สวัสดีครับ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงตอนจบ ซึ่งทริปนี้เราจะจบลงที่ EP. 4 นี้แล้ว หวังว่าทุกท่านจะสนุกกับเรื่องราวการเดินทางของเรานะครับ มาทัวร์เกาะสมุยกันต่อเลยดีกว่า

เมื่อเราขึ้นเรือเรียบร้อย บนเรือก็มีอาหารเที่ยงให้เราทาน 1 มื้อ หลังจากทานข้าวบนเรือเรียบร้อยแล้ว เรือก็จะพาเราไปยัง เกาะแม่เกาะ เพื่อไปชมทะเลใน ซี่งความจริงเราอยากกลับแล้ว ไม่อยากไปไหนต่อแล้ว เนื่องจากเหนื่อยมาก อยากกลับไปนอนแช่น้ำในอ่างน้ำที่โรงแรมแล้ว แต่เราก็ต้องไปตามโปรมแกรมทัวร์ของเรา ซี่งเราได้จองพายเรือคายัคไว้ด้วย ซึ่งตอนนี้เราก็หมดแรงเต็มทีแล้ว แต่เมื่อจองไว้แล้วก็ต้องไปพาย เพราะเราเสียดายเงินที่จองไปนั่นเอง 555+++ สำหรับใครที่ไม่พายเรือ เรือทัวร์ก็จะไปส่งยังเกาะแม่เกาะเลย ใครที่จองไว้ก็พายเรือไปเอง การพายเรือไปก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ไม่ถึงกับเหนื่อยเท่าไร และระหว่างนี้ก็เริ่มมีฝนตกลงมาด้วย เมื่อไปถึงเกาะแม่เกาะ เรารีบขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน ซึ่งทางขึ้นเป็นบันไดเหล็ก ที่เดินได้สะดวกสบายกว่าจุดชมวิวผาจันทร์จรัส และก็ไม่สูงเท่าไร แต่ก็มีบางช่วงที่บันไดชันเกือบจะตั้งฉาก 90 องศาเลยทีเดียว เมื่อเราขึ้นไปถึงด้านบน ฝนก็ตกหนักลงมาพอดี แต่โชคดีที่ด้านบนมีหลังคาให้หลบฝน เรานั่งหลบฝนพร้อมชมทะเลใน ยามฝนตก มันก็เป็นบรรยากาศที่สวยไปอีกแบบเหมือนกัน รอสักพักฝนก็เริ่มเบาลง เราจึงตัดสินใจเดินลงมาด้านล่างเพื่อจะกลับขึ้นเรือ 
เมื่อเรากลับขึ้นเรือแล้ว เวลาที่เรารอคอยก็มาถึง นั่นก็คือการหลับ เพื่อรอให้เรือถึงฝั่ง ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และแล้วเราก็มาถึงยังท่าเรือ และขึ้นรถตู้กลับยังโรงแรม ซึ่งโรงแรมที่เราพักในคืนนี้ก็ยังคงเป็นที่เดิมนั่งก็คือ mimosa เช่นเดิม เมื่อเรามาถึงโรงแรมเราก็ทำการ Check in ซึ่งเราได้จองไว้ 2 คืน ซึ่งในคราวนี้อยู่ที่ราคาคืนละ 250 บาท พร้อมอาหารเช้า และห้องแบบใหม่ที่ใหญ่ขึ้น มีอ่างอาบน้ำอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นอ่างใหญ่สำหรับลงไปแช่ได้ 2 คน ด้านในห้องก็จะแบ่งออกเป็นอีก 3 ส่วน คือเมื่อเข้าไปก็จะเป็นส่วนของห้องนอน และห้องถัดไปก็คือห้องน้ำส่วนแห้ง พร้อมตู้เสื้อผ้าอยู่ในนั้นด้วย และออกไปอีกห้องก็จะเป็นห้องน้ำส่วนเปียกไว้สำหรับอาบน้ำ ซึงจะเป็นแบบ outdoor คือไม่มีหลังคา ต้องบอกว่าคุ้มมากๆ ที่เราได้มาในราคานี้ เนื่องจากเราจองผ่าน agoda เมื่อเข้าห้องเรียบร้อยแล้วเราก็ทำการเก็บของ และเปิดน้ำอุ่นแช่ในอ่างอยู่สักพัก มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมาก หลังจากที่เราอาบน้ำให้สบายเนื้อตัวมากขึ้นแล้ว เราก็เริ่มหิว จึงเปิดดูรายการอาหารที่วางไว้ในห้อง เมื่อดูแล้วก็ต้องบอกว่าราคาค่อนข้างแพง ซึ่งหลายๆ คนที่เคยชินกับการกินอาหารในโรงแรมอาจจะมองว่าเป็นราคาปกติ แต่สำหรับเรามันก็แพงอยู่ เราจึงคิดว่าจะขับรถไปหาอะไรกินข้างนอก ระหว่างที่นั่งหาร้านจาก google อยู่นั้น เราก็เหลือไปเห็นว่าในรายการอาหารของโรงแรมมีกระดาษเล็กๆ แปะไว้อยู่ มีข้อความว่า ทางโรงแรมลดค่าอาหารสำหรับแขกที่มาเข้าพัก 25% ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เมื่อเราเห็นดังนั้นเราจึงตัดสินใจไปทานอาหารที่ร้านของโรงแรม ที่ตั้งอยู่บริเวณชายหาด ซึ่งอาหารที่นี่ก็รสชาติดีใช้ได้เลย และพนักงานก็บริการดีมาก 

ระหว่างทานอาหารเรามองออกไปยังทะเลเห็นแสงไฟจากเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งดูสว่างกว่าที่อื่น เราจึงถามพนักงานว่าคือเกาะอะไร เราได้รับคำตอบว่าเกาะพะงัน เราจึงมองหน้ากัน และมีความคิดว่าจะเดินทางไปยังเกาะพะงันเป็นจุดหมายต่อไป เราจึงสอบถามวิธีการข้ามไปยังเกาะพะงัน พนักงานบอกว่าจากที่นี่มีเรือข้ามไป แต่เราก็ยังไม่ได้หาข้อมูลเท่าไร เพราะยังไงพรุ่งนี้เราก็ยังอยู่ที่นี่อีก  1 คืน ไว้ค่อยหาข้อมูลดูวันจะไปแล้วกัน (ซึ่งนี่ก็คือข้อเสียของเราที่ชอบทำอะไรแบบกระชั้นชิด ไม่เตรียมตัวล่วงหน้า) เมื่อทานข้าวกันเสร็จเราก็ไปนอนเตียงริมชายหาดซึ่งเป็นของทางโรงแรมเพื่อย่อยอาหารที่ทานมาเมื่อสักครู่ก่อนสิ่งที่ชอบที่สุดคือการนอนฟังเสียงน้ำทะเลกระทบชายหาดมันช่างเป็นบรรยากาศที่ดีมากจริงๆต่างจากในเมืองที่ได้ยินแต่เสียงรถเสียงแตรมากมายนี่แหละความสุขที่เราต้องการคือความเงียบสงบอยู่กับเสียงของธรรมชาติถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตามนอนได้สักพักเราก็ชวนกันกลับห้องเพื่อพักผ่อนเอาแรงมาลุยเกาะสมุยต่อในวันพรุ่งนี้

เมื่อคืนได้นอนสบายๆ ตื่นมาวันนี้เลยค่อนข้างที่จะสดชื่นหน่อย แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายเราเริ่มอ่อนเพลียลงไป ไม่เหมือนกับวันแรกๆ วันนี้มาทานอารหารของทางโรงแรม พร้อมกับนั่งมองไปยังเกาะพะงันที่เราเห็นเมื่อคืนนี้ แต่เช้านี้ก็มองไม่ค่อยเห็น อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนที่มองเห็นนั้นเป็นเพราะแสงไฟที่โดดเด่นขึ้นมาในความมืดนั่นเอง 

ในระหว่างที่ทานอาหาร เราก็หาที่เที่ยวสำหรับวันนี้ไปด้วย ซึ่งแน่นอนที่แรกที่เราหาข้อมูลคือ หินตาหินยาย เพราะในระหว่างที่เราขับรถเดินทางเราได้ฟังเพลงนี้หลายรอบอยู่ “ที่เกาะสมุยมีดีอะไร ทำไมทุกคนถึงต้องอยากไป” นั่นแหละมันเป็นเหตุผลที่เราอยากลองไปดูให้เห็นกับตา ถึงเราจะเห็นในรีวิวแล้วก็เถอะ หลังจากทานอาหารเสร็จ พักย่อยสักพัก เราก็ออกเดินทาง ในที่สุดวันนี้เราก็จะได้ขับรถเที่ยวกันอีกครั้ง เราใช้เวลาในการเดินทางครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงหินตาหินยาย ซึ่งสิ่งแรกที่พบ และไม่ได้คิดมาก่อนที่นี่มีบริการรับฝากรถ คันละ  30  บาท ซึ่งก็มีหลายเจ้าอยู่ หรืออาจจะมีที่จอดฟรี เราก็ไม่ได้หา พี่เค้าโบกเข้าไปเราก็เข้าไปจอด แล้วเค้าก็เรียกเก็บเงิน 30 บาท พอเราเดินไปถึงหาดที่มีหินตาหินยาย ก็พอจะมีนักท่องเที่ยวบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับแน่น เราจึงเดินเข้าไปหาที่ถ่ายรูปกับหินตาหินยาย ซึ่งที่นี่ก็เหมือนกับรูปที่เห็นตามรีวิวต่างๆ นั่นก็คือมองไปทางไหนก็เห็นแต่หินกับท้องทะเล  และวันนี้ก็แดดร้อนมาก แต่เราคิดว่าถ้ามาที่นี่ตอนเย็นให้แดดเบาลงสักหน่อย คงจะสวย และน่านั่งเล่นบนโขดหินชมวิวมากเลยทีเดียว แต่เรามาเกือบจะเที่ยงแล้ว ทำให้อากาศร้อนมาก เราก็ถ่ายรูปกันอยู่ตรงนี้นานเหมือนกัน (ขนาดบ่นว่าแดดร้อนนะเนี่ย)

หลังจากนั้นเราก็กลับออกมา และขับรถต่อไปโดยยังไม่มีจุดหมาย ระหว่างทางเราจึงเปิด google หาที่เที่ยวไปเรื่อยๆ และเราก็ตกลงกันว่าจะไปน้ำตก เราจึงขับรถไปตามแผนที่ แต่ก่อนจะถึงนั้นเราเห็นป้ายบอกทางป้ายหนึ่งบนถนน เขียนว่า “พรุป่าโหลง” เราก็เลี้ยวรถไปตามป้ายนั้นทันที พร้อมกับระบุตำแหน่งใหม่บนแผนที่ เราก็ขับรถตามแผนที่ไปเรื่อยๆ แต่แผนที่ก็ทำเราหลงอีกแล้ว และเราก็จอดถามทางชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งเราก็ยังไปไม่ถูกอยู่ดี เราวนรถอยู่สักพักก็หาไม่เจอ เราจึงกลับไปเที่ยวน้ำตกเหมือนเดิม เมื่อใกล้ถึงน้ำตก เราก็มีการเปลี่ยนใจอีกครั้ง โดยไม่ไปแล้วน้ำตก (เนื่องจากทริปเหนือเมื่อต้นปีเราก็ไปน้ำตกมาหลายที่เลย) เราจะกลับโรงแรม แล้วไปพายเรือเล่นหน้าหาดดีกว่า ระหว่างทางกลับโรงแรมซึ่งก็บ่ายโมงกว่าๆ แล้ว เราจึงแวะหาอะไรทานกันก่อนเข้าไปในโรงแรม ซึ่งร้านที่เราเลือกก็คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูประตูวัด ซึ่งเราเห็นว่าน่ากินดี ซึ่งเราได้มองไว้ตั้งแต่ตอนขาไปแล้ว แต่ตอนนั้นยังอิ่มอยู่ เมื่อเราเข้าไปก็สั่งก๋วยเตี๋ยวมากินกัน ที่นี่มีอาหารตามสั่งด้วยนะ ส่วนเรื่องราคาสำหรับเราก็ถือว่าแรงอยู่ ก๋วยเตี๋ยวหมูชามละ 80 บาท ส่วนเรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง อร่อยมาก เรียกว่าเราไม่ได้ปรุงอะไรเพิ่มเลย หลังจากอิ่มเรียบร้อยเราก็มุ่งหน้ากลับโรงแรม เมื่อถึงโรงแรมก็ไปเปลี่ยนชุดออกมาเล่นน้ำที่หาดหน้าโรงแรม และในสระของโรงแรม พอแดดเริ่มล่มหน่อย เราก็ไปพายเรือคายัคกัน ซึ่งอันนี้ก็เป็นของทางโรงแรมที่มีไว้บริการแขกที่มาพักฟรี และวันนี้ก็เป็นวันที่ 2 ที่เราได้เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบการเดินทางของเรา อย่าลืมไปติดตามเราด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/lifeforfuntravel
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนก่อนหน้า EP. 1
ตอนก่อนหน้า EP.2
ตอนก่อนหน้า EP. 3
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริปนี้

ต่อใน Comment นะครับ