สร้างรัก...บทที่ 3

บทที่ 3
 
 
         ชวกรเดินตามพนักงานของร้านไปยังโต๊ะที่เขาได้โทร.มาจองไว้ ระหว่างทางไม่ลืมที่จะมองสำรวจรอบๆ ร้านไปด้วย แม้จะเป็นเวลาหัวค่ำแต่โต๊ะกลับถูกจับจองจนเกือบเต็ม เขาไม่แปลกใจเลยที่เป็นเช่นนี้ เพราะร้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศภายในร้านนั้นสุดแสนจะโรแมนติก เหมาะกับการดินเนอร์ใต้แสงเทียนเป็นที่สุด แถมรสชาติอาหารยังเป็นที่ร่ำลือในเรื่องของความอร่อย 
 
         ร่างสูงทรุดลงนั่งในโซนริมน้ำ ก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดแล้ว สายตาคมก็เหลือบมองไปยังทางเข้าร้านด้วยใจที่จดจ่อ แต่ก็ยังไร้วี่แววของคนที่เขานัดไว้ มือข้างขวาจึงล้วงเข้าไปหยิบกล่องใบเล็กในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา พลันปากหยักได้รูปก็ระบายยิ้มอ่อนโยนออกมาเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ส่วนดวงตาสีนิลนั้นก็เปล่งประกายแวววาวราวกับมีดาวนับล้านดวงที่พร้อมใจกันส่องแสง
 
         ชวกรผุดลุกขึ้นยืนแทบจะทันทีเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งในชุดมินิเดรสผ้าลูกไม้สีชมพู กำลังเดินตามพนักงานเข้ามายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่ พร้อมกันนั้นก็รีบซุกของในมือไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนกุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่ง จากนั้นก็เดินอ้อมกลับไปประจำที่ของตัวเอง
 
         “วันนี้น้องแก้มของพี่สวยมากเลยรู้ไหม” ชายหนุ่มออกปากชมคนรัก พร้อมจ้องใบหน้าเรียวเล็กรูปหัวใจที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาอย่างหลงใหล พลันนึกในใจว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีเหลือเกินที่ได้หัวใจเธอมาครอง
 
         “พี่ตรีก็พูดเกินไป แก้มก็ปกติเหมือนทุกวันนั่นแหละค่ะ” ชฎาพรแย้งเสียงเรียบ ไม่ได้มีท่าทีเขินอายหรือรู้สึกปริ่มเปรมไปกับคำเยินยอนั้นอย่างที่ผ่านมา และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาหญิงสาวรีบเข้าประเด็นทันที 
 
         “ว่าแต่พี่ตรีนัดแก้มมาวันนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
 
         “พี่มีเรื่องสำคัญจะบอกแก้มน่ะ” ตอบไปแล้วก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งชักสังหรณ์ใจบางอย่าง และได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างไม่ใช่อย่างที่เธอคิด 
 
         “งั้นเหรอคะ แก้มเองก็มีเรื่องสำคัญจะบอกพี่ตรีเหมือนกันค่ะ”
 
         ชวกรฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของคนรัก และเขาก็มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่าเรื่องสำคัญของเธอกับเรื่องสำคัญของเขามันต้องเป็นเรื่องเดียวกันอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เธอมักจะทวงถามถึงสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธออยู่เสมอ และตอนนี้มันก็ถึงเวลาอันสมควรที่เขาเคยให้คำมั่นกับเธอไว้แล้ว ยิ่งคิดหัวใจของชายหนุ่มยิ่งพองโตจนแน่นคับอกไปหมด จนแทบจะทนรอต่อไปไม่ไหว แต่ก็ต้องบอกตัวเองให้รออีกนิด อีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
 
         “พี่ว่าเรารีบสั่งอาหารก่อนดีกว่าเนอะ กินเสร็จแล้วค่อยคุยเรื่องสำคัญของเรากัน” ชวกรว่าพร้อมยื่นเมนูไปให้ ซึ่งชฎาพรไม่ได้ขัดข้องอะไร หญิงสาวจัดการสั่งอาหารไปหลายอย่าง ซึ่งทุกเมนูล้วนเป็นของโปรดของเธอและเขา
 
         ระหว่างรออาหารชวกรก็ชวนคนรักพูดคุยไม่หยุด ซึ่งทุกเรื่องที่หยิบยกขึ้นมาล้วนแต่เป็นเรื่องราวความรักของทั้งสอง ตั้งแต่เริ่มคบกันวันแรกเรื่อยมาจนปัจจุบัน ซึ่งกินระยะเวลาไปถึงสิบปี โฟร์แมนหนุ่มบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข โดยไม่ได้สังเกตท่าทีกระอักกระอ่วนของคู่สนทนาเลยสักนิด จนเมื่อพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ คนที่โลกทั้งใบมีแต่สีชมพูถึงได้พักบทสนทนาไว้ก่อน และหันมาจัดการกับอาหารบนโต๊ะแทน 
 
         “ที่แก้มบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับพี่ คือเรื่องอะไรเหรอ” ชวกรถามขึ้นเมื่ออาหารบนโต๊ะพร่องไปกว่าครึ่ง  
 
         “เอ่อ...คือ” แม้จะซักซ้อมและเตรียมใจมาหลายวันแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ ชฎาพรกลับติดอ่างขึ้นมาเสียดื้อๆ เห็นท่าทางร่าเริงและสายตาของคู่สนทนาแล้วคำพูดที่เตรียมไว้ก็จุกอยู่ที่ลำคอ 
 
         “มีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยแก้ม พี่รอฟังอยู่” ชวกรเร่ง ทั้งยังจ้องหน้าคนรักนิ่งอย่างรอฟังคำตอบ
 
         “เราเลิกกันเถอะค่ะพี่ตรี” หญิงสาวตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด  
 
         สิ้นคำพูดของชฎาพร เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของชวกร มือข้างหนึ่งที่กำลังล้วงเข้าไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงในกระเป๋ากางเกงเป็นอันต้องชะงัก รอยยิ้มที่ระบายเต็มใบหน้าค่อยๆ คลายลง บรรยากาศอึมครึมเริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ความโรแมนติกรอบตัวในฉับพลัน ภาพอนาคตแสนหวานที่วาดฝันไว้ก็ค่อยๆ เลือนหายไปในที่สุด
 
         “เมื่อกี้แก้มว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มพูดออกไปคล้ายละเมอ แม้จะได้ยินชัดเต็มสองหูแต่เขาก็ยังอยากจะหลอกตัวเองว่าเมื่อสักครู่นั้นเขาแค่ฟังผิดไป
 
         “เราเลิกกันเถอะนะคะพี่ตรี” หญิงสาวพูดย้ำอีกครั้งอย่างช้าๆ และชัดๆ
 
         “แก้มอำพี่เล่นใช่ไหม” 
 
         “แก้มพูดจริงค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อยืนยันว่าที่เธอพูดนั้นเรื่องจริง ไม่ได้เสแสร้งแกล้งอำอะไรทั้งสิ้น
 
         “ทำไมล่ะแก้ม แก้มไม่รักพี่แล้วเหรอ” คนเพิ่งถูกสลัดรักถามออกไปรัวเร็ว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ ตลอดเวลาสิบปีที่คบกันมาเขารักและซื่อสัตย์ต่อหญิงสาวมาโดยตลอด เขาทำตัวเป็นคนรักที่ดี ไม่เคยมีเรื่องให้คนรักต้องขุ่นข้องหมองใจ แล้วเหตุใดทุกอย่างมันถึงออกมาแบบนี้ เขาพร่ำถามตัวเองอยู่ในใจขณะเฝ้ารอเหตุผลจากอีกฝ่ายด้วยใจจดจ่อ
 
         “แก้ม...” ชฎาพรอึกอัก ไม่กล้าแม้จะสบสายตาคมที่เต็มไปด้วยความวิงวอนของคู่สนทนา ด้วยกลัวว่าตัวเองนั้นจะใจอ่อน แม้ตอนนี้เธอจะหมดรักชายตรงหน้าแล้ว แต่ด้วยความที่ผูกพันกันมาเป็นสิบปีเยื่อใยที่เคยมีให้กันย่อมหลงเหลืออยู่เป็นธรรมดา
 
         “เงียบทำไมล่ะแก้ม บอกพี่มาสิ”
 
         “แก้มไม่อยากทนอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว พี่ตรีมัวทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้แก้มบ้างเลย” ชฎาพรอ้าง เมื่อคิดได้ว่าไม่มีเหตุผลไหนที่จะดูดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว
 
         “พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อแก้มนะ เพื่อจะได้มีเงินไปสู่ขอแก้มทันทีที่แก้มเรียนจบ แล้วตอนนี้พี่ก็ทำสำเร็จแล้วด้วย แก้มดูนี่สิ” ชวกรผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนเดินอ้อมโต๊ะไปคุกเข่าลงข้างเก้าอี้ที่หญิงสาวนั่งอยู่ และหยิบแหวนทองคำขาวประดับเพชรวงสวยที่เตรียมไว้ออกมา แล้วยื่นมันไปตรงหน้าหญิงคนรัก
 
         “วันนี้พี่ตั้งใจจะขอแก้มแต่งงาน แต่งงานกับพี่นะแก้ม” ชายหนุ่มพูดอย่างเว้าวอน เงยหน้าสบสายตาหญิงสาวอย่างมีความหวัง
 
         “มันช้าไปแล้วค่ะพี่ตรี” ชฎาพรปัดแหววนออกไปให้พ้นหน้า “แก้มไม่เข้าใจเลยว่าพี่จะทุ่มเททำงานหนักเพื่อเก็บเงินแต่งงานไปทำไม ในเมื่อบ้านพี่ก็มีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้ขนาดนั้น พี่ไม่ใช่ลูกตาสีตาสาสักหน่อยที่จะต้องทนสู้งานหนักเพื่อเก็บหอมรอมริบไปขอสาวแต่งงานแบบในละครน้ำเน่า แค่พี่เอ่ยปากพ่อพี่ก็จัดให้พี่ทุกอย่างแล้ว”
 
         “เพื่อผู้หญิงที่พี่รัก พี่ก็อยากเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวพี่เอง และพี่ก็อยากให้แก้มภาคภูมิใจในตัวพี่ ที่พี่ทำทุกอย่างเพื่อแก้มด้วยตัวเอง ไม่ได้หวังพึ่งแต่พ่ออย่างเดียว” ชายหนุ่มบอกเหตุผลของตัวเอง และได้แต่หวังว่ามันจะทำให้เธอเห็นใจในความตั้งใจจริงของเขาครั้งนี้
 
         “เหตุผลของพี่มันฟังไม่ขึ้นเลยรู้ไหม” เสียงที่เอ่ยออกมานั้นราบเรียบ ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งไปกับความทุ่มเทของอีกฝ่ายเลยสักนิด
 
         “แก้มอย่าทำกับพี่แบบนี้เลยนะ แก้มก็รู้ว่าพี่รักแก้มมากแค่ไหน เวลาสิบปีที่คบกันมามันไม่มีค่าเลยเหรอ ให้โอกาสพี่แก้ตัวหน่อยได้ไหม ต่อไปพี่จะทุ่มเทเวลาให้แก้มอย่างเต็มที่ แก้มจะเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องเสมอ”
 
         ชวกรร้องขอโอกาสอย่างน่าเห็นใจ เขายังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิมโดยไม่สนสายตาหลายสิบคู่ภายในร้านที่ต่างหันมามองอย่างสนใจ
 
         “อย่าเลยค่ะพี่ตรี แก้มตัดสินใจแล้ว”
 
         “ทำไมล่ะแก้ม หรือว่าแก้มมีคนใหม่”
 
         ชายหนุ่มลองถามไปอย่างนั้น ทั้งที่ไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริงเลยสักนิด แต่แล้วการนิ่งเงียบบวกกับอาการเสมองไปทางอื่นของเธอก็ทำให้เขาตัวชายิ่งกว่าโดนน้ำแข็งสาด แข้งขามันไร้เรี่ยวแรงจนแทบพยุงตัวไว้ไม่ไหว ในอกด้านซ้ายมันปวดร้าวราวกับโดนของแหลมคมกรีดแล้วใช้ค้อนปอนด์กระหน่ำทุบซ้ำไปซ้ำมา คำถามร้อยพันวิ่งไปมาในหัว
 
         “ไม่จริงใช่ไหมแก้ม บอกพี่มาสิว่าแก้มไม่ได้มีคนใหม่อย่างที่พี่คิด” ชวกรข่มความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจ ก่อนกลั้นใจถามออกไปในที่สุด แล้วก็ภาวนาให้เธอปฏิเสธคำกล่าวหานั้น 
 
         “ใช่ค่ะ แก้มมีคนอื่น เขามีเวลาให้แก้ม เขาเอาใจใส่แก้มมากกว่าพี่ตรี”
 
         คำตอบของชฎาพรเหมือนแส้ที่ฟาดซ้ำลงมาบนแผลของชวกรอย่างไม่ปรานี ตอนนี้ชายหนุ่มไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตั้งตัวไม่ทันกับความผิดหวังครั้งนี้ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าความรักที่เขาบ่มเพาะมาเป็นสิบปีจะมีจุดจบแบบนี้
 
         “ไม่จริง พี่ไม่เชื่อ แก้มอย่าล้อพี่เล่นแบบนี้สิ” ชวกรเอื้อมมือไปคว้ามือบางมากุมไว้แน่น ราวกับกลัวว่ามือนั้นจะหลุดลอยไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันอีก
 
         “พอได้แล้วพี่ตรี” ชฎาพรตวาดเสียงดังก่อนผุดลุกขึ้นยืนและดึงมือออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่ ชวกรถึงกับชะงักกับท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนของคนรัก
 
         “ปล่อยแก้มไปเถอะนะพี่ตรี พี่จะรั้งคนที่ไม่รักพี่ไว้ทำไม” น้ำเสียงเธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตระหนักได้ว่าใช้ไม้แข็งไปก็คงจะไม่เป็นการดีสักเท่าไร 
 
         “แก้มอย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ พี่คงอยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีแก้ม” ชวกรลุกพรวดเข้าไปโอบกอดหญิงสาวไว้จากด้านหลัง ก่อนที่เธอจะเดินจากไป เขาไม่อาจทำใจยอมรับกับความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้ น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาเป็นสายอย่างไม่อายใคร
 
         ชฎาพรแกะวงแขนแกร่งของชายหนุ่มออกจากเอวคอดของตน ก่อนหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว 
 
         “ทุกอย่างมันจบแล้วพี่ตรี ลาก่อนนะคะ” พูดจบก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่ใยดี ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนข้างหลังจะเจ็บเจียนตายสักแค่ไหน
 
         “แก้มอย่าทำกับพี่แบบนี้เลยนะ แก้มมม” 
 
         ชวกรร้องเรียกคนรักจนสุดเสียง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝันร้าย เขาหอบหายใจแรง เหงื่อกาฬไหลท่วมตัวราวกับเพิ่งผ่านพ้นการออกกำลังกายมาอย่างหนัก มือหนาเอื้อมไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงบนหัวเตียงมาเปิดออกดู ทันใดนั้นภาพเก่าหนหลังเกี่ยวกับเรื่องราวของอดีตคนรักก็ไหลย้อนเข้ามาในหัวราวกับหนังที่ถูกนำมาฉายซ้ำ ทั้งที่เขาพยายามฝังกลบมันไว้ให้ลึกสุดใจและเขาก็ทำมันได้ดีมาตลอดในช่วงปีที่ผ่านมา แต่แล้วพนักงานใหม่คนนั้นกลับมากวนตะกอนที่นอนนิ่งอยู่ก้นบ่อให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยคำพูดไม่กี่คำและการกระทำของเธอ ที่ดูเหมือนว่ามันจะซ้ำรอยพฤติกรรมของอดีตคนรักของเขา ที่เขาได้รู้ภายหลังจากที่เลิกรากันไปแล้วว่า ลับหลังเขานั้นเธอมักบอกกับใครต่อใครว่าโสด เช่นเดียวกับที่ปัถยาป่าวประกาศในไซต์งานวันนี้ 
 
         โฟร์แมนหนุ่มสลัดภาพในหัวทิ้งไป พลันนึกกล่าวโทษปัถยาอยู่ในใจ ขณะเดียวกันอคติต่อตัวเซฟตีสาวก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ตัว
 
      ดอกไม้ดอกไม้หัวใจดอกไม้ดอกไม้   
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่