รู้จักวัสดุก่อสร้างรักษ์โลก เพื่อบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          ทราบหรือไม่ครับ ว่าเราสามารถทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ  เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่ทำได้ทันทีในชีวิตประจำวัน เช่น การปิดไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน การคัดแยกขยะ การปลูกต้นไม้รอบบ้าน การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกตามที่หน่วยงานต่าง ๆ  ได้รณรงค์ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาภาระของโลกได้เช่นเดียวกัน 

          โดยหลักการของบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะเน้นการใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ใช้พลังงานทดแทน ไปจนถึงการผลิตพลังงานได้เองด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ และใช้ตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ สำหรับคนที่กำลังมองหาแนวทางการสร้างบ้านรักษ์โลก เน้นการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดพลังงาน SCG Home Expert มีข้อแนะนำดี ๆ มาแบ่งปันกันครับ 


แนวทางการสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 
          - จัดผังบ้านให้สอดคล้องกับทิศทางแสงและลม  แสงและลมเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาวะในบ้าน การออกแบบผังบ้านจึงควรออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เช่น เมืองไทยพระอาทิตย์เดินทางอ้อมทิศใต้ แสงจึงส่องมากในทิศตะวันตก ทิศใต้ ควรจัดห้องที่ต้องการแสงมากหรือห้องที่ต้องการขจัดความชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ไว้ทิศทางนั้น พร้อมกับทำช่องเปิดให้สามารถรับกระแสลมได้ดี และจัดตำแหน่งรับแสงให้บ้านอยู่ในบริเวณที่เหมาะสม การจัดผังบ้านที่ดีจะช่วยลดการเปิดใช้ไฟในช่วงกลางวัน ลดอุณหภูมิภายในบ้านและลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้เช่นกันครับ

         
           - จัดภูมิทัศน์รอบด้านเพื่อเพิ่มร่มเงา สิ่งแวดล้อมรอบบ้านมีสองแบบ แบบแรกคือสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่เดิมและแบบสองคือสิ่งแวดล้อมที่สร้างขึ้นใหม่ หากต้องการให้บ้านเป็นมิตรกับธรรมชาติ จำเป็นต้องผสมทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยการจัดผังบ้านให้เหมาะกับทิศทางแสง ทิศทางลม อย่างที่กล่าวไว้ในข้อแรก พร้อมกับทำการจัดภูมิทัศน์รอบด้าน ให้เอื้อต่อการสร้างร่มเงา ให้ความร่มรื่น เติมความสดชื่นแก่การอยู่อาศัย

          - ติดตั้งแผงโซลาร์ ดึงพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ภายในครัวเรือน อย่างที่เราทราบกันดีว่าพลังงานไฟฟ้าเกิดขึ้นได้จากการใช้ทรัพยากรมหาศาล และทุกครั้งที่เราใช้ไฟฟ้าก็มีการปล่อยของเสียขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ การสร้างความยั่งยืนให้บ้านจึงควรลดการใช้พลังงานไฟฟ้ากระแสหลัก หันมาใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งปัจจุบันทางภาครัฐมีการสนับสนุนให้ใช้มากขึ้น อีกทั้งหากมีไฟฟ้าเหลือยังสามารถขายคืนให้รัฐได้อีกด้วย

          - ใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถเริ่มต้นได้จากการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ มีขั้นตอนการผลิตที่ช่วยลดมลพิษ ลดขยะออกสู่สังคมโดยการใช้วัสดุหมุนเวียนเป็นส่วนประกอบในการผลิต และต้องเป็นมิตรต่อสุขภาพและสุขอนามัยที่ดีด้วย ซึ่งปัจจุบันหากวัสดุชนิดใดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะมีการติดฉลากรับรองไว้บนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคเลือกใช้ได้ง่าย เช่น เช่น สัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ฉลาก Carbon Footprint บอกปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์ ฉลากเขียว และ SCG Green Choice เป็นต้น

5 ตัวอย่างวัสดุก่อสร้างรักษ์โลก
          ในเมืองไทยมีวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากมาย แต่ในเนื้อหานี้ขอนำตัวอย่างวัสดุก่อสร้างที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสำหรับใช้งานตั้งแต่ฐานรากถึงหลังคา มาให้รู้จักกันครับ

1.งานโครงสร้าง

          ปูนงานโครงสร้าง  ปัจจุบันมีปูนที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต อย่างน้อย 50 กิโลกรัม CO2 ต่อตันปูนซีเมนต์ เป็นนวัตกรรมปูนสำหรับงานโครงสร้างเพื่อ ผ่านการคิดค้นด้วยหลักวัสดุศาสตร์ Materials Science และเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานใหม่ด้วย Hybrid Technology ช่วยให้โครงสร้างที่ได้แข็งแรง ทนทาน และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
          ในการสร้างบ้านนอกจากการใส่ใจต่อโลกแล้ว จะดียิ่งกว่าหากเลือกใช้ปูนงานโครงสร้างที่มีคุณภาพ เนื่องด้วยปูนซีเมนต์ถือเป็นส่วนผสมหลักของบ้าน ทั้งเสาเข็ม ฐานราก ตอม่อ คานคอดิน เสาและพื้น เพราะโครงสร้างบ้านจะแข็งแรง มั่นคง ต้องเริ่มจากวัสดุที่อยู่ข้างใน กลับกันหากเลือกปูนซีเมนต์ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลกระทบถึงโครงสร้างหลักของบ้านกลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องตามแก้ไขกันในภายหลัง เสียทั้งเงิน และเวลา แถมยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุอีกด้วย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2.หลังคา

          งานหลังคาถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันครับ ซึ่งหลังคามีให้เลือกหลากหลายวัสดุ หลากหลายรูปลอน และสี ตามสไตล์ของบ้าน อาทิ กระเบื้องหลังคาเซรามิก กระเบื้องหลังคาคอนกรีต หลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นต้น ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้เลยว่าเป็นสินค้าที่ช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และยืดอายุการใช้งาน (Circularity) โดยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิต อย่างน้อย 4-15% และ บางรุ่นสามารถสะท้อนความร้อน ช่วยให้บ้านเย็นอยู่สบาย และประหยัดค่าไฟจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย

3.สินค้าที่ช่วยลดการใช้พลังงานภายในบ้าน ได้แก่

          - แผ่นสะท้อนความร้อน สำหรับหลังคา ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน (Climate Resilience) ช่วยประหยัดค่าไฟอย่างน้อย 30%

          - ฉนวนกันความร้อน ฉนวนกันความร้อนที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล อย่างน้อย 80% เพื่อทดแทนการใช้วัสดุจากธรรมชาติ การใส่ฉนวนจะช่วยสะท้อนความร้อน 95% ป้องกันความร้อนได้ถึง 6 เท่า ช่วยลดความร้อนให้บ้านเย็นขึ้น 3-4 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังผลิตจากวัสดุรีไซเคิล อย่างน้อย 80% เพื่อทดแทนการใช้วัสดุจากธรรมชาติอีกด้วย 

4.งานสุขภัณฑ์ที่ช่วยประหยัดน้ำ

          ประหยัดไฟแล้วมาดูสินค้าที่ช่วยประหยัดน้ำกันบ้างนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ก๊อกสำหรับอ่างล้างมือ ฝักบัวอาบน้ำหลากหลายรูปแบบ ที่ลดการใช้น้ำได้มากกว่า 20% ไปจนถึง สุขภัณฑ์อัจฉริยะ (Integrated Toilet) ที่ช่วยลดการใช้น้ำได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับสุขภัณฑ์ทั่วไป 

          เป็นอย่างไรบ้างครับกับแนวทางสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นได้ว่าสามารถทำได้ ตั้งแต่ส่วนของงานรากฐานอย่างปูนซีเมนต์ไปจนถึงงานหลังคาเลยทีเดียว จะดีแค่ไหนถ้าได้ใส่ใจเลือกใช้วัสดุจากสินค้าและบริการที่น่าเชื่อถือ มีนวัตกรรมที่ทันสมัย ช่วยรับรองการลดภาวะโลกร้อน ทั้งช่วยประหยัดและได้รับความคุ้มค่าในระยะยาว “คุณเลือก เพื่อโลกได้”

หากผู้อ่านสนใจปูนงานโครงสร้าง สูตรไฮบริด ที่ได้รับฉลาก SCG Green Choice สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/3ejq8Dj

เพี้ยนชนะเลิศ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่