ฉันเดินขึ้นได้ไกลประมาณครึ่งชั่วโมง ในขณะที่ควีนบอกเหนื่อยไม่ไหวขอพักก่อน สำหรับด่านที่เราไปกันวันนี้คือที่ด่านปาต้าหลิ่ง
เป็นด่านที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมากที่สุด ด่านนี้มีรถกระเช้าอำนวยความสะดวก แต่เราอยากจะปีนขึ้นกันเองเพื่อทดสอบความแกร่งของขา
ว่าจะไหวหรือเปล่า อากาศเย็นทำให้ฉันไม่เหนื่อยมาก แต่เดินขึ้นพอประมาณเหนื่อยมากเดี๋ยวจะแย่เพราะพรุ่งนี้ต้องมีเรียนศิลปะการต่อสู้
ของจีนอีก
ฉันถ่ายรูปเก็บเอาไว้เยอะเพราะคงจะไม่ได้มาอีก ควีนขอถ่ายรูปกับครูซือหวัง ซึ่งในใจฉันก็อยากจะถ่ายคู่กับครูซือหวังเหมือนกัน
แต่กลุ่มเพื่อนรีบลงมาก่อน ฉันเลยหมดโอกาสถ่ายคู่กับครูซือหวัง แต่ไม่เป็นไรถ้าไปเที่ยวที่อื่นค่อยขอถ่ายด้วยละกัน
รุ่งเช้าตื่นแต่เช้าต้องไปเรียนศิลปะต่อสู้แบบจีน ขาก็รู้สึกเจ็บเพราะเดินขึ้นกำแพงเมืองจีน แต่ต้องทนเพราะถ้าไม่เข้าเรียน
จะไม่ผ่านตามข้อบังคับของทางโรงเรียน
ครูซือหวังเป็นคนสอนศิลปะการต่อสู้ ท่าทางเขาแข็งแกร่ง เหมือนพระเอกหนังบู๊ ตอนแรกครูซือหวังทำท่าให้ดูก่อนรอบแรก
พวกหนุ่มๆทำตามกันง่ายเพราะส่วนใหญ่ผู้ชายจะเก่งด้านการต่อสู้อยู่แล้ว สองสาวมองรอบแรกไม่ทัน และทำตามไม่ได้
“ล้อมเดือนกับควีนทำได้ไหมครับ” ครูซือหวังทำให้ดูหลายรอบมาก จนบรรดาหนุ่มๆหัวเราะชอบใจที่ครูซือหวังเหนื่อยจนหอบ
ที่ทำท่าทางให้ฉันกับควีนดู
“ ครูค่ะ..ฉันยังทำไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าครูเหนื่อยก็พักก่อนนะค่ะ” ฉันบอกครูซือหวังไป
ฉันบอกครูซือหวังไปแบบนั้นเพราะเห็นครูซือหวังเหงื่อออกเต็มหลังเสื้อและเหงื่อย้อยเต็มหน้า ฉันมองเห็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจ
ของครูซือหวังแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกแอบปลื้มในตัวเขาอย่างเงียบๆ ฉันชอบผู้ชายที่อดทนและมุ่งมั่น เพราะจะดูสมกับความเป็นชาย
โปรแกรมเที่ยวของกลุ่มเรามี หอสักการะฟ้าเทียนถาน พระราชวังฤดูร้อน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน ถนนหนานโหลวกู่ วัดลามะ
สนามกีฬารังนก และสุสานราชวงศ์หมิง
ฉันถ่ายภาพและบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อจะนำมาเขียนลงเวบ เพื่อเผยแพร่ให้คนที่ไม่เคยมาได้อ่าน
เผื่อสักวันพวกนักอ่านอาจได้มีโอกาสมาเที่ยวแบบฉันบ้าง
วันนี้กลุ่มเราได้มาเรียนการเขียนพู่กันจีน เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้เขียนพู่กันจีน ยากแต่พอดีฉันเป็นคนชอบวาดรูปอยู่แล้ว
สามารถควบคุมมือให้เขียนอักษรจีนได้ พวกหนุ่มๆมีแซวฉันว่าอยากให้ฉันเขียนคำว่า” ฉันรักคุณ”
พอครูซือหวังได้ยินหนุ่มๆแซวฉันแบบนั้น เขาก็แอบอมยิ้มที่มุมปาก ซึ่งบังเอิญฉันหันไปเห็นพอดี
ครูซือหวังเห็นว่าฉันเห็นเขายิ้ม ....
ครูซือหวังทำท่าทางอายๆ รอยยิ้มของเขาทำให้ใจฉันรู้สึกแกว่งไปมา
..... เหมือนนั่งชิงช้า แล้วโดนคนด้านล่างผลักให้แกว่งไปไกลและสูง....
และฉันเผลอมองเขานิ่งนานไปพักหนึ่งแบบไม่รู้สึกตัว เหมือนโดนมนต์สะกด จนพวกหนุ่มๆตะโกนขึ้นมาว่า
“นั่นงายหละล้อมเดือนชอบครูซือหวังจริงๆ เธอมองเขานานมาก”
พอฉันได้ยินพวกเขาพูดแบบนั้น ฉันสะดุ้งสุดตัวที่เผลอมองครูซือหวังแบบตกอยู่ในภวังค์ ฉันรู้สึกอายมากที่โดนพวกหนุ่มๆแอบสังเกตเห็น
ครูซือหวังหัวเราะดังเมื่อได้ยินหนุ่มๆแซวฉันแบบนั้น เขาเดินมาหาฉันแล้วพูดว่า
“อย่าไปสนใจพวกเขาพูดเลย รีบเขียนคำที่พวกเขาบอกไปครับ ครูจะดูว่าเธอเขียนได้ไหม”
เป็นอย่างนั้นไปครูซือหวัง ฉันมือสั่นที่ต้องเขียนคำว่า “ ฉันรักคุณ” ให้ครูซือหวังดู
“ ดีมากครับ เธอเขียนได้สวยมากครับ” ครูซือหวังมองตัวหนังสือแล้วหันมามองหน้าฉัน
ตอนนั้นบอกเลยว่าฉันหน้าชาๆและแสบๆที่หน้ามาก ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดีเพื่อไม่ให้ครูซือหวังสัมผัสได้กับความรู้สึกของฉัน
...... ฉันก็เลยยิ้มแบบตัวตลกเพื่อปกปิดความรู้สึกลึกๆเอาไว้
ครูซือหวังเห็นฉันยิ้มแบบนั้น เขาหัวเราะดังจนหนุ่มๆหันมามองทางเดียวกัน ยิ่งทำให้ฉันทำท่าเป็นตัวตลก ทุกคนหัวเราะกันสนุกสนาน
เป็นโอกาสที่ฉันกลบเกลี่อนได้เนียน รอดตัวไปฉันเกือบถูกจับได้แล้วไหมหละ ว่าแอบคิดอะไรกับครูซือหวังอยู่
“วันนี้พวกเราจะได้ไปชมพระราชวังต้องห้าม และจัตุรัสเทียนอันเหมิน ทุกคนต้องแต่งกายให้สุภาพ ใส่รองเท้าหุ้มข้อหรือคัทชูนะครับ”
ครูซือหวังแนะนำนักเรียนที่จะไปชมในวันนี้ เพราะต้องให้เกียรติและเคารพสถานที่
“วันนี้จะเดินมากเลยนะครับ เราจะเข้าทางประตูเทียนอันเหมิน และเข้าไปพระราชวังต้องห้าม เดินประมาณ 3 ชั่วโมงครับ”
“ หลังจากเดินเสร็จพวกเราจะไปนวดเท้ากันนะครับเพราะเดินและยืนนาน ต้องนวดเท้าเพื่อผ่อนคลายครับ”
ดีใจสุดๆที่จะได้เข้าไปชมพระราชวังต้องห้าม เพราะฉันเป็นติ่งซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค ดูแล้วฟินเหมือนได้ย้อนเข้าไปสู่โลกเมื่อหลายร้อยปี
ของเมืองจีน เคยแอบคิดเล่นๆเวลาดูซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค ถ้าได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นพระสนมขององค์จักรพรรดิ ชีวิตจะเป็นอย่างไรน้า
“พระราชวังต้องห้ามได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว สถานที่เเห่งนี้ เเม้ว่าจะตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง
ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เเต่ก็ยังคงความโบราณเเละกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันยาวนานเเละความยิ่งใหญ่
ของประเทศจีนในสมัยก่อนครับ”
ครูซือหวังเล่าให้ฟังเพื่อนักเรียนจะได้ตั้งใจชมเมื่อเข้าไปในพระราชวังต้องห้าม
บรรยากาศตอนนี้ร่มรื่น ลมโชยพัดมา กลิ่นอายของความเก่าแก่ 600 ปีมาแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งและสัมผัสได้กับอดีตที่แสนยาวนาน
พระจักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงที่ได้ประทับในพระราชวังต้องห้าม รวม 24 พระองค์ อาณาจักรวังหลวงแห่งกรุงปักกิ่ง
นี้ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร มีอาคารและตำหนักโบราณ 1,050 หลัง
พระราชวังต้องห้ามถือเป็นมหาราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่โตโอ่อ่าอลังการแห่งนี้แสดงถึงยุคทองที่บรรเจิด
ที่สุดในประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมจีน ได้มีโอกาสเข้ามาชม เป็นอะไรที่วิเศษสุดแล้ว
กาลเวลาในอดีตที่ยาวนานในพระราชวังต้องห้าม มีเหตุการณ์อะไรมากมายที่เกิดขึ้น ฉันสะดุดทางเดินเซ
จนเกือบจะล้มลงเพราะมัวแต่จินตนาการถึงบรรยากาศเมื่อ 600 กว่าปีมาแล้ว ฟินและคิดเมื่อมองเห็นสถานที่จริงในพระราชวัง
“ โอ้ย..เจ็บจัง ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ฉันชนคุณ” ฉันรีบพูดขอโทษคนที่ชนด้วย
“อุ๊ยแย่แล้ว..คุณเป็นอะไรไหมค่ะ”
เพราะตอนนี้ฉันนั่งทับลงไปบนตัวของคนที่ฉันชนด้วย ฉันรีบลุกขึ้นทันทีเท่าที่จะทำได้แต่ก็ยังเซไปชนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆอีก
“ระวังด้วยครับ เดี๋ยวจะเจ็บมากนะครับ” เสียงครูซือหวัง
“ อ้าว..ครูซือหวังเองเหรอค่ะ ขอโทษค่ะ”
ฉันรีบเข้าไปพยุงครูซือหวังให้ยืนขึ้น แต่เป็นด้วยครูซือหวังเขาตัวสูงใหญ่กว่าฉันเยอะ
ทำให้ฉันล้มไปอยู่ในอ้อมกอดของครูซือหวังแบบไม่ได้ตั้งใจ
ว้าว...ตึกตัก..
.....ใจเต้นแบบไม่เป็นจังหวะเพราะไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายเลยตั้งแต่แตกเนื้อสาวมา
“ หน้าแดงมากเลยนะล้อมเดือน ชนต้นไม้มาเหรอเมื่อกี้ แก้มแดงมากนะ ครูจะนวดให้มานี่ซิ “
เขารีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา และเป่าไปที่ผ้าเช็ดหน้าแล้วมานวดที่แก้มด้านซ้ายของฉันเบาๆ แต่ฉันคงโดนต้นไม้ไปจริงๆแบบไม่รู้ตัว
“ โอ้ย..เจ็บค่ะครู เบาๆหน่อยค่ะ” ฉันร้องไปบ่นไปเพราะเจ็บที่แก้มมาก
ใบหน้าของครูซือหวังเข้ามาใกล้ชิดฉันมากเพราะต้องนวดหน้าให้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
การนวดวิธีของครูซือหวัง....
ทำให้ความเจ็บลดลง... แต่กลับทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับครูซือหวัง
...... ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดหลายครั้งแล้ว
ถ้าได้ใกล้ครูซือหวัง ฉันเป็นอะไรของฉันกันนะ ฉันแอบถามตัวเองตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ ถามแล้วถามอีก
ซ้ำๆๆ แต่...จริงๆก็แอบรู้คำตอบ แต่ไม่กล้าคิดมากกว่านั้น กลัวคำตอบผิด...
หลังออกจากชมพระราชวังต้องห้ามแล้ว มานวดเท้าเพราะเดินนานมาก พยายามเดินดูทุกห้อง
ทุกบริเวณเพื่อเก็บภาพเอาไว้ในอัลบั้มและความทรงจำ
ฉันนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับครูซือหวัง คนนวดก็นวดไป ฉันก็แอบมองดูครูซือหวัง ใจตรงกัน เขาก็แอบเหลือบดูฉันเหมือนกัน
พอตามองมาตรงกัน ต่างคนต่างทำเป็นไม่ได้มองซึ่งกันและกัน ฉันรู้สึกอายและเขิน ครูซือหวังก็รู้สึกอายเช่นกัน แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น
“เอ..เขาคิดอะไรกับฉันหรือเปล่าน้า” แอบถามในใจอีกหละ ถามบ่อยจริง..
ปักกิ่ง...ที่รัก ตอน 2
เป็นด่านที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมากที่สุด ด่านนี้มีรถกระเช้าอำนวยความสะดวก แต่เราอยากจะปีนขึ้นกันเองเพื่อทดสอบความแกร่งของขา
ว่าจะไหวหรือเปล่า อากาศเย็นทำให้ฉันไม่เหนื่อยมาก แต่เดินขึ้นพอประมาณเหนื่อยมากเดี๋ยวจะแย่เพราะพรุ่งนี้ต้องมีเรียนศิลปะการต่อสู้
ของจีนอีก
ฉันถ่ายรูปเก็บเอาไว้เยอะเพราะคงจะไม่ได้มาอีก ควีนขอถ่ายรูปกับครูซือหวัง ซึ่งในใจฉันก็อยากจะถ่ายคู่กับครูซือหวังเหมือนกัน
แต่กลุ่มเพื่อนรีบลงมาก่อน ฉันเลยหมดโอกาสถ่ายคู่กับครูซือหวัง แต่ไม่เป็นไรถ้าไปเที่ยวที่อื่นค่อยขอถ่ายด้วยละกัน
รุ่งเช้าตื่นแต่เช้าต้องไปเรียนศิลปะต่อสู้แบบจีน ขาก็รู้สึกเจ็บเพราะเดินขึ้นกำแพงเมืองจีน แต่ต้องทนเพราะถ้าไม่เข้าเรียน
จะไม่ผ่านตามข้อบังคับของทางโรงเรียน
ครูซือหวังเป็นคนสอนศิลปะการต่อสู้ ท่าทางเขาแข็งแกร่ง เหมือนพระเอกหนังบู๊ ตอนแรกครูซือหวังทำท่าให้ดูก่อนรอบแรก
พวกหนุ่มๆทำตามกันง่ายเพราะส่วนใหญ่ผู้ชายจะเก่งด้านการต่อสู้อยู่แล้ว สองสาวมองรอบแรกไม่ทัน และทำตามไม่ได้
“ล้อมเดือนกับควีนทำได้ไหมครับ” ครูซือหวังทำให้ดูหลายรอบมาก จนบรรดาหนุ่มๆหัวเราะชอบใจที่ครูซือหวังเหนื่อยจนหอบ
ที่ทำท่าทางให้ฉันกับควีนดู
“ ครูค่ะ..ฉันยังทำไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าครูเหนื่อยก็พักก่อนนะค่ะ” ฉันบอกครูซือหวังไป
ฉันบอกครูซือหวังไปแบบนั้นเพราะเห็นครูซือหวังเหงื่อออกเต็มหลังเสื้อและเหงื่อย้อยเต็มหน้า ฉันมองเห็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจ
ของครูซือหวังแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกแอบปลื้มในตัวเขาอย่างเงียบๆ ฉันชอบผู้ชายที่อดทนและมุ่งมั่น เพราะจะดูสมกับความเป็นชาย
โปรแกรมเที่ยวของกลุ่มเรามี หอสักการะฟ้าเทียนถาน พระราชวังฤดูร้อน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน ถนนหนานโหลวกู่ วัดลามะ
สนามกีฬารังนก และสุสานราชวงศ์หมิง
ฉันถ่ายภาพและบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อจะนำมาเขียนลงเวบ เพื่อเผยแพร่ให้คนที่ไม่เคยมาได้อ่าน
เผื่อสักวันพวกนักอ่านอาจได้มีโอกาสมาเที่ยวแบบฉันบ้าง
วันนี้กลุ่มเราได้มาเรียนการเขียนพู่กันจีน เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้เขียนพู่กันจีน ยากแต่พอดีฉันเป็นคนชอบวาดรูปอยู่แล้ว
สามารถควบคุมมือให้เขียนอักษรจีนได้ พวกหนุ่มๆมีแซวฉันว่าอยากให้ฉันเขียนคำว่า” ฉันรักคุณ”
พอครูซือหวังได้ยินหนุ่มๆแซวฉันแบบนั้น เขาก็แอบอมยิ้มที่มุมปาก ซึ่งบังเอิญฉันหันไปเห็นพอดี
ครูซือหวังเห็นว่าฉันเห็นเขายิ้ม ....
ครูซือหวังทำท่าทางอายๆ รอยยิ้มของเขาทำให้ใจฉันรู้สึกแกว่งไปมา
..... เหมือนนั่งชิงช้า แล้วโดนคนด้านล่างผลักให้แกว่งไปไกลและสูง....
และฉันเผลอมองเขานิ่งนานไปพักหนึ่งแบบไม่รู้สึกตัว เหมือนโดนมนต์สะกด จนพวกหนุ่มๆตะโกนขึ้นมาว่า
“นั่นงายหละล้อมเดือนชอบครูซือหวังจริงๆ เธอมองเขานานมาก”
พอฉันได้ยินพวกเขาพูดแบบนั้น ฉันสะดุ้งสุดตัวที่เผลอมองครูซือหวังแบบตกอยู่ในภวังค์ ฉันรู้สึกอายมากที่โดนพวกหนุ่มๆแอบสังเกตเห็น
ครูซือหวังหัวเราะดังเมื่อได้ยินหนุ่มๆแซวฉันแบบนั้น เขาเดินมาหาฉันแล้วพูดว่า
“อย่าไปสนใจพวกเขาพูดเลย รีบเขียนคำที่พวกเขาบอกไปครับ ครูจะดูว่าเธอเขียนได้ไหม”
เป็นอย่างนั้นไปครูซือหวัง ฉันมือสั่นที่ต้องเขียนคำว่า “ ฉันรักคุณ” ให้ครูซือหวังดู
“ ดีมากครับ เธอเขียนได้สวยมากครับ” ครูซือหวังมองตัวหนังสือแล้วหันมามองหน้าฉัน
ตอนนั้นบอกเลยว่าฉันหน้าชาๆและแสบๆที่หน้ามาก ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดีเพื่อไม่ให้ครูซือหวังสัมผัสได้กับความรู้สึกของฉัน
...... ฉันก็เลยยิ้มแบบตัวตลกเพื่อปกปิดความรู้สึกลึกๆเอาไว้
ครูซือหวังเห็นฉันยิ้มแบบนั้น เขาหัวเราะดังจนหนุ่มๆหันมามองทางเดียวกัน ยิ่งทำให้ฉันทำท่าเป็นตัวตลก ทุกคนหัวเราะกันสนุกสนาน
เป็นโอกาสที่ฉันกลบเกลี่อนได้เนียน รอดตัวไปฉันเกือบถูกจับได้แล้วไหมหละ ว่าแอบคิดอะไรกับครูซือหวังอยู่
“วันนี้พวกเราจะได้ไปชมพระราชวังต้องห้าม และจัตุรัสเทียนอันเหมิน ทุกคนต้องแต่งกายให้สุภาพ ใส่รองเท้าหุ้มข้อหรือคัทชูนะครับ”
ครูซือหวังแนะนำนักเรียนที่จะไปชมในวันนี้ เพราะต้องให้เกียรติและเคารพสถานที่
“วันนี้จะเดินมากเลยนะครับ เราจะเข้าทางประตูเทียนอันเหมิน และเข้าไปพระราชวังต้องห้าม เดินประมาณ 3 ชั่วโมงครับ”
“ หลังจากเดินเสร็จพวกเราจะไปนวดเท้ากันนะครับเพราะเดินและยืนนาน ต้องนวดเท้าเพื่อผ่อนคลายครับ”
ดีใจสุดๆที่จะได้เข้าไปชมพระราชวังต้องห้าม เพราะฉันเป็นติ่งซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค ดูแล้วฟินเหมือนได้ย้อนเข้าไปสู่โลกเมื่อหลายร้อยปี
ของเมืองจีน เคยแอบคิดเล่นๆเวลาดูซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค ถ้าได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นพระสนมขององค์จักรพรรดิ ชีวิตจะเป็นอย่างไรน้า
“พระราชวังต้องห้ามได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว สถานที่เเห่งนี้ เเม้ว่าจะตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง
ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เเต่ก็ยังคงความโบราณเเละกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันยาวนานเเละความยิ่งใหญ่
ของประเทศจีนในสมัยก่อนครับ”
ครูซือหวังเล่าให้ฟังเพื่อนักเรียนจะได้ตั้งใจชมเมื่อเข้าไปในพระราชวังต้องห้าม
บรรยากาศตอนนี้ร่มรื่น ลมโชยพัดมา กลิ่นอายของความเก่าแก่ 600 ปีมาแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งและสัมผัสได้กับอดีตที่แสนยาวนาน
พระจักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงที่ได้ประทับในพระราชวังต้องห้าม รวม 24 พระองค์ อาณาจักรวังหลวงแห่งกรุงปักกิ่ง
นี้ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร มีอาคารและตำหนักโบราณ 1,050 หลัง
พระราชวังต้องห้ามถือเป็นมหาราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่โตโอ่อ่าอลังการแห่งนี้แสดงถึงยุคทองที่บรรเจิด
ที่สุดในประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมจีน ได้มีโอกาสเข้ามาชม เป็นอะไรที่วิเศษสุดแล้ว
กาลเวลาในอดีตที่ยาวนานในพระราชวังต้องห้าม มีเหตุการณ์อะไรมากมายที่เกิดขึ้น ฉันสะดุดทางเดินเซ
จนเกือบจะล้มลงเพราะมัวแต่จินตนาการถึงบรรยากาศเมื่อ 600 กว่าปีมาแล้ว ฟินและคิดเมื่อมองเห็นสถานที่จริงในพระราชวัง
“ โอ้ย..เจ็บจัง ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ฉันชนคุณ” ฉันรีบพูดขอโทษคนที่ชนด้วย
“อุ๊ยแย่แล้ว..คุณเป็นอะไรไหมค่ะ”
เพราะตอนนี้ฉันนั่งทับลงไปบนตัวของคนที่ฉันชนด้วย ฉันรีบลุกขึ้นทันทีเท่าที่จะทำได้แต่ก็ยังเซไปชนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆอีก
“ระวังด้วยครับ เดี๋ยวจะเจ็บมากนะครับ” เสียงครูซือหวัง
“ อ้าว..ครูซือหวังเองเหรอค่ะ ขอโทษค่ะ”
ฉันรีบเข้าไปพยุงครูซือหวังให้ยืนขึ้น แต่เป็นด้วยครูซือหวังเขาตัวสูงใหญ่กว่าฉันเยอะ
ทำให้ฉันล้มไปอยู่ในอ้อมกอดของครูซือหวังแบบไม่ได้ตั้งใจ
ว้าว...ตึกตัก..
.....ใจเต้นแบบไม่เป็นจังหวะเพราะไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายเลยตั้งแต่แตกเนื้อสาวมา
“ หน้าแดงมากเลยนะล้อมเดือน ชนต้นไม้มาเหรอเมื่อกี้ แก้มแดงมากนะ ครูจะนวดให้มานี่ซิ “
เขารีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา และเป่าไปที่ผ้าเช็ดหน้าแล้วมานวดที่แก้มด้านซ้ายของฉันเบาๆ แต่ฉันคงโดนต้นไม้ไปจริงๆแบบไม่รู้ตัว
“ โอ้ย..เจ็บค่ะครู เบาๆหน่อยค่ะ” ฉันร้องไปบ่นไปเพราะเจ็บที่แก้มมาก
ใบหน้าของครูซือหวังเข้ามาใกล้ชิดฉันมากเพราะต้องนวดหน้าให้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
การนวดวิธีของครูซือหวัง....
ทำให้ความเจ็บลดลง... แต่กลับทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับครูซือหวัง
...... ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดหลายครั้งแล้ว
ถ้าได้ใกล้ครูซือหวัง ฉันเป็นอะไรของฉันกันนะ ฉันแอบถามตัวเองตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ ถามแล้วถามอีก
ซ้ำๆๆ แต่...จริงๆก็แอบรู้คำตอบ แต่ไม่กล้าคิดมากกว่านั้น กลัวคำตอบผิด...
หลังออกจากชมพระราชวังต้องห้ามแล้ว มานวดเท้าเพราะเดินนานมาก พยายามเดินดูทุกห้อง
ทุกบริเวณเพื่อเก็บภาพเอาไว้ในอัลบั้มและความทรงจำ
ฉันนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับครูซือหวัง คนนวดก็นวดไป ฉันก็แอบมองดูครูซือหวัง ใจตรงกัน เขาก็แอบเหลือบดูฉันเหมือนกัน
พอตามองมาตรงกัน ต่างคนต่างทำเป็นไม่ได้มองซึ่งกันและกัน ฉันรู้สึกอายและเขิน ครูซือหวังก็รู้สึกอายเช่นกัน แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น
“เอ..เขาคิดอะไรกับฉันหรือเปล่าน้า” แอบถามในใจอีกหละ ถามบ่อยจริง..