🙍🏻♂️ตามที่พูดไว้ว่าจะมารีวิววิธีหางาน ในยุคที่ทุกคนบอกว่าเศรษฐกิจตกต่ำ หางานยาก😨 ยาวหน่อยนะครับอดทนอ่านหน่อยนร้า🧐🧐🧐
🙏🏻ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่คนเก่งเลย สมัยเรียนก็รอดไปแบบพอใช้ๆ มีทุกอย่างได้ทั้งหมดก็เพราะความพยายาม บอกไว้ก่อนเผื่อมีคนอ่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้ว่าอวดเก่ง🙏🏻
✨การันตีด้วยการจบมาแล้วทำงานเลยไม่มีช่วงว่างงาน พอจะเปลี่ยนบริษัท ก็มีตัวเลือกให้เลือก ถึง 6 ตัวเลือกที่ตกลงจ้างเข้าทำงาน✨
👉บริษัทเค้าไม่ได้ชอบแค่คนที่เก่งแต่ที่เค้าชอบกว่าคนเก่งคือคนที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆต่างหาก👈
👉ไปเริ่มกันเลยครับ👇
———————————————————————————
📍ขั้นตอนการสมัครงาน📍
1. เตรียมโปรไฟล์ตัวเองให้ดีที่สุดตั้งแต่สมัยเรียนทั้งด้านกิจกรรม และด้านการเรียน ( ใครที่ไม่ได้เตรียมการตรงนี้มาก็ไม่ต้องตกใจและกังวลไปนะครับเพราะผมก็ไม่ได้เตรียมตัวมาดีเท่าไหร่ในเรื่องการเรียน แต่ด้านกิจกรรมบอกเลยว่านัมเบอร์วัน )
2. เตรียม Resume/Potforio ให้มีความน่าสนใจทั้งในเชิงข้อมูลแล้วก็รูปแบบการออกแบบที่สวยงามและโดดเด่น เพราะโปรไฟล์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ผลงานเยอะก็มีผลต่อการติดสินใจรับคุณเข้าทำงานเช่นกัน โดยเฉพาะสายออกแบบ เพราะถ้าคุณมีงานให้เค้าดูเยอะบางที่อาจตัดขั้นตอนเทสงานออกไปได้
3. ฝึกทักษะต่างๆรอบตัวให้ได้มากที่สุด ( ทักษะที่เกี่ยวกับงานที่ตัวเองจะทำ ) จำไว้เสมอว่าไม่มีบริษัทไหนที่จะจ้างพนักงานที่ทำเป็นอยู่อย่างเดียว ต่อให้ทักษะอื่นๆที่นอกเหนือจากงานหลักจะไม่ดี 100% แต่ทุกอย่างมันสามารถเอามาเรียนรู้และต่อยอดเพิ่มเติมได้
4. สมัครงาน ผมหางานโดยใช้เว็บ JobThai (กดสมัครโดยใช้วิธีกรอกข้อมูลแบบย่อ อีกวิธีคือถ้าบริษัทไหนที่เราสมัครมีไลน์ให้ ก็กดแอดไลน์เค้าไปเลยแล้วถามว่ายังรับสมัครพนักงานตำแหน่ง….อยู่หรือป่าวครับ วิธีนี้จะเร็วและมีโอการถูกเรียกสัมภาษณ์สูงพอสมควรมากกว่าการสมัครผ่านเว็บ ( อย่าลืมนะครับทุกข้อความที่จะพิมพ์หรือตอบไปควรมีหางเสียงเสมอให้ดูเราเป็นเด็กอ่อนน้อม แต่แฝงไปด้วยความเป็นมืออาชีพ ) ถ้าสนใจงานไหนแล้วอ่านเจอว่าเค้าต้องการคนมีประสบการณ์ 1 ปี หรือมากกว่านั้นก็อย่าได้แคร์ กดสมัครไปเถอะด้านเข้าไว้ เพราะผมก็เคยได้งานจากที่ที่ต้องการคนมีประสบการณ์ทั้งที่ผมเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่ เพราะบางทีการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลเช่นกัน
———————————————————————————
📍ขั้นตอนการสัมภาษณ์งาน📍
บริษัทไหนที่นัดสัมภาษณ์ก็ควรไปให้หมดไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่อย่างทิ้งไปเฉยๆเพราะนั่นคือโอกาสของคุณ แต่ถ้าจะไม่ไปก็ควรโทรแจ้งปฏิเสธห้ามเงียบหายเพราะคุณจะเสียประวัติกับบริษัทนี้ทันที
1. การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ถึงในชีวิตจริงเราอาจจะสายในทุกๆนัดของเพื่อนแต่เรื่องงานเราไม่ควรสาย เพราะมันคือความประทับใจในแรกที่จะเกิดขึ้นกับเราในสายตาของ HR ควรเผื่อเวลาก่อนเวลานัดสักครึ่งชั่วโมงก็ดีเพื่อไปกรอกใบสมัคร แต่การไปตรงเวลาก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะบางที HR เค้าก็นัดเวลาเราไว้เผื่อการกรอกใบสมัครอยู่แล้ว ปากกา หรือน้ำยาลบข้อความไม่ควรลืม การยื่มบริษัทที่เราไปสมัครถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรที่สุด
📝ประสบการณ์จริง📝
มีครั้งนึ่งผมไปสายกว่าเวลาที่บริษัทนัดไว้ 10 นาที ซึ่งตอนนั้นก็แอบนอยแล้วว่าไม่ได้งานที่นี่แล้วแน่เพราะแค่ครั้งแรกเราก็ทำเสียส่ะแล้ว แต่ถึงยังไงเราก็ต้องยิ้มเข้าไว้ห้ามแสดงอาการนอยหรือกลัว ให้ทางบริษัทเห็นเป็นอันขาด ( บริษัทนี้ที่ผมไปสายเค้าตัดสินใจรับผมเข้าทำงานนะครับถึงจะไปสายตั้งแต่ครั้งแรกเลยก็ตาม อ่านข้อต่อไปแล้วจะรู้ว่าทำไมเค้าถึงยังรับเด็กที่สายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเข้าทำงาน ) แต่ผมไม่ได้ตกลงทำงานกับบริษัทนี้นะครับเพราะมีตัวเลือกถึง 4 ตัวเลือกที่รับเราเข้าทำงาน
2. กรอกใบสมัครเรียบร้อยแล้วควรแนบเอกสารทุกอย่างให้ครบถ้วนมากที่สุดเท้าที่เราจะทำได้ แต่ถ้าขาดอะไรไปก็ไม่ต้องตกใจแค่แจ้ง HR. ดีๆว่าเราลืมเอกมาหรือติดปัญหาตรงไหน แต่ที่สำคัญจริงคือห้ามลืมบัตรประจำตัวประชาชนครับ ( ปัญหาเอกสารไม่ครบไม่ต้องตกใจไม่มีผลต่อการรับเข้าทำงานถ้าคุณคุยกับเค้าอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา )
3. การเข้าห้องสัมภาษณ์ เราควรเข้าไปด้วยการเริ่มต้นจากการไหว้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น เข้าไปด้วยความมั่นใจเชิดเข้าไว้ เชิดแบบมั่นใจนะไม่ใช่เชิดแบบหยิ่ง ทำให้ตัวเองดูเป็นมิตรที่สุด การพูดจาต้องมั่นใจในทุกคำพูดที่พูดออกไป ถ้านึกไม่ออกว่าต้องทำยังไงให้นึกไว้ว่าความเป็นทางการคือความน่าเชื่อถือที่ดีที่สุด พอเข้าห้องสัมภาษณ์นั่งที่เรียบร้อยให้สังเกตด้วยสายตาว่าคนที่มาสัมภาษณ์เรา พร้อมรึยัง ถ้าสังเกตเห็นว่าทุกอย่างดูพร้อมแล้ว ให้สบตาคนมาสัมภาษณ์เพื่อบ่งบอกว่าฉันพร้อมแล้วที่จะให้พวกคุณสัมภาษณ์ฉัน
🔍เริ่มโดยการแนะนำตัวเอง🔍
จำไว้เสมอว่าความสามารถของเราจะมีมากมีน้อยขึ้นอยู่ที่การพูดและนำเสนอตัวเราเอง ให้บอกความสามารถที่ตัวเองมีก่อนที่เค้าจะถามหา
- ชื่อ/สกุล/ชื่อเล่น/อายุ
- จบอะไรมา/จบจากที่ไหน/คณะอะไร/สาขาอะไร
- ถ้ามีประสบการณ์ทำงานก็ควรเริ่มอธิบายเริ่มจากที่แรกที่ทำจนถึงลำดับสุดท้าย โดยต้องบอกระยะเวลาที่ทำอยู่ที่เดิมแล้วก็เหตุผลคุณออกมาจากที่เดิมทำไม เลือกใช้คำที่เหมาะสมตามที่คิดว่ามันจะไม่มีผลเสียต่อตัวเอง แต่ความจริงก็สำคัญ (ฝึกงานก็นับเป็นประสบการณ์การทำงานนะครับ)ควรบอกเค้าไปด้วย
- ควรพูดแนะนำตัวเองให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เคยทำ หรือที่เคยเข้าร่วม ทั้งสมัยเรียนอยู่หรือช่วงที่ทำงานอยู่ที่อื่น
- การพูดเยอะจะเป็นการตัดช้อยคำถามที่จะเกิดขึ้นจากกรรมการที่สัมภาษณ์เรา
- เวลากรรมการสัมภาษณ์ถามคำถามให้ตอบด้วยความมั่นใจที่สุด ถ้างงคำถามก็แค่ให้เค้าอธิบายคำถามอีกครั้งไม่เสียหายอะไร แถมยังทำให้เรามีเวลาเพิ่มในการประมวลคำตอบที่จะตอบเพิ่มด้วย
- ไม่ควรเกิดการถามคำตอบคำ ถ้าเค้าถาม 1 คำ เราควรตอบ 10 คำ คำตอบที่ตอบ ควรมีเหตุผลซับพอร์ตเสมอ
- เวลานั่งสัมภาษณ์ห้ามมีสักนาทีที่คุณหลบตากรรมการสัมภาษณ์ ถ้าไม่ไหวก็แค่ยิ้มกว้างเพื่อกลบความประมาทก็พอ
- ถ้ากรรมการมีหลายคนควรสบตาคนที่พูดกับเราเป็นคนๆไป คำว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจใช้ได้เสมอ
📝ประสบการณ์ที่ที่ติดใจ📝
เป็นครั้งเดียวกับที่ผมไปสาย พอกรรมการได้สัมภาษณ์ผมจนเหมือนใกล้จะเสร็จ (ที่นี่สัมภาษณ์โดยผู้บริหาร)
กรรมการสัมภาษณ์ : ได้ข่าวว่าวันนี้คุณมาสายหรอวันนี้
ผม : ผมก็ยอมรับไปตรงๆว่าครับผมมาสาย
กรรมการสัมภาษณ์ : ทำไมคุณถึงมาสายได้นี่มันนัดสัมภาษณ์งานนะไม่กลัวไม่ได้งานหรอ
ผม : ผมคาดการณ์เวลาผิดครับไม่คิดว่ารถจะติดจึงทำให้มาสายในวันนี้ครับ
กรรมการสัมภาษณ์ : อันนี้เป็นเหตุผลหรือข้ออ้าง
ผม : ถ้าคิดว่าคำตอบดังกล่าวมันเป็นข้ออ้างมันก็เป็นข้ออ้างครับเพราะผมไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นความผิดของผม เหตุผลที่ผมมาสายที่บอกไปนั้นผมไม่ได้ต้องการแก้ตัวแล้วโยนความผิดหนีไป ผมยอมรับว่าผมผิดจริงครับ
กรรมการสัมภาษณ์ : โอเคขอบคุณมากสำหรับคำตอบที่ตรงไปตรงมา ขอบคุณที่มาเจอกัน
ตอนนั้นคือคิดว่าตัวเองคงไม่มีหวังแล้วกับงานที่นี่ ผ่านไป 2 ชั่วโมง HR. ได้ติดต่อมาแจ้งข่าวว่าทางผู้บริหารตัดสินใจรับคุณเข้าทำงานนะคะ ผมเลยบอกว่าผมไม่คิดว่าผมจะได้งานที่นี่เลยนะครับตั้งแต่ที่ไปสายแล้ว แต่คำตอบที่ผมได้จาก HR. คือผู้บริหารฝากมาบอกว่าเค้าชอบที่คุณไม่แก้ตัว ผิดก็รับว่าผิด ( สิ่งที่ผมจะบอกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด กล้ารับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น )
———————————————————————————
⚡️คำถามที่พบบ่อยที่สุด/ที่สำคัญ⚡️
- พักอยู่แถวไหน/อยู่ไกลที่ทำงานรึป่าว = ตอบไปตามความจริง ถ้าอยู่ไกลก็บอกอยู่ไหน แล้วค่อยย้ำทีหลังว่าการเดินทางไม่เป็นอุปสรรคในการมาทำงาน
- ข้อดี/ข้อเสียตัวเรา = อันนี้ควรตอบให้กลางที่สุดถ้าไม่รู้ว่าอะไรคือข้อดีและข้อเสียของเรา แต่จริงๆคนเราควรรู้ข้อดีและข้อเสียของตัวเองจะดีกว่าตอบกลาง เพราะนี่อาจเป็นคำถามชี้ขาดว่าเค้าจะรับคุณหรือไม่
- ถ้าต้องเป็นผู้นำจะเป็นได้หรือป่าว = ตอบไปเถอะว่าได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้รึเปล่าก็ตอบเสริมไปในเชิงว่าเราอาจไม่ใช่ผู้นำที่ดีที่สุดแต่ที่เรามีคือความพยายามที่จะทำให้ดีที่สุด สำหรับผมที่ตอบไปคือสามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ พร้อมโยงไปใส่ประสบการณ์การทำกิจกรรมในรั้วมหาลัยที่เคยผ่านมาว่าเราเป็นผู้นำอะไรบ้าง
- ถ้าต้องเป็นผู้ตามจะมีปัญหารึเปล่า = ควรตอบว่าไม่มีปัญหา พร้อมบอกเหตุผลซับพอร์ต สำหรับผมให้เหตุผลไปว่าผมเข้าใจดีว่าการทำงานทุกอย่างล้วนมีทีมเสมอ และในทีมก็มีทั้งผู้นำและผู้ตาม งานจะออกมาดีได้ก็ต่อเมื่อทุกคนร่วมมือกัน เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเลยครับผมพร้อมจะเป็นผู้ตามที่ดีและซับพอร์ตทีมอย่างดีแน่นอน
———————————————————————————
📍และถ้ามีตัวเลือกหลายตัวเลือกให้เราต้องเลือกเข้าทำงานคือ📍
1. มั่นคงในระยะยาว ✨
2. เงินดี 💵
3. สังคม (อันนี้ต้องไปเสี่ยงดวงเอาเองตอนเริ่มงาน) 👩🦰👨🦰
———————————————————————————
💪🏻ถ้ามีคู่แข่งก็อย่าไปกลัว มั่นใจเข้าไว้เพราะฉันนี่แหล่ะคือคนที่จะต้องได้งานนี้ไม่ใช่เธอ💪🏻
🌻 ควรทำให้ตัวเองดูเป็นคนที่พร้อมพัฒนามากกว่าเป็นคนที่เก่งที่ไม่รับอะไรแล้ว เป็นน้ำครึ่งแก้ว ดีกว่าเป็นน้ำเต็มแก้ว 🌻
ใครที่กำลังหางานอยู่ก็สู่ๆนะครับงานมันไม่ได้หายากขนาดนั้นถ้าคุณตั้งใจจริงๆ แต่ถ้าตั้งใจแล้วยังรู้สึกว่ามันยากอยู่ ก็จงพยายามต่อไป ไม่มีใครพยายามร้อยครั้ง แล้วล้มเหลวร้อยครั้ง
สนใจขอดูตัวอย่างได้นะครับ 👉 Resume/Potforio
รีวิววิธีหางาน ในยุคที่ทุกคนบอกว่าเศรษฐกิจตกต่ำ หางานยาก
🙏🏻ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่คนเก่งเลย สมัยเรียนก็รอดไปแบบพอใช้ๆ มีทุกอย่างได้ทั้งหมดก็เพราะความพยายาม บอกไว้ก่อนเผื่อมีคนอ่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้ว่าอวดเก่ง🙏🏻
✨การันตีด้วยการจบมาแล้วทำงานเลยไม่มีช่วงว่างงาน พอจะเปลี่ยนบริษัท ก็มีตัวเลือกให้เลือก ถึง 6 ตัวเลือกที่ตกลงจ้างเข้าทำงาน✨
👉บริษัทเค้าไม่ได้ชอบแค่คนที่เก่งแต่ที่เค้าชอบกว่าคนเก่งคือคนที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆต่างหาก👈
👉ไปเริ่มกันเลยครับ👇
———————————————————————————
📍ขั้นตอนการสมัครงาน📍
1. เตรียมโปรไฟล์ตัวเองให้ดีที่สุดตั้งแต่สมัยเรียนทั้งด้านกิจกรรม และด้านการเรียน ( ใครที่ไม่ได้เตรียมการตรงนี้มาก็ไม่ต้องตกใจและกังวลไปนะครับเพราะผมก็ไม่ได้เตรียมตัวมาดีเท่าไหร่ในเรื่องการเรียน แต่ด้านกิจกรรมบอกเลยว่านัมเบอร์วัน )
2. เตรียม Resume/Potforio ให้มีความน่าสนใจทั้งในเชิงข้อมูลแล้วก็รูปแบบการออกแบบที่สวยงามและโดดเด่น เพราะโปรไฟล์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ผลงานเยอะก็มีผลต่อการติดสินใจรับคุณเข้าทำงานเช่นกัน โดยเฉพาะสายออกแบบ เพราะถ้าคุณมีงานให้เค้าดูเยอะบางที่อาจตัดขั้นตอนเทสงานออกไปได้
3. ฝึกทักษะต่างๆรอบตัวให้ได้มากที่สุด ( ทักษะที่เกี่ยวกับงานที่ตัวเองจะทำ ) จำไว้เสมอว่าไม่มีบริษัทไหนที่จะจ้างพนักงานที่ทำเป็นอยู่อย่างเดียว ต่อให้ทักษะอื่นๆที่นอกเหนือจากงานหลักจะไม่ดี 100% แต่ทุกอย่างมันสามารถเอามาเรียนรู้และต่อยอดเพิ่มเติมได้
4. สมัครงาน ผมหางานโดยใช้เว็บ JobThai (กดสมัครโดยใช้วิธีกรอกข้อมูลแบบย่อ อีกวิธีคือถ้าบริษัทไหนที่เราสมัครมีไลน์ให้ ก็กดแอดไลน์เค้าไปเลยแล้วถามว่ายังรับสมัครพนักงานตำแหน่ง….อยู่หรือป่าวครับ วิธีนี้จะเร็วและมีโอการถูกเรียกสัมภาษณ์สูงพอสมควรมากกว่าการสมัครผ่านเว็บ ( อย่าลืมนะครับทุกข้อความที่จะพิมพ์หรือตอบไปควรมีหางเสียงเสมอให้ดูเราเป็นเด็กอ่อนน้อม แต่แฝงไปด้วยความเป็นมืออาชีพ ) ถ้าสนใจงานไหนแล้วอ่านเจอว่าเค้าต้องการคนมีประสบการณ์ 1 ปี หรือมากกว่านั้นก็อย่าได้แคร์ กดสมัครไปเถอะด้านเข้าไว้ เพราะผมก็เคยได้งานจากที่ที่ต้องการคนมีประสบการณ์ทั้งที่ผมเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่ เพราะบางทีการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลเช่นกัน
———————————————————————————
📍ขั้นตอนการสัมภาษณ์งาน📍
บริษัทไหนที่นัดสัมภาษณ์ก็ควรไปให้หมดไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่อย่างทิ้งไปเฉยๆเพราะนั่นคือโอกาสของคุณ แต่ถ้าจะไม่ไปก็ควรโทรแจ้งปฏิเสธห้ามเงียบหายเพราะคุณจะเสียประวัติกับบริษัทนี้ทันที
1. การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ถึงในชีวิตจริงเราอาจจะสายในทุกๆนัดของเพื่อนแต่เรื่องงานเราไม่ควรสาย เพราะมันคือความประทับใจในแรกที่จะเกิดขึ้นกับเราในสายตาของ HR ควรเผื่อเวลาก่อนเวลานัดสักครึ่งชั่วโมงก็ดีเพื่อไปกรอกใบสมัคร แต่การไปตรงเวลาก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะบางที HR เค้าก็นัดเวลาเราไว้เผื่อการกรอกใบสมัครอยู่แล้ว ปากกา หรือน้ำยาลบข้อความไม่ควรลืม การยื่มบริษัทที่เราไปสมัครถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรที่สุด
📝ประสบการณ์จริง📝
มีครั้งนึ่งผมไปสายกว่าเวลาที่บริษัทนัดไว้ 10 นาที ซึ่งตอนนั้นก็แอบนอยแล้วว่าไม่ได้งานที่นี่แล้วแน่เพราะแค่ครั้งแรกเราก็ทำเสียส่ะแล้ว แต่ถึงยังไงเราก็ต้องยิ้มเข้าไว้ห้ามแสดงอาการนอยหรือกลัว ให้ทางบริษัทเห็นเป็นอันขาด ( บริษัทนี้ที่ผมไปสายเค้าตัดสินใจรับผมเข้าทำงานนะครับถึงจะไปสายตั้งแต่ครั้งแรกเลยก็ตาม อ่านข้อต่อไปแล้วจะรู้ว่าทำไมเค้าถึงยังรับเด็กที่สายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเข้าทำงาน ) แต่ผมไม่ได้ตกลงทำงานกับบริษัทนี้นะครับเพราะมีตัวเลือกถึง 4 ตัวเลือกที่รับเราเข้าทำงาน
2. กรอกใบสมัครเรียบร้อยแล้วควรแนบเอกสารทุกอย่างให้ครบถ้วนมากที่สุดเท้าที่เราจะทำได้ แต่ถ้าขาดอะไรไปก็ไม่ต้องตกใจแค่แจ้ง HR. ดีๆว่าเราลืมเอกมาหรือติดปัญหาตรงไหน แต่ที่สำคัญจริงคือห้ามลืมบัตรประจำตัวประชาชนครับ ( ปัญหาเอกสารไม่ครบไม่ต้องตกใจไม่มีผลต่อการรับเข้าทำงานถ้าคุณคุยกับเค้าอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา )
3. การเข้าห้องสัมภาษณ์ เราควรเข้าไปด้วยการเริ่มต้นจากการไหว้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น เข้าไปด้วยความมั่นใจเชิดเข้าไว้ เชิดแบบมั่นใจนะไม่ใช่เชิดแบบหยิ่ง ทำให้ตัวเองดูเป็นมิตรที่สุด การพูดจาต้องมั่นใจในทุกคำพูดที่พูดออกไป ถ้านึกไม่ออกว่าต้องทำยังไงให้นึกไว้ว่าความเป็นทางการคือความน่าเชื่อถือที่ดีที่สุด พอเข้าห้องสัมภาษณ์นั่งที่เรียบร้อยให้สังเกตด้วยสายตาว่าคนที่มาสัมภาษณ์เรา พร้อมรึยัง ถ้าสังเกตเห็นว่าทุกอย่างดูพร้อมแล้ว ให้สบตาคนมาสัมภาษณ์เพื่อบ่งบอกว่าฉันพร้อมแล้วที่จะให้พวกคุณสัมภาษณ์ฉัน
🔍เริ่มโดยการแนะนำตัวเอง🔍
จำไว้เสมอว่าความสามารถของเราจะมีมากมีน้อยขึ้นอยู่ที่การพูดและนำเสนอตัวเราเอง ให้บอกความสามารถที่ตัวเองมีก่อนที่เค้าจะถามหา
- ชื่อ/สกุล/ชื่อเล่น/อายุ
- จบอะไรมา/จบจากที่ไหน/คณะอะไร/สาขาอะไร
- ถ้ามีประสบการณ์ทำงานก็ควรเริ่มอธิบายเริ่มจากที่แรกที่ทำจนถึงลำดับสุดท้าย โดยต้องบอกระยะเวลาที่ทำอยู่ที่เดิมแล้วก็เหตุผลคุณออกมาจากที่เดิมทำไม เลือกใช้คำที่เหมาะสมตามที่คิดว่ามันจะไม่มีผลเสียต่อตัวเอง แต่ความจริงก็สำคัญ (ฝึกงานก็นับเป็นประสบการณ์การทำงานนะครับ)ควรบอกเค้าไปด้วย
- ควรพูดแนะนำตัวเองให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เคยทำ หรือที่เคยเข้าร่วม ทั้งสมัยเรียนอยู่หรือช่วงที่ทำงานอยู่ที่อื่น
- การพูดเยอะจะเป็นการตัดช้อยคำถามที่จะเกิดขึ้นจากกรรมการที่สัมภาษณ์เรา
- เวลากรรมการสัมภาษณ์ถามคำถามให้ตอบด้วยความมั่นใจที่สุด ถ้างงคำถามก็แค่ให้เค้าอธิบายคำถามอีกครั้งไม่เสียหายอะไร แถมยังทำให้เรามีเวลาเพิ่มในการประมวลคำตอบที่จะตอบเพิ่มด้วย
- ไม่ควรเกิดการถามคำตอบคำ ถ้าเค้าถาม 1 คำ เราควรตอบ 10 คำ คำตอบที่ตอบ ควรมีเหตุผลซับพอร์ตเสมอ
- เวลานั่งสัมภาษณ์ห้ามมีสักนาทีที่คุณหลบตากรรมการสัมภาษณ์ ถ้าไม่ไหวก็แค่ยิ้มกว้างเพื่อกลบความประมาทก็พอ
- ถ้ากรรมการมีหลายคนควรสบตาคนที่พูดกับเราเป็นคนๆไป คำว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจใช้ได้เสมอ
📝ประสบการณ์ที่ที่ติดใจ📝
เป็นครั้งเดียวกับที่ผมไปสาย พอกรรมการได้สัมภาษณ์ผมจนเหมือนใกล้จะเสร็จ (ที่นี่สัมภาษณ์โดยผู้บริหาร)
กรรมการสัมภาษณ์ : ได้ข่าวว่าวันนี้คุณมาสายหรอวันนี้
ผม : ผมก็ยอมรับไปตรงๆว่าครับผมมาสาย
กรรมการสัมภาษณ์ : ทำไมคุณถึงมาสายได้นี่มันนัดสัมภาษณ์งานนะไม่กลัวไม่ได้งานหรอ
ผม : ผมคาดการณ์เวลาผิดครับไม่คิดว่ารถจะติดจึงทำให้มาสายในวันนี้ครับ
กรรมการสัมภาษณ์ : อันนี้เป็นเหตุผลหรือข้ออ้าง
ผม : ถ้าคิดว่าคำตอบดังกล่าวมันเป็นข้ออ้างมันก็เป็นข้ออ้างครับเพราะผมไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นความผิดของผม เหตุผลที่ผมมาสายที่บอกไปนั้นผมไม่ได้ต้องการแก้ตัวแล้วโยนความผิดหนีไป ผมยอมรับว่าผมผิดจริงครับ
กรรมการสัมภาษณ์ : โอเคขอบคุณมากสำหรับคำตอบที่ตรงไปตรงมา ขอบคุณที่มาเจอกัน
ตอนนั้นคือคิดว่าตัวเองคงไม่มีหวังแล้วกับงานที่นี่ ผ่านไป 2 ชั่วโมง HR. ได้ติดต่อมาแจ้งข่าวว่าทางผู้บริหารตัดสินใจรับคุณเข้าทำงานนะคะ ผมเลยบอกว่าผมไม่คิดว่าผมจะได้งานที่นี่เลยนะครับตั้งแต่ที่ไปสายแล้ว แต่คำตอบที่ผมได้จาก HR. คือผู้บริหารฝากมาบอกว่าเค้าชอบที่คุณไม่แก้ตัว ผิดก็รับว่าผิด ( สิ่งที่ผมจะบอกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด กล้ารับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น )
———————————————————————————
⚡️คำถามที่พบบ่อยที่สุด/ที่สำคัญ⚡️
- พักอยู่แถวไหน/อยู่ไกลที่ทำงานรึป่าว = ตอบไปตามความจริง ถ้าอยู่ไกลก็บอกอยู่ไหน แล้วค่อยย้ำทีหลังว่าการเดินทางไม่เป็นอุปสรรคในการมาทำงาน
- ข้อดี/ข้อเสียตัวเรา = อันนี้ควรตอบให้กลางที่สุดถ้าไม่รู้ว่าอะไรคือข้อดีและข้อเสียของเรา แต่จริงๆคนเราควรรู้ข้อดีและข้อเสียของตัวเองจะดีกว่าตอบกลาง เพราะนี่อาจเป็นคำถามชี้ขาดว่าเค้าจะรับคุณหรือไม่
- ถ้าต้องเป็นผู้นำจะเป็นได้หรือป่าว = ตอบไปเถอะว่าได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้รึเปล่าก็ตอบเสริมไปในเชิงว่าเราอาจไม่ใช่ผู้นำที่ดีที่สุดแต่ที่เรามีคือความพยายามที่จะทำให้ดีที่สุด สำหรับผมที่ตอบไปคือสามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ พร้อมโยงไปใส่ประสบการณ์การทำกิจกรรมในรั้วมหาลัยที่เคยผ่านมาว่าเราเป็นผู้นำอะไรบ้าง
- ถ้าต้องเป็นผู้ตามจะมีปัญหารึเปล่า = ควรตอบว่าไม่มีปัญหา พร้อมบอกเหตุผลซับพอร์ต สำหรับผมให้เหตุผลไปว่าผมเข้าใจดีว่าการทำงานทุกอย่างล้วนมีทีมเสมอ และในทีมก็มีทั้งผู้นำและผู้ตาม งานจะออกมาดีได้ก็ต่อเมื่อทุกคนร่วมมือกัน เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเลยครับผมพร้อมจะเป็นผู้ตามที่ดีและซับพอร์ตทีมอย่างดีแน่นอน
———————————————————————————
📍และถ้ามีตัวเลือกหลายตัวเลือกให้เราต้องเลือกเข้าทำงานคือ📍
1. มั่นคงในระยะยาว ✨
2. เงินดี 💵
3. สังคม (อันนี้ต้องไปเสี่ยงดวงเอาเองตอนเริ่มงาน) 👩🦰👨🦰
———————————————————————————
💪🏻ถ้ามีคู่แข่งก็อย่าไปกลัว มั่นใจเข้าไว้เพราะฉันนี่แหล่ะคือคนที่จะต้องได้งานนี้ไม่ใช่เธอ💪🏻
🌻 ควรทำให้ตัวเองดูเป็นคนที่พร้อมพัฒนามากกว่าเป็นคนที่เก่งที่ไม่รับอะไรแล้ว เป็นน้ำครึ่งแก้ว ดีกว่าเป็นน้ำเต็มแก้ว 🌻
ใครที่กำลังหางานอยู่ก็สู่ๆนะครับงานมันไม่ได้หายากขนาดนั้นถ้าคุณตั้งใจจริงๆ แต่ถ้าตั้งใจแล้วยังรู้สึกว่ามันยากอยู่ ก็จงพยายามต่อไป ไม่มีใครพยายามร้อยครั้ง แล้วล้มเหลวร้อยครั้ง
สนใจขอดูตัวอย่างได้นะครับ 👉 Resume/Potforio