อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มูลปริยายวรรคมูลปริยายสูตร ว่าด้วยมูลเหตุแห่งธรรมทั้งปวง
หน้าต่างที่ ๕ / ๕.
อธิบายคำว่า ตถาคต
พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงความเป็นไปของพระขีณาสพในวัตถุธาตุทั้งหลายมีปฐวีเป็นต้นอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะทรงแสดงความเป็นไปของพระองค์เอง จึงตรัสคำเป็นต้นว่า ตถาคโตปิ ภิกฺขเว ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น ในบทว่า ตถาคโต มีวินิจฉัยดังนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเรียกว่า ตถาคต ด้วยเหตุ ๘ อย่างคือ
(๑) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จมาแล้วอย่างนั้น,
(๒) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จไปแล้วอย่างนั้น,
(๓) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จมาสู่ลักษณะอันแท้,
(๔) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรมอันแท้ตามเป็นจริง,
(๕) เรียกว่าตถาคต เพราะทรงเห็นแท้จริง,
(๖) เรียกว่าตถาคต เพราะตรัสวาจาจริง,
(๗) เรียกว่าตถาคต เพราะทรงทำจริง,
(๘) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าครอบงำ.
--------------------------
ที่มา
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12.0&i=1&p=5
---------------------------
ตถาคตผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น
ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จมาแล้วอย่างนั้น อย่างไร?
ตอบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ทรงถึงการขวนขวายเสด็จมาเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกทั้งปวงโดยประการใด เหมือนอย่างว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ๑ ทรงพระนามว่า สิขี ๑ ทรงพระนามว่า เวสสภู ๑ ทรงพระนามว่า กกุสันธะ ๑ ทรงพระนามว่า โกนาคมนะ ๑ ทรงพระนามว่า กัสสปะ ๑ เสด็จมาเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกฉันใด (พระผู้มีพระภาคเจ้าของเรานี้ ก็เสด็จมาเพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวโลกฉันนั้นเหมือนกัน).
ท่านกล่าวอธิบายไว้อย่างไร?
ท่านกล่าวอธิบายไว้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้นเสด็จมาด้วยอภินิหารใด พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายก็เสด็จมาด้วยอภินิหารนั้นเหมือนกัน.
อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ ทรงบำเพ็ญทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี ได้ทรงบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศนี้ คือ บารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ ทั้งได้ทรงบำเพ็ญมหาบริจาค ๕ อย่างเหล่านี้ คือ ทรงบริจาคอวัยวะ ดวงพระเนตร พระราชทรัพย์ ราชสมบัติ โอรสและมเหสี ทรงบำเพ็ญบุพพประโยค บุพพจริยา การสอนธรรมและญาตัตถจริยาเป็นต้น มาจนถึงที่สุดด้วยพุทธจริยาฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ของเรา ก็เสด็จมาฉันนั้น.
อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ เสด็จมาบำเพ็ญเพิ่มพูนสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘ ฉันใด แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายก็เสด็จมาฉันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแล้วโดยประการนั้น อย่างนี้ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงพระนามว่า พระตถาคต.
พระมุนีทั้งหลายมีวิปัสสีพุทธเจ้าเป็นต้น ได้เสด็จมา
ถึงความเป็นพระสัพพัญญูในโลกนี้ โดยประการใด
แม้พระศากยมุนีก็เสด็จมาโดยประการนั้น ด้วยเหตุ
นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีจักษุ ท่านจึงเรียกว่า
พระตถาคต ดังนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแล้วโดยประการนั้น ดังพรรณนามาอย่างนี้ ฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า พระตถาคต.
--------------------------
มีต่อตามลิงค์ครับ
ตถาคต
หน้าต่างที่ ๕ / ๕.
อธิบายคำว่า ตถาคต
พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงความเป็นไปของพระขีณาสพในวัตถุธาตุทั้งหลายมีปฐวีเป็นต้นอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะทรงแสดงความเป็นไปของพระองค์เอง จึงตรัสคำเป็นต้นว่า ตถาคโตปิ ภิกฺขเว ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น ในบทว่า ตถาคโต มีวินิจฉัยดังนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเรียกว่า ตถาคต ด้วยเหตุ ๘ อย่างคือ
(๑) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จมาแล้วอย่างนั้น,
(๒) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จไปแล้วอย่างนั้น,
(๓) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จมาสู่ลักษณะอันแท้,
(๔) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรมอันแท้ตามเป็นจริง,
(๕) เรียกว่าตถาคต เพราะทรงเห็นแท้จริง,
(๖) เรียกว่าตถาคต เพราะตรัสวาจาจริง,
(๗) เรียกว่าตถาคต เพราะทรงทำจริง,
(๘) เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่าครอบงำ.
--------------------------
ที่มา https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12.0&i=1&p=5
---------------------------
ตถาคตผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น
ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าตถาคต เพราะอรรถว่าเสด็จมาแล้วอย่างนั้น อย่างไร?
ตอบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ทรงถึงการขวนขวายเสด็จมาเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกทั้งปวงโดยประการใด เหมือนอย่างว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ๑ ทรงพระนามว่า สิขี ๑ ทรงพระนามว่า เวสสภู ๑ ทรงพระนามว่า กกุสันธะ ๑ ทรงพระนามว่า โกนาคมนะ ๑ ทรงพระนามว่า กัสสปะ ๑ เสด็จมาเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกฉันใด (พระผู้มีพระภาคเจ้าของเรานี้ ก็เสด็จมาเพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวโลกฉันนั้นเหมือนกัน).
ท่านกล่าวอธิบายไว้อย่างไร?
ท่านกล่าวอธิบายไว้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้นเสด็จมาด้วยอภินิหารใด พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายก็เสด็จมาด้วยอภินิหารนั้นเหมือนกัน.
อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ ทรงบำเพ็ญทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี ได้ทรงบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศนี้ คือ บารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ ทั้งได้ทรงบำเพ็ญมหาบริจาค ๕ อย่างเหล่านี้ คือ ทรงบริจาคอวัยวะ ดวงพระเนตร พระราชทรัพย์ ราชสมบัติ โอรสและมเหสี ทรงบำเพ็ญบุพพประโยค บุพพจริยา การสอนธรรมและญาตัตถจริยาเป็นต้น มาจนถึงที่สุดด้วยพุทธจริยาฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ของเรา ก็เสด็จมาฉันนั้น.
อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ เสด็จมาบำเพ็ญเพิ่มพูนสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘ ฉันใด แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายก็เสด็จมาฉันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแล้วโดยประการนั้น อย่างนี้ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงพระนามว่า พระตถาคต.
พระมุนีทั้งหลายมีวิปัสสีพุทธเจ้าเป็นต้น ได้เสด็จมา
ถึงความเป็นพระสัพพัญญูในโลกนี้ โดยประการใด
แม้พระศากยมุนีก็เสด็จมาโดยประการนั้น ด้วยเหตุ
นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีจักษุ ท่านจึงเรียกว่า
พระตถาคต ดังนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแล้วโดยประการนั้น ดังพรรณนามาอย่างนี้ ฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า พระตถาคต.
--------------------------
มีต่อตามลิงค์ครับ