
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -27 พ.ค. 68 17:34 น.
SCC เผยแนวโน้มไตรมาส 2/68 ดีขึ้น หลังปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ในประเทศ และดีมานด์ในเมียนมาเพิ่มขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่ต้นทุนพลังงานลดลง แย้มอยู่ระหว่างพิจารณากลับมาเดินเครื่องโครงการ LSP ที่เวียดนาม หลังธุรกิจเคมิคอลส์เห็นสัญญาณมาร์จิ้นฟื้นตัว
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยในงาน Opportunity day ว่า ในไตรมาส 2/68 ธุรกิจปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการก่อสร้างและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ได้รับผลบวกจากต้นทุนพลังงานที่ปรับลง และได้รับอานิสงค์เต็มที่จากการประกาศปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ในประเทศขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค 68 ที่คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/68
ส่วนธุรกิจเคมิคอลส์อาจเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของมาร์จิ้นหากราคาวัตถุดิบลดลงต่อ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวขึ้นมา โดยคาดปัจจัยหนุนมาจากต้นทุนแนฟทาที่ลดลงตามราคาน้ำมัน และจากปัจจัยนี้ทำให้บริษัทมีแผนจะเดินเครื่องโครงการลองเซินปิโตรเคมิคอลส์ (LSP) ที่เวียดนาม หากราคากลับมาถึงระดับจุดคุ้มทุน ซึ่งกำลังดูรายละเอียดอยู่ ถ้ามาร์จิ้นดีขึ้นก็เดินเครื่องได้ แต่ปัจจุบัน ยังไม่ได้กลับมาเปิดการผลิต ยังรักษาสภาพเครื่องจักรไว้
ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะได้แรงหนุนจากความต้องการกลุ่มธุรกิจบริการอาหาร และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูมิภาค
"ในไตรมาส 2/68 ธุรกิจซีเมนต์ดูดีขึ้น ดีมานด์เข้ามาทั้งจากโครงการเบิกจ่ายภาครัฐ และจากเมียนมา ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ต้องการใช้ซีเมนต์จำนวนมาก เพราะโรงงานในเมียนมา หยุดการผลิตไป ที่จะเกิดดีมานด์จากการซ่อมแซมเยอะมาก แพ็คเก็จจิ้งกลับดีขึ้น ธุรกิจเคมิคอลส์เริ่มเห็นสัญญาณฟื้น"
ในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสที่บริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษ จาก Good View Adjustment ผ่านบริษัทลูก คือ Chandra Asri ที่เข้าซื้อโรงกลั่นในสิงคโปร์จาก Shell ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์
บริษัทยังคงงบลงทุนปีนี้ 30,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/68 ใช้ไปแล้ว 6,100 ล้านบาท แต่จะคุมเข้มการลงทุน เน้นในโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่เร็ว
ขณะที่ บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการรักษากระแสเงินสด (Cash Flow) ให้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง และ ตัดขายธุรกิจที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งการมี Cash Flow ที่แข็งแรงจะทำให้บริษัทผ่านพ้นสถานการณ์ช่วงนี้ไปได้
https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=YmJRNlc3dUJFeW89&security=SCC
สรุป Opp Day: SCC แย้ม Q2/68 สดใส
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -27 พ.ค. 68 17:34 น.
SCC เผยแนวโน้มไตรมาส 2/68 ดีขึ้น หลังปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ในประเทศ และดีมานด์ในเมียนมาเพิ่มขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่ต้นทุนพลังงานลดลง แย้มอยู่ระหว่างพิจารณากลับมาเดินเครื่องโครงการ LSP ที่เวียดนาม หลังธุรกิจเคมิคอลส์เห็นสัญญาณมาร์จิ้นฟื้นตัว
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยในงาน Opportunity day ว่า ในไตรมาส 2/68 ธุรกิจปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการก่อสร้างและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ได้รับผลบวกจากต้นทุนพลังงานที่ปรับลง และได้รับอานิสงค์เต็มที่จากการประกาศปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ในประเทศขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค 68 ที่คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/68
ส่วนธุรกิจเคมิคอลส์อาจเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของมาร์จิ้นหากราคาวัตถุดิบลดลงต่อ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวขึ้นมา โดยคาดปัจจัยหนุนมาจากต้นทุนแนฟทาที่ลดลงตามราคาน้ำมัน และจากปัจจัยนี้ทำให้บริษัทมีแผนจะเดินเครื่องโครงการลองเซินปิโตรเคมิคอลส์ (LSP) ที่เวียดนาม หากราคากลับมาถึงระดับจุดคุ้มทุน ซึ่งกำลังดูรายละเอียดอยู่ ถ้ามาร์จิ้นดีขึ้นก็เดินเครื่องได้ แต่ปัจจุบัน ยังไม่ได้กลับมาเปิดการผลิต ยังรักษาสภาพเครื่องจักรไว้
ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะได้แรงหนุนจากความต้องการกลุ่มธุรกิจบริการอาหาร และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูมิภาค
"ในไตรมาส 2/68 ธุรกิจซีเมนต์ดูดีขึ้น ดีมานด์เข้ามาทั้งจากโครงการเบิกจ่ายภาครัฐ และจากเมียนมา ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ต้องการใช้ซีเมนต์จำนวนมาก เพราะโรงงานในเมียนมา หยุดการผลิตไป ที่จะเกิดดีมานด์จากการซ่อมแซมเยอะมาก แพ็คเก็จจิ้งกลับดีขึ้น ธุรกิจเคมิคอลส์เริ่มเห็นสัญญาณฟื้น"
ในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสที่บริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษ จาก Good View Adjustment ผ่านบริษัทลูก คือ Chandra Asri ที่เข้าซื้อโรงกลั่นในสิงคโปร์จาก Shell ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์
บริษัทยังคงงบลงทุนปีนี้ 30,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/68 ใช้ไปแล้ว 6,100 ล้านบาท แต่จะคุมเข้มการลงทุน เน้นในโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่เร็ว
ขณะที่ บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการรักษากระแสเงินสด (Cash Flow) ให้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง และ ตัดขายธุรกิจที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งการมี Cash Flow ที่แข็งแรงจะทำให้บริษัทผ่านพ้นสถานการณ์ช่วงนี้ไปได้
https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=YmJRNlc3dUJFeW89&security=SCC