
ตัวเรา อายุ 27 ปี การศึกษา ป.ตรี ด้านสังคม ทำงานออฟฟิศ เงินเดือน 2x,xxx พอมีพอกิน หาเช้ากินค่ำ กินอยู่ในบ้านพ่อแม่
ชอบทำงานบ้าน แต่ไม่เก่งเรื่องทำกับข้าว กินเหล้าเฉพาะตอนมีงานสังสรรค์ ไม่สูบบุหรี่ ขับรถเข้าเมืองไม่เก่ง

ตัวแฟน อายุ 27 ปี การศึกษา ป.ตรี ด้านดนตรี อาชีพกลางคืน รายได้ไม่แน่นอน 2x,xxx ในช่วงสถานการณ์ covid แทบไม่มีรายได้ ทำอาชีพเสริมขายข้าวหมูทอดออนไลน์ กินเหล้า สูบบุหรี่ (เจ้าชู้หรือป่าวไม่เคยจับได้) พอมีพอกินเช่นกัน กินอยู่ในบ้านพ่อแม่ที่เป็นคนจีน ที่มีลูกชายคนเดียว ตามใจมากแต่ก็ชอบดุ ชอบบ่น เนื่องจากแฟนเราไม่ค่อยช่วยงานบ้าน
ช่วง 1-3 ปี (อายุ 18-21) พบรักกันในช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยความเป็นวัยรุ่น คึกคะนอง การเลือกคบแฟน ก็ไม่ได้คำนึงถึงอนาคต ฉันถูกใจเธอถูกใจ ก็ตกลงคบกัน ข้าวใหม่ปลามัน มีความสุข มีความรัก ได้ท่องเที่ยว มีเวลาให้กันช่วงหลังเลิกเรียน ถึงแม้จะคนละมหาวิทยาลัย แต่เจอกันบ้างวันเว้นวัน เพราะเพื่อนแฟนเรียนสาขาเดียวกับเรา จึงมาพบปะกันบ่อย อยู่ด้วยกันนานสุดตอนเที่ยวต่างจังหวัด มีปัญหาเกือบเลิกกันเพราะมีมือที่สาม (เป็นแฟนเก่าของแฟน) แต่เราก็กลับมาดีกัน จากนั้นไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงอีกเลย
ช่วง 4-6 ปี (อายุ 22-24) เข้าสู่วัยทำงาน ตัวดิฉันเริ่มงานใหม่ในบริษัทเล็ก เงินเดือนหมื่นต้นๆ ตัวแฟนเดินสายอาชีพกลางคืน
เวลาเริ่มไม่ตรงกัน เจอกันสัปดาห์ละครั้ง โดยการไปค้างบ้านแฟนที่เป็นคนจีน ช่วงแรกๆรับไม่ได้ ช่วงหลังพ่อแม่เค้าคงชินไปแล้ว (บ้านห่างกันไป-กลับ 60 กิโล) ดำเนินชีวิตไปด้วยดี ไม่มีปัญหาความรัก แฟนยังคงอาชีพเดิม และอาชีพเสริมสอนดนตรี ยกเครื่องเสียงเล็กน้อยๆ ต่างคนต่างมีรายได้เป็นของตัวเอง เวลาไปกินข้าวส่วนใหญ่แฟนจ่ายให้ มีบางครั้งที่หารครึ่งกัน (ในมื้อแพงๆ) ไม่เคยคุยกันในเรื่องอนาคต มันอาจเร็วไป ซึ่งเค้าค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง เราก็เป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ ไปวันวัน
ช่วง 7-9 ปี (อายุ 25-ปัจจุบัน) วัยทำงานอีกช่วง ความรักยังคงเหมือนเดิม ไปหากันบ้างสัปดาห์ละครั้งเช่นเดิม เวลาไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ เค้าตื่นเรานอน เค้านอนเราทำงาน ตัวดิฉันเปลี่ยนงานใหม่ เงินเดือนสองหมื่นนิดๆ ตัวแฟนยังคงอาชีพเดิม อาชีพเสริมขายข้าวหมูทอดออนไลน์ เพิ่มเติมคือเริ่มติดเหล้า ติดบุหรี่ ประกอบกับสถานการณ์ Covid ทำให้ไม่มีรายได้ เค้าว่างงาน 2-3 เดือน กินเงินเก่า บางครั้งนั่งเขียนเพลงก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ อาชีพขายข้าวหมูทอดออนไลน์ แบบไม่มีหน้าร้าน (ช่วงกลางคืน 20.000 – 04.00 น.) พอขายได้เฉลี่ยวันละ 300 บาท แต่ถ้าหักค่าเหล้า+บุหรี่ ก็ควักเนื้ออยู่ดี เราเคยจะคุยเรื่องให้หยุดกินเหล้าบ้างอย่างจริงจัง พอโทรไปช่วงเช้าก็พบว่าเมา คุยกันก็ทะเลาะกันทุกครั้ง เค้าหยุดได้เป็นพักๆ กินทีก็เมาไม่มีสติทุกครั้ง เราคิดว่าเค้าเครียดเรื่องงาน ถ้ามีงานปกติเค้าก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เราทำหน้าที่แฟนได้แค่ให้กำลังใจ แนะนำให้ลองทำนู้นทำนี้สิ แต่ไม่เคยช่วยเรื่องเงิน และเราก็นิสัยเสียชอบว่าแฟนเรื่องกินเหล้าบ่อย (เราอารมณ์เสียกับเรื่องนี้บ่อยมาก) จนปัจจุบันนี้ ตัวเรามีเงินเก็บจากการทำงาน 8 หมื่นต้นๆ ตัวแฟนมีเงินเก็บไม่ถึงหมื่น ไม่มีค่าใช้จ่ายรวมกันเนื่องจากช่วงโควิด ไม่เจอกันเกือบเดือน เพราะเราเป็นห่วงพ่อแม่ของแต่ละฝั่ง ท่านมีอายุมากและโรคประจำตัวทุกคน จึงห่างกันไว้ก่อนดีกว่า (พ่อแม่ฝั่งเราฝั่งเค้า ไม่เคยคุยกันเลย)
ความรู้สึกตอนนี้ :
1. ไปต่อไม่ถูกกับความรัก จากสภาพแวดล้อมของเราเอง เพื่อน พี่ แม้แต่พ่อแม่ มีความรักที่มักไปกันไม่รอด ทะเลาะเลิกกันเป็นส่วนใหญ่ (หรือเราไม่หัดมองตัวอย่างดีๆ ก็ไม่รู้นะคะ เจอแต่แบบนี้จริงๆ) และรู้สึกไม่อยากมีความรักแล้ว เข็ดกับเรื่องผู้ชายจริงๆ หากคิดถึงเรื่องอนาคต เฮ้อ คิดไม่ออก ปัจจุบันยังไปไม่รอด ทั้งหมดนี้เราคิดไปเองคนเดียว รู้สึกคนเดียว เราจึงมาเขียนระบายความรู้สึก ส่วนตัวแฟนเค้าก็รู้ว่าเราบ่นมากกว่าเดิม มีอารมณ์ชวนทะเลาะกันบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่เคยเปิดอกคุยกัน
2. เราอาจคิดมากในเรื่องอนาคต ปัญหาอาชีพ การเงิน ที่ไม่มั่นคงของฝ่ายชาย
คำถาม :
ไปต่อหรือพอแค่นี้ (หากไปต่อ จะทำตัวอย่างไรกับความรักครั้งนี้)
ไปต่อหรือพอแค่นี้ (ความรักในวัย 27 )
ชอบทำงานบ้าน แต่ไม่เก่งเรื่องทำกับข้าว กินเหล้าเฉพาะตอนมีงานสังสรรค์ ไม่สูบบุหรี่ ขับรถเข้าเมืองไม่เก่ง
ช่วง 1-3 ปี (อายุ 18-21) พบรักกันในช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยความเป็นวัยรุ่น คึกคะนอง การเลือกคบแฟน ก็ไม่ได้คำนึงถึงอนาคต ฉันถูกใจเธอถูกใจ ก็ตกลงคบกัน ข้าวใหม่ปลามัน มีความสุข มีความรัก ได้ท่องเที่ยว มีเวลาให้กันช่วงหลังเลิกเรียน ถึงแม้จะคนละมหาวิทยาลัย แต่เจอกันบ้างวันเว้นวัน เพราะเพื่อนแฟนเรียนสาขาเดียวกับเรา จึงมาพบปะกันบ่อย อยู่ด้วยกันนานสุดตอนเที่ยวต่างจังหวัด มีปัญหาเกือบเลิกกันเพราะมีมือที่สาม (เป็นแฟนเก่าของแฟน) แต่เราก็กลับมาดีกัน จากนั้นไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงอีกเลย
ช่วง 4-6 ปี (อายุ 22-24) เข้าสู่วัยทำงาน ตัวดิฉันเริ่มงานใหม่ในบริษัทเล็ก เงินเดือนหมื่นต้นๆ ตัวแฟนเดินสายอาชีพกลางคืน
เวลาเริ่มไม่ตรงกัน เจอกันสัปดาห์ละครั้ง โดยการไปค้างบ้านแฟนที่เป็นคนจีน ช่วงแรกๆรับไม่ได้ ช่วงหลังพ่อแม่เค้าคงชินไปแล้ว (บ้านห่างกันไป-กลับ 60 กิโล) ดำเนินชีวิตไปด้วยดี ไม่มีปัญหาความรัก แฟนยังคงอาชีพเดิม และอาชีพเสริมสอนดนตรี ยกเครื่องเสียงเล็กน้อยๆ ต่างคนต่างมีรายได้เป็นของตัวเอง เวลาไปกินข้าวส่วนใหญ่แฟนจ่ายให้ มีบางครั้งที่หารครึ่งกัน (ในมื้อแพงๆ) ไม่เคยคุยกันในเรื่องอนาคต มันอาจเร็วไป ซึ่งเค้าค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง เราก็เป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ ไปวันวัน
ช่วง 7-9 ปี (อายุ 25-ปัจจุบัน) วัยทำงานอีกช่วง ความรักยังคงเหมือนเดิม ไปหากันบ้างสัปดาห์ละครั้งเช่นเดิม เวลาไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ เค้าตื่นเรานอน เค้านอนเราทำงาน ตัวดิฉันเปลี่ยนงานใหม่ เงินเดือนสองหมื่นนิดๆ ตัวแฟนยังคงอาชีพเดิม อาชีพเสริมขายข้าวหมูทอดออนไลน์ เพิ่มเติมคือเริ่มติดเหล้า ติดบุหรี่ ประกอบกับสถานการณ์ Covid ทำให้ไม่มีรายได้ เค้าว่างงาน 2-3 เดือน กินเงินเก่า บางครั้งนั่งเขียนเพลงก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ อาชีพขายข้าวหมูทอดออนไลน์ แบบไม่มีหน้าร้าน (ช่วงกลางคืน 20.000 – 04.00 น.) พอขายได้เฉลี่ยวันละ 300 บาท แต่ถ้าหักค่าเหล้า+บุหรี่ ก็ควักเนื้ออยู่ดี เราเคยจะคุยเรื่องให้หยุดกินเหล้าบ้างอย่างจริงจัง พอโทรไปช่วงเช้าก็พบว่าเมา คุยกันก็ทะเลาะกันทุกครั้ง เค้าหยุดได้เป็นพักๆ กินทีก็เมาไม่มีสติทุกครั้ง เราคิดว่าเค้าเครียดเรื่องงาน ถ้ามีงานปกติเค้าก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เราทำหน้าที่แฟนได้แค่ให้กำลังใจ แนะนำให้ลองทำนู้นทำนี้สิ แต่ไม่เคยช่วยเรื่องเงิน และเราก็นิสัยเสียชอบว่าแฟนเรื่องกินเหล้าบ่อย (เราอารมณ์เสียกับเรื่องนี้บ่อยมาก) จนปัจจุบันนี้ ตัวเรามีเงินเก็บจากการทำงาน 8 หมื่นต้นๆ ตัวแฟนมีเงินเก็บไม่ถึงหมื่น ไม่มีค่าใช้จ่ายรวมกันเนื่องจากช่วงโควิด ไม่เจอกันเกือบเดือน เพราะเราเป็นห่วงพ่อแม่ของแต่ละฝั่ง ท่านมีอายุมากและโรคประจำตัวทุกคน จึงห่างกันไว้ก่อนดีกว่า (พ่อแม่ฝั่งเราฝั่งเค้า ไม่เคยคุยกันเลย)
ความรู้สึกตอนนี้ :
1. ไปต่อไม่ถูกกับความรัก จากสภาพแวดล้อมของเราเอง เพื่อน พี่ แม้แต่พ่อแม่ มีความรักที่มักไปกันไม่รอด ทะเลาะเลิกกันเป็นส่วนใหญ่ (หรือเราไม่หัดมองตัวอย่างดีๆ ก็ไม่รู้นะคะ เจอแต่แบบนี้จริงๆ) และรู้สึกไม่อยากมีความรักแล้ว เข็ดกับเรื่องผู้ชายจริงๆ หากคิดถึงเรื่องอนาคต เฮ้อ คิดไม่ออก ปัจจุบันยังไปไม่รอด ทั้งหมดนี้เราคิดไปเองคนเดียว รู้สึกคนเดียว เราจึงมาเขียนระบายความรู้สึก ส่วนตัวแฟนเค้าก็รู้ว่าเราบ่นมากกว่าเดิม มีอารมณ์ชวนทะเลาะกันบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่เคยเปิดอกคุยกัน
2. เราอาจคิดมากในเรื่องอนาคต ปัญหาอาชีพ การเงิน ที่ไม่มั่นคงของฝ่ายชาย
คำถาม :
ไปต่อหรือพอแค่นี้ (หากไปต่อ จะทำตัวอย่างไรกับความรักครั้งนี้)