหญ่ๆเวลาผมไปคุยงานบ้านลูกค้าก็มีที่จ่ายไฟฟ้าเหมือนกันครับ และก็มีข่าวติดตั้งสถานีชาร์จมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมรู้สึกสนใจรถไฟฟ้ามากๆ เลยลองศึกษาดูเบื้องต้น ส่วนใหญ่จะเป็นตัวใหญ่ๆแบบรถของ tesla เลย ที่มีข้อมูลแน่นๆ ซึ่งเท่มาก คือมันสุดอ่ะครับ AI เอย Customize เองได้อีกต่างหากคือ มันสุดยอดของรถไฟฟ้าแล้ว แต่อันนี้ก็จะเกินกำลังในการซื้อและดูแลรักษาสำหรับผมไปมากๆ เลยลดสเปคลงมา ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็จ่ายไหวแน่นอน

จุดประสงค์ของผมที่อยากซื้อรถไฟฟ้าคือ มันประหยัดครับ ลองอ่านๆมาหลายๆที่ รวมๆแล้วจ่ายเป็นค่าไฟประหยัดกว่าค่าน้ำมันหลายเท่า และค่าบำรุงดูแลน้อยกว่าเพราะมันไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย ระยะทางเดี๋ยวนี้ก็ปรับวิ่งได้ไกลและเสถียรขึ้น ที่สำคัญ ลดโลกร้อนครับ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะ มันอยู่ในความสนใจผมมานานแล้วว่า เราควรจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานอย่างอื่นได้แล้วอ่ะครับ อย่างน้อยก็ลดใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองให้มันน้อยลงครับ

ทีนี้มาดูคร่าวๆเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ผมสรุปมาพอเข้าใจกันดีกว่าว่า ปัจจัยแต่ละอย่าง ส่วนประกอบ ประโยชน์ ความคุ้มค่าต่างๆ มันเป็นยังไง บอกเลยว่า แอบตกใจเหมือนกัน ที่พอมาหาอ่านแบบจริงจัง ในประเทศไทยของเรามีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหลายเจ้าที่เปิดขายและปรับเปลี่ยนพัฒนาจนเรียกได้ว่า ขับขี่ได้ใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไปเลยครับ

อย่างที่ทราบว่า รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน แต่ใช้ไฟฟ้า ดังนั้น หัวใจของมันก็คือ แบตเตอรี่ ถ้าแบตดี แบตอึด ก็จะยืดอายุการใช้งานได้ บางรุ่นแบตใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ปีค่อยเปลี่ยนครับ เป็นจุดที่เวลาเราซื้อรถเราต้องดูว่าแต่ละเจ้าเค้าเลือกใช้แบตยังไง แบบไหนให้กับรถของเรา ซึ่งแบตที่ดีที่สุดคือ แบต Lithium ที่จะมีรอบจำนวนในการชาร์ตเยอะกว่าแบตอื่นๆ (แบบ Lead Acid , Graphene Lead Acid จำนวนรอบจะน้อยกว่า Cycle จะอยู่ที่ 500-800 cycle เองครับ แต่ Lithium จะมี Cycle 1,000+ ขึ้นไป)

ความเร็ว อันนี้ก็สำคัญครับ ไม่ใช่แค่ประหยัดเงิน แต่ควรจะประหยัดเวลา เพราะผมขับไปทำงานก็อยากได้รถที่มันให้ความเร็วเท่ากับรถน้ำมันเครื่องได้หรือเทียบเคียง และมันเป็นจุดสำคัญของยานยนต์พวกนี้อยู่แล้ว ซึ่งจากที่หาข้อมูลมานะครับ มีหลายแบรนด์เลยทีเดียว ที่ทำความเร็วออกมาได้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับรถน้ำมันเครื่องบ้านเรา และสามารถขับลงถนนได้แบบถูกกฎหมายด้วย คือขับไปทำงานไปเที่ยวใกล้ไกลไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะงั้นจุดนี้ ดูที่ความเร็วของแต่ละคันได้ยาวๆไปเลย 

อีกอย่างที่ผมมองและคิดว่าทุกๆคนก็มองตรงจุดนี้เหมือนกันคือ การ Customize ที่เราเลือกเองได้และบริการหลังการขาย เพราะรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเนี่ย พูดตรงๆในบ้านเราคือ มันไม่ได้มีจุดบริการเปลี่ยนถ่ายซ่อมหลากหลายเหมือนรถทั่วๆไป เลยต้องการการดูแลการซ่อมบำรุงที่เรามั่นใจได้ว่า เกิดอะไรขึ้นมา จะมีจุดเปลี่ยนอะไหล่ จุดซ่อมบำรุงรองรับ ยิ่งบางแบรนด์ประกอบออกมาจากต่างประเทศ อะไหล่พังสักจุดนี่ ต้องยกเครื่องใหม่หมดหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องมาดูการรองรับของแต่ละแบรนด์อีกที และ Customize เองในบางจุดเพื่อให้ตรงกับความต้องการในการใช้งานของเราครับ ตัวอย่างที่ชัดๆคือ Tesla ที่มาแค่ตัวเครื่องเปล่าๆ ที่เหลือทั้งเบาะ โครง สี ภายในต่างๆ เรา Customize เองได้หมดเลยครับ

ที่เด่นๆอีกจุดของมอเตอร์ไซค์รถไฟฟ้าซึ่งแตกต่างจากรถทั่วไปแบบชัดเจนเลยนะคือ เสียงและควัน หายห่วงครับ เพราะรุ่นที่ผมไปเทสมาทุกคัน เสียงกริบ เงียบ ไม่รบกวน ไม่มีควัน ไม่มีท่อไอเสีย ซึ่งโอเคกับความต้องการของผมที่ต้องการลดการใช้พลังงานบางอย่างออกไปมากๆครับ คือ ตัวเองลดการใช้น้ำมันลงและไม่ปล่อยไอเสียเพิ่มขึ้นให้กับคนอื่นด้วย คือ รักษ์น้ำ รักปลา เอ้ย รักษ์โลก ถูกใจผมสุดๆเลยครับ /ไอ้เราก็ดูเป็นคนดีเหมือนกันนะ หยอกๆ

ส่วนรุ่นที่ผมสนใจ ผมมีสเปคคือ ต้องเร็วครับ ไวครับ ขับได้ดี คล่องตัว ลงถนนสบาย ชาร์จง่าย แบตอึด หลังบ้านต้องดี แล้วบัดเจ็ตผมมีประมาณ 100,000 บาท รวมเผื่อเหลือเผื่อขาดนิดหน่อย เวลาบวกเพิ่มอุปกรณ์เสริมหรืออัพแบต Customize แบบที่ผมชอบครับ ซึ่งรุ่นที่ผมสนใจจะมีอยู่ 3 ตัวครับ

ทั้ง 3 รุ่น ตอบโจทย์ผมตรงใช้แบต Lithium เหมือนกัน ความเร็ว 80 km/h และงบไม่เกิน 100,000 บาทครับ แต่ว่าก่อนหน้าจะมาเป็น 3 รุ่นนี้ ผมก็เล็งๆ AJ Z3 ไว้เหมือนกันนะ แต่ตัวแบตมันใช้แค่ Graphene lead-acid กังวลว่าจะขับไม่ได้นาน แบตเสื่อมเร็ว ก็ตัดออก เหลือแค่ 3 ตัวนี้ที่ใช้แบต Lithium ครับ

เริ่มรีวิวทีละตัวเลยแล้วกันนะครับ จะเป็นการรีวิวที่ผมได้เทสมาจากโชว์รูมของแต่ละแบรนด์ มีรูปที่ผมถ่ายมาเองจากมือถือนะครับ แต่ก็พยายามจะถ่ายมาให้สวยที่สุด เพราะเป็นรีวิวแรกที่ผมทำเองด้วย นานๆทีจะได้ดูรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นจริงเป็นจังก็อยากเก็บไว้ดูด้วย เสพส่วนตัวล้วนๆครับ

Deco Super Ace 
ราคา 52,900 บาท
ความเร็วสูงสุด 80 km/h
แบต Lithium 1,000-1,200 cycle

ตัวนี้เป็นตัวที่คนนิยมขับกันเยอะครับ คือตามท้องถนนจะเห็นรถของแบรนด์นี้บ่อยๆ ด้วยราคา ด้วยตัวรถมันสวยแบบพิมพ์นิยมครับ แล้ว Deco มีรถหลายรุ่นมากๆ หลายแบบ สวยๆทั้งนั้น เลยเป็นอีก 1 ตัวเลือกแรกๆที่ผมมองๆไว้ แล้วก็มาลงตัวที่รุ่น Super Ace ครับ เพราะตัวนี้จะใช้แบต LITHIUM MANGANATE ซึ่งจะมีรอบชาร์ตอยู่ที่ 1,000-1,200 cycle ตัวมอเตอร์อยู่ที่ 2,000 w ความเร็วสูงสุดได้ที่ 80 km/h ถือว่าเร็วมากๆ เทียบเคียงกับรถน้ำมันเลยครับ พอขับจริงก็ออกตัวได้ไว แบบวืดไปเลยเพราะยังไม่ชิน ตัวเครื่องเบา เสียงไม่ค่อยได้ยินนะ ขับแล้วทรงตัวง่ายครับ เพราะคันไม่สูงมาก สำหรับผู้ชายตัวนี้จะเหมือนเราขี่ zoomer x ครับ ทั้งตัวรถ ความสูงนะครับ ถือว่าขับง่ายมากๆ เบรกได้ดีครับ ไม่กระตุกกึก แต่ติดช่วงล่างนิดหน่อย เหมือนมันยังไม่แข็งแรง เพราะพอผมขับขึ้นเนินแล้วมันยวบๆกว่าปกติ รู้สึกช่วงล่างมันไม่นิ่มครับ ลุยน้ำได้ ไม่ช็อต เพราะทั้งเครื่องเค้าเคลือบไว้กันน้ำครับ แต่ไม่ใช่ท่วมแบบครึ่งคัน แบบนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ

เวลาชาร์จตัวนี้จะชาร์จเต็มที่ 3 ชม.ก็ถอดใช้ได้ครับ แต่จะถอดแบตหิ้วไปชาร์จในบ้านไม่ได้นะครับ ต้องไปจอดรถใกล้ๆปลั๊กแล้วดึงสายเสียบเอาจากรูใต้เบาะครับ เพราะตัวแบตไม่ได้ออกแบบมาให้เราสามารถหิ้วไปชาร์ตได้เลยครับ ซึ่งผมมองแล้วว่ามันไม่สะดวกกับผม เพราะผมอยู่คอนโด จะไปจอดรถหาที่เสียบปลั๊กก็ยากมากๆ คือ ถ้ามีก็ต้องแล้วแต่ดวงว่า วันนั้นจะมีคนจอดทับที่ผมมั้ยหรือยังไง อันนี้ก็ทดไว้ครับ ว่าอาจจะเป็นจุดที่ไม่สะดวกกับผมสักเท่าไหร่ครับ ส่วน GPS ความเร็วเสถียร ผมว่าไม่ค่อยตรงนะ จากที่ทดลองขับมาเหมือนเลขไมล์มันสูงเกินกว่าความเร็วรถที่เราขับอยู่ครับ อันนี้คือ ผมขับแบบวัดจาก GPS ที่ผมใช้เลยนะครับ เลขไมล์ค่อนข้างเพี้ยนไปมาก แล้วก็ตัวระบบ Turbo ที่เป็นความเร็วสูงสุดของเค้าจะขึ้นได้สูงสุดแค่ 10-15 วิฯครับ ใช้ขับตอนเวลาจะแซงเร่งความเร็วไรงี้อ่ะครับ เพราะพอหลัง 10 วิฯไปมันจะเบาลง กลับไปที่โหมดความเร็วเท่าเดิม ซึ่งถ้าจะกดอีกก็ต้องรอสักพักถึงจะกดโหมด Turbo ได้อีกครั้งครับ แต่ส่วนตัวผมแนะนำว่าไม่ต้องใช้หรอกครับ เพราะความเร็วปกติ (70 km/h) มันก็โอเคอยู่แล้วครับ 

กุญแจรถครับ มีปุ่มปลด-ล็อครถ มีสัญญาณกันขโมย เวลาคนไปจับเหมือนรถยนต์อ่ะครับ 
มันจะร้องดังเลย จนกว่าเราจะกดปิดมันถึงจะเงียบ เวิร์คมากๆครับ

ส่วนบริการหลังการขายรุ่นนี้จะมีประกันมอเตอร์ 3 ปี แบตเตอรี่ 2 ปี และชุดไฟฟ้า 1 ปีตามลำดับครับ ซึ่งดูจากตัวแบตที่ชาร์จรอบได้ไม่มาก ผมคิดว่า 3 ปีก็น่าจะได้เปลี่ยนแบตแล้วครับ customize แบตได้ อะไหล่ต่างๆก็ปรับแต่งได้เหมือนรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปตามต้องการเลยครับ กรณีมีซ่อม มีการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ ต้องติดต่อที่ศูนย์บริการของเค้าที่ใกล้บ้าน ซึ่งต้องติดต่อผ่านทางเพจของเค้าครับ ไม่ก็เบอร์โทรจากศูนย์ที่เราซื้อมาแล้วเค้าจะติดต่อศูนย์ที่ใกล้ที่สุดให้กับเราอีกทีครับ