ต้องทำอย่างไรดีคะ ตอนนี้รู้สึกอึดอัดกับคำว่าครอบครัวหลังมีลูกมาก

ก่อนแต่งงานมีลูก ทุกอย่างเหมือนจะดีไปหมด เคยคิดว่าถ้าเราคลอดตัวเล็กมา เราจะเป็นครอบครัวที่มีความสุขเหมือนที่คาดฝันไว้ ...
  เมื่อก่อนตอนก่อนท้องเรากับแฟนอยู่หอ ก่อนไปทำงานหลังเลิกงาน จะบอกลากันทุกวัน ทะเลาะกันเราไม่เคยปล่อยให้ทะเลาะกันข้ามคืน นอนกอดกันทุกวัน ทำกินกรรม ดูหนัง เล่นเกมส์กินข้าวด้วยกันทุกวัน เอาใจใส่เรื่องเล็กๆน้อยๆให้กันเสมอ
  แต่พอหลังจากที่แต่งกันแล้ว ถึงเวลา คลอดน้องเขาดูแลเราทุกอย่าง คอยเช็ดตัว เช็ดเลือดให้เราแบบไม่รังเกียจ คอยวิ่งเอานมที่เราปั๊มวิ่งไปให้ลูกที่อยู่อีกตึก อดหลับอดนอนคอยดูแลเรา ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราโชคดีมาก ที่ได้เขามาเป็นแฟน ออกจากรพ.ช่วยกันดูแลลูก เขาลางาน1เดือน เพื่อที่จะมาดูแลเราตอนนั้นเราไม่ได้ทำงานแล้ว เพราะย้ายกลับมาอยู่บ้าน เขาก็ยังทำงานอยู่ที่เดิม ขับรถไปกลับจากนครปฐม มากาญจนบุรี มาหาอาทิตย์ละสองสามวัน วันหยุดก็จะมาอยู่กับเราและลูก แต่มันมีเหตุการณ์หนึ่งที่เราเสียใจ จับได้เพราะเขาโกหกเราคุยกันว่าจะนอนแล้วแต่เขาดันโทหาผญ.อีกคน นัดไปเที่ยวกัน ที่เขายอมรับเขาบอกผญ.คนนั้นไม่ได้ไป แต่เขาไปเที่ยวกับพี่ที่ทำงาน เราไม่ได้ปักใจเชื่อ เพราะเชื่อสัญชาตญาตของตัวเอง เขาเสียใจแระขอโทษกับสิ่งที่ทำ เพื่อนบอกเขาผิดไปแล้วเขาเครียดมาก จะไม่ทำอีก เราก็ให้อภัย แต่คุยกันว่าหลังจากสัญญาหอที่เราอยู่กันหมด จะย้ายกลับมาอยู่บ้านเรา จะไม่ต่อสัญญาเพราะจะช่วยกลับมาดูลูก หางานทำแถวบ้าน ช่วงนั้นเราก็หาที่สมัครงาน ที่ใหม่และโชคดีที่ได้งานทำใกล้บ้าน ส่วนแฟนเรา ได้งานหลังจากเราไม่กี่เดือน แฟนทำงานส่งของบริษัทสีเหลือง เราไม่เคยรู้หรอกว่าวันๆเขาจะไปเจอใคร หรือไปไหนบ้าง
ช่วงแรกๆทุกอย่างก็เหมือนเดิมปกติ ยังเอาใจใส่กันเหมือนเดิม แต่พออยู่ด้วยกันนานๆไป เริ่มทะเลาะเรื่องลูกบ้าง เราก็เหนื่อยทีนอนไม่พอ กลางคืนเราต้องตื่นมาชงนมให้ลูกทุกคืน เช้าทำงาน ส่วนเขาเมื่อก่อนช่วยเลี้ยงลูก แต่พอตั้งแต่ไปทำงาน กลับมาตอนเย็น เล่นเกมส์ เล่นเฟส งานบ้านกวาดบ้านถูบ้านไม่เคยทำ เขาบอกเขาเหนื่อยจากงาน เราก็ไม่ได้พูดอะไร แต่มันเป็นแบบนี้มาเป็น จะปีแล้ว บางวันเราทะเลาะกันด่ากันมีแต่คำแรงๆ เขาด่าเรา อห. อส. ตลอด  ทะเลาะกันนอนหันหลังให้กันตลอด สิ่งที่เคยทำให้กัน ทุกวันนี้มันเหมือนจะจางหายไปหมด เรื่องผู้หญิงเราไม่รู้ว่าตอนเขาไปทำงานข้างนอกเขามีใครไหม แต่เข้าบ้านมาโทรศัพท์เขาก็วางให้เราดูได้ตลอด เฟสบุคเขาล็อคอินค้างไว้ในไอแพดอีกเครื่อง เราดูได้ตลอด เขาไปทำงานแต่เช้า กลับมามืดเย็นทุกวัน บางวันนั่งกินเบียกับเพื่อน กว่าจะกลับ บางทีเราถามคำถามที่เคยถามกัน กลับกลายเป็นคำถามเซ้าซี้ จับผิด น่ารำคาญ พอถามมากๆบอกกูจะไปทำงาน จะโทมาทำไมมากมาย

เคยเป็นมั้ยบางทีมันจุกอกอยากร้องไห้คิดถึงวันเก่าๆ เวลาเก่าๆ แต่มันอัดอั้นอยู่ในใจ เหมือนทำยังไงก็ไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม ไม่รู้จะหาวิธีไหนที่จะเติมเต็มความสุขของเราสองคนได้ นอกจากลูกแล้วทุกวันนี้ก็ไม่เคยมีความสุขกับอย่างอื่นเลย อย่างน้อยก็อยากให้เราสองคนมีเวลาร่วมกันบ้าง บางวันทะเลาะกันนอนหันหลังให้กันจนหลับไป บางทีก็รู้สึกทำไมไม่เลิกๆกันไปให้มันจบๆ เพราะเราเคยพูดความรู้สึกเราไปหลายรอบแล้ว ทุกวันนี้เขาก็ยังเหมือนเดิม กลับมาก็ยังจับไอแพดเล่นเกมส์มากกว่าคุยกับเรา เล่นกับลูก
  แค่อยากระบายความรู้สึก ที่เขาไม่เคยรับรู้ เคยคิดว่าถ้าเราเลิกกันไป เขาจะมีความสุขมากกว่านี้มั้ย อยุ่โดนไม่มีเรากับลูก ให้เขาไปใช้ชีวืตกับเวลาของเขา กับเพื่อนฝูงเขาจะดีไหม เราอึดอัดใจไม่รู้จำทำยังไง ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อะไรมันจะดีขึ้นหรอ ?
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
เราแต่งงานมา 15 ปี คบกันก่อนแต่งอีก 3 ปี เราเข้าใจความรู้สึกคุณนะ สามีเราชอบสังสรรค์ ไปกินเหล้ากับที่ทำงานแทบทุกวัน ไม่กินกับลูกพี่ ก็กินกับลูกน้อง ไม่ก็ลูกค้าหรือซัพพลายเออร์ กลับหลังเที่ยงคืนบ่อยๆ พอโทรถามก็พาลจะเลิกๆ ตลอด แต่เราทั้งคู่ไม่เคยขึ้นเมริงกูเลยดีหน่อย งานบ้านไม่ช่วยทำบอกเป็นงานผู้หญิง เงินเดือนไม่พอใช้ ต้องซัพพอร์ทที่บ้านเค้าทุกอย่าง ถ้าไม่มีให้ก็ดราม่าใส่ เราเองก็ต้องกระตือรือร้นหาเงินให้เยอะกว่าเดิม เพื่อจะได้มีเงินมาใช้ส่วนที่อยากใช้ เคยเครียดจนคิดจะเลิกหลายครั้ง

พอวันนึงที่มันแบกรับไว้ไม่ไหวแล้วเราก็เกือบคิดสั้น แต่พอคิดว่าชีวิตหลังจากนี้ของลูกเราจะเป็นอย่างไร พ่อแม่เราจะเป็นอย่างไร เราเลยตัดใจต่อไปจะไม่สนใจเรื่องใดๆ ของเค้า จะพยายามพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด จากที่เคยงี่เง่าคอยโทรจิกให้เค้ากลับบ้านเร็ว ไม่อยากให้กินเหล้ากับใคร เปลี่ยนเป็นโอเครทุกสถานการณ์ ถ้ากลับดึกเรียกแท็กซี่เลยนะเดี๋ยวออกค่ารถให้ จะกินเลี้ยงลูกน้องหรอโอนเงินให้  พอถึงเวลาที่เค้าแจ้งไว้เราก็แค่โทรไปบอกว่า "นอนก่อนนะ กลับบ้านดีๆ ล่ะ" ทำแบบนี้มาได้สัก 1-2 ปีจนสามีเราเปิดใจร้องไห้กับเราว่า "เรามีคนอื่นหรือเปล่า ทำไมไม่สนใจเค้าเหมือนเมื่อก่อน" เราก็เลยบอกว่าเราเหนื่อยทะเลาะ เสียเวลาโทรตาม เสียสุขภาพจิต เดี๋ยวเธอก็กลับบ้านมาเอง แค่กลับมาปลอดภัยก็ดีใจแล้ว

ถ้าเงินเค้าไม่พอใช้ โอนให้เองไม่เคยต้องเอ่ยปากขอ ซื้ออะไรให้บ้านเราแล้ว เราก็ซื้อให้ที่บ้านเค้าด้วย คอยดูว่าบ้านเค้าขาดเหลืออะไร ก็จัดการให้หมดแต่จะให้เค้าเป็นคนให้เอง อยากไปเที่ยวไหนบอกมา จัดการให้ทุกอย่าง  หลังจากนั้นเค้าก็ดีขึ้น เริ่มช่วยงานบ้านมากขึ้น ดูแลเรามากขึ้น รับฟังเหตุผลกันมากขึ้น และด้วยความที่เราเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไร มันก็เลยไม่เจ็บไม่เหนื่อย มือถือก็ไม่ได้เช็คเพราะคิดว่าถ้าเชื่อใจก็ไม่ต้องเช็ค เราเองก็ยังไม่ชอบให้เค้ามาเช็คมือถือเราเลย

เราเปลี่ยนใครไม่ได้หรอกค่ะ แม้แต่ตัวเราเองยังต้องทนเป็นผู้หญิงบ้าบอมาหลายปี กว่าจะมีสติเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ ทุกวันนี้ที่อยู่ด้วยกันถือว่าเป็นกำไรค่ะ ถ้าพรุ่งนี้จะต้องจากกันไป อย่างน้อยเราก็ทำเต็มที่ในฝั่งเราแล้ว เป็นกำลังใจให้กล้าเดินออกมา หรืออยู่อย่างไม่ทุกข์ใจนะคะ
ความคิดเห็นที่ 20
ผมไม่รู้นะว่า จขกท. กับ แฟน คบกันนานกี่ปี ? > ขอทายนะว่าคุณกับแฟนคงคบกันไม่ถึง 5 ปี ?
หลังแต่งอยู่กินแบบสามี ภรรยา กันกี่ปีก่อนมีลูก ? > ขอพนันว่าไม่ถึง 2 ปีคุณกับแฟนมีลูกกัน ?

จากที่อ่านมาอายุ จขกท. 30 และคุณบอกว่าแฟนอายุน้อยกว่าก็น่าจะ 20 กลางๆ ถึง 20 ปลายๆ หรือเปล่า ถ้าใช่ก็ไม่แปลกผู้ชายช่วงอายุนี้เขายังรักอิสระ ติดเกม ติดเน็ต ติดเพื่อนอยู่ ยังไม่ค่อยทนกับอะไรเท่าไหร่ โดยเฉพาะการเลี้ยงลูก บวกกับอาจยังไม่เข้าใจสถานการณ์บางเรื่องที่เปลี่ยนไป เช่น จากแฟนกลายเป็นสามี ต่อมากลายเป็นพ่อคน ยังไม่เข้าใจบทบาทตัวเองดีพอ ยังไม่พร้อมจะมีลูกไง จากตอนแรกเห็นช่วยเลี้ยงกลายเป็นตอนนี้ไม่ช่วยเลี้ยงลูกเลย จากช่วยงานบ้านกลายเป็นไม่ช่วยงานบ้าน เขาเป็นคนที่ไม่ทนกับปัญหาและชอบหนีปัญหา จนกระทั่งด้วยแรงกดกัด และปัญหาที่สะสมมานานจนคุณรู้สึกเบื่อเขาจนคุณอยากหย่า

ความผิดพลาดของคุณ คือ คุณคาดหวังชีวิตหลังแต่งงานในแง่ดีเกินไป ที่ไม่ได้คิดลงลึก ไม่ได้คิดไกล ขาดการวางแผนที่ดี ตอนคบกันเป็นแฟน คุณรู้สึกมีความสุข คุณรู้สึกดีกับเขา มีเงินเหลือ มีเวลาเหลือ มีความสุขกันสองคน นั้นเป็นความรู้สึกที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคนเมื่อเจอคนที่ตัวเองชอบ และความรู้สึกนี้อาจทำให้มองข้ามผิดจากโลกแห่งความเป็นจริง ว่าชีวิตตอนเป็นแฟน กับชีวิตแต่งงานคือโลกใบเดียวกัน ทั้งที่จริงมันคนละโลก  การที่คุณมองโลกในแง่ดีจนเกินไปนำไปสู่การคาดหวังสูงว่าชีวิตแต่งงานจะมีความสุขเมื่อแต่งกับคนที่คุณชอบและถูกใจเหมือนตอนเป็นแฟน ซึ่งคุณไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ผิดปกติอะไร เพราะผู้หญิงทั่วไปเขาก็คาดหวังเหมือนที่คุณหวังว่าชีวิตหลังแต่งงานจะมีความสุข คิดว่าตัวเองได้แต่งกับผู้ชายที่ดี(ในมุมมองของผู้หญิง) แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะโชคดีที่ได้แต่งกับผู้ชายที่ดีเสมอ ผู้หญิงหลายคนก็ผิดหวังชีวิตหลังแต่งงานเหมือนที่คุณ บางคนก็ทนอยู่เพื่อลูก บางคนก็ยอมหย่าเพื่อจบปัญหา

ปัจจัยที่ทำให้ชีวิตหลังแต่งตาสว่างขึ้นเริ่มจาก... หลังแต่งเริ่มซื้อบ้าน เริ่มซื้อรถ เมื่อมีลูก บทบาทที่เปลี่ยนไป ภาระเริ่มเข้ามา แรงกดดันและปัญหาเริ่มเกิด จุดนี้ทำให้ชีวิตคุณรู้สึกตาสว่างขึ้นจนสามารถตอบตัวเองได้ว่า ผู้ชายที่คุณแต่งด้วย เขาเป็นคนที่ดี หรือ คุณคิดว่าเขาเป็นคนที่ดี

บทบาทชีวิตที่เปลี่ยนไปและเพิ่มขึ้น ปัญหา ภาระ และแรงกดดัน จะเป็นบททดสอบของชีวิตคู่ที่พร้อมให้คำตอบคุณเอง

ซึ่งคุณก็ให้คำตอบตัวเองได้แล้ว อยู่ที่เลือก "แก้" หรือ "หย่า"

ขอให้โชคดีนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่