❤มาลาริน/หมออดทนแต่ช่วยฟังหมอพูดหน่อยนะคะ...'หมอแก้ว' โพสต์ชี้ นักวิจารณ์สถานการณ์โควิด' ควรเป็นคำที่ “ชี้ทางสว่าง”

พาพันขอบคุณ'หมอแก้ว' โพสต์ซัด นักวิจารณ์สถานการณ์โควิด' ควรเป็นคำที่ “ชี้ทางสว่าง”



จากสถาการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย ที่ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้(2 พ.ค.64) พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,940 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 21 ราย ท่ามกลางกระแสวิจารณ์สถานการณ์โควิดนั้น
ล่าสุด วันที่ 2 พ.ค.64 นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หมอแก้ว ผลิพัฒน์" ระบุข้อควาามว่า... คำพูดของลื้อมันมีแต่ heat ไม่มี light

วันนี้พอมีเวลาได้นั่งอ่านความคิดของนักวิจารณ์สถานการณ์โควิด อ่านแล้วนึกถึงคำสอนอาจารย์ธาดาที่เคยกล่าวไว้ การวิพากษ์วิจารณ์ควรมี light ไม่ใช่ heat คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ควรเป็นคำวิจารณ์ที่ “ชี้ทางสว่าง” - light ไม่ใช่เป็นเพียงคำวิจารณ์ที่แค่ “เอามัน” “สะใจ” หรือ “สร้างความสับสน” - ความร้อนรน - heat

🌂มันก็คงมีเหตุจูงใจที่ทำให้นักวิจารณ์สถานการณ์โควิดนำเสนอแต่ heat

แรกก็คือมันทำแล้วดัง มีสำนักข่าวต่างๆ เอาไปตัดแปะ แถมยังเชิญให้มาออกทีวีอีกต่างหาก ยิ่งร้อนแรงยิ่งดูน่ากลัวยิ่งมีถ้อยคำเสียดสียิ่งมีการตั้งชื่อเรียกแปลกๆ - ยิ่งดังมาก ยิ่งสร้างความสับสนก็ยิ่งได้รับความสนใจ

สองคือมันง่าย บอกแค่ว่ามันมีปัญหาตรงไหน ใครเป็นคนผิด แล้วขยี้แต่งแต้มเติมสีสันลงไป นักวิจารณ์บางคนไม่รับผิดชอบแม้แต่การตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงที่ได้รับมา มันถูกต้องหรือไม่
 
สามซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด ก็คือ การชี้ทางสว่าง หรือการชี้แนะทางออกที่เป็นไปได้ มันยากครับ ต้องสืบค้นและเข้าถึงข่าวสารที่ถูกต้อง วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารหลากหลายมิติที่มีความไม่แน่นอนสูงอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) ซึ่งงานอย่างนี้ต้องการคนที่มี “มันสมอง” มาทำงาน

นักวิจารณ์แบบเอามันที่สามารถสร้างความสับสนมากๆ มักจะชอบสร้างภาพให้ดูน่าตกใจหรือไม่ก็ใช้ถ้อยคำที่เสียดสี เช่น....☔

* อาจารย์สามแสนห้า-ออกมาบอกว่าถ้าไม่ล็อกดาวน์แบบอู่ฮั่น สงกรานต์ ๖๓ จะมีผู้ติดเชื้อ ๓๕๐,๐๐๐ แน่ๆ ซึ่งโชคดีมากเลยที่เราไม่เชื่อเขา ไม่ได้ล็อกดาวน์แบบอู่ฮั่นจริงๆ เพียงแค่ให้ปิดสถานที่เสี่ยงเท่านั้น ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังมีผู้ติดเชื้อรายงานในระบบยังไม่ถึงหนึ่งแสนคนเลย

* อาจารย์สลอธ - ออกมาบอกว่า ช้าแล้ว คุมไม่ได้แล้ว เอาไม่อยู่แล้ว แย่แล้ว ระบาดทั่วประเทศแน่นอน

* อาจารย์มโนฉากทัศน์-ออกมาสร้างฉากทัศน์มากมายพยายามอธิบายภาพอนาคต ทุกฉากทัศน์ “เอามัน” คือคุมไม่ได้ คุมไม่อยู่ จะระบาดไปทั่วประเทศ

* อาจารย์เทเลทับบี้-ออกมาบอกว่าการระบาดระลอก ๒ ที่สมุทรสาครต้องล็อกดาวน์ (อีกแล้ว) แถมยังบอกอีกว่า ถ้าไม่ล็อกดาวน์ ไม่มีทางที่จะควบคุมโรคได้ วิจารณ์คนทำงานที่ทำงานหนักและทำงานอย่างถูกวิธีว่าใช้ยุทธวิธีเทเลทับบี้ แล้วยังไงครับ การระบาดที่สมุทรสาครเหลือผู้ติดเชื้อหลักเดียวในช่วงต้นเดือนเมษายน

* อาจารย์ระบาดจำเป็น-ออกมาบอกว่าการระบาดสมุทรสาครกับทองหล่อเป็นการระบาดต่อเนื่องกัน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเชื้อคนละตัวกัน

* อาจารย์วัคซีน - ออกมาวิจารณ์วัคซีนที่ไทยซื้อไม่มีประสิทธิภาพ ทำไมไม่ไปซื้อวัคซีนที่ไทยไม่ได้จอง วัคซีนบริษัทอื่นดีกว่าเยอะ

ฯลฯ

ไปต่อได้เรื่อยๆ ครับ ถ้าอ่านอีก ก็คงจะเจออีก

เรื่องพวกนี้ เห็นชัดๆ ครับว่า บางเรื่องไม่ใช่เป็นการบอกเตือนสังคมด้วยใจที่มี “ธรรม” คำวิจารณ์พวกนี้แทบไม่ช่วยสถานการณ์เลยครับ บางครั้งกลับทำให้คนทำงานทำงานยากขึ้นอีก

จริงๆ แล้วเราต้องเปิดใจนะครับ คนทำงานย่อมมีความผิดพลาดได้ ขนาดนักวิจารณ์ยังผิดพลาดเลย บางคนผิดซ้ำผิดซาก ผิดพลาดมากกว่าคนทำงานซะอีก

ผมขอเสนอวิธีการเดินไปข้างหน้าดูนะครับ

สำหรับคนที่ชอบวิจารณ์สถานการณ์โควิด ผมคิดว่าท่านควร....☔

๑) ตั้งสติ เอาอคติวางไว้าข้างนอกวงก่อนเริ่มวิจารณ์ คิดประเด็นที่ท่านอยากจะให้ข้อเสนอแนะ ไม่ใช่คิดถึงสิ่งที่ท่านจะติ
๒) วิเคราะห์สถานการณ์ให้รอบด้าน พิจารณาทุกมิติ
๓) ระบุทิศทางหรือเป้าหมายของการจัดการกับปัญหาให้ชัดเจน (หลายครั้งผู้วิจารณ์มักไม่ค่อยบอกว่าเขาอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งการตัดสินใจทำอย่างหนึ่งย่อมมีผลกระทบต่ออีกด้านหนึ่ง)
๔) วิเคราะห์ทางเลือกด้วยใจที่ไร้อคติ ด้วยความเข้าใจว่าคนไทยมี ๖๐ กว่าล้านคน ไม่ได้มีท่านคนเดียว คนอื่นเขาก็ต้องการจะ “รอด” ด้วยเหมือนกัน
๕) เสนอ “ทางสว่าง” อย่างสร้างสรรค์ และด้วยใจที่มีเมตตา

สำหรับคนอ่าน ท่านควร...☔

๑) ใช้หลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้านะครับ อย่าเชื่อเพียงเพราะได้รับการแชร์ต่อๆ กันมา อย่าเชื่อเพราะคนพูดได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ อย่าเชื่อเพราะคนพูดเป็นถึงรองศาตราจารย์ หรือศาสตราจารย์ อย่าเชื่อเพราะผู้พูดเป็นคนที่มีชื่อเสียง อย่าเชื่อเพราะผู้พูดมาจากสถานบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง ฯลฯ

๒) อ่านเยอะๆ ฟังให้มาก มองหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ (scientic evidence) อย่ามองหาแต่ความเห็น

๓) ค่อยๆ รวบรวมหลักฐาน ค่อยๆ คิดด้วยตรรกะพื้นฐานที่เรามี

๔) หากไม่เข้าใจ ก็ควร “ถาม” ได้คำตอบมาแล้วนำเข้ามาสู่การคิด วิเคราะห์ต่อ

๕) อย่าลืมจดบางประเด็นที่สำคัญไว้ กันลืม

สำหรับสื่อ ผมเสนอเพิ่มเติมจากการเป็นผู้อ่านที่ดีแล้ว ควรเข้าใจว่านาทีนี้ประเทศอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติครับ ท่านควรเลือกเสนอความจริง ท่านควรเลือกนำเสนอ light ให้มากกว่า heat

นำเสนอข้อคิดที่น่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เพียงแค่นำเสนอคำวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะการนำเสนอคำวิพากษ์วิจารณัฐที่ท่านก็รู้ว่าไมีเป็นความจริง
ถามนักวิจารณ์ให้หนักว่า แล้วถ้าเป็นนักวิจารณ์เอง นักวิจารณ์จะแก้ปัญหาอย่างไร
ยามนี้ผมอยากเห็น light มากกว่า heat ในสังคมไทยอยากเห็นคนใช้สมองมากกว่าใช้อารมณ์อยากเห็นความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการใช้อคติอยากเห็นคนที่มองภาพรวมมากกว่ามองแค่จุดที่ตนสนใจ

เวลานี้เป็นเวลาที่ไทยต้องเป็นหนึ่งครับ
เสนอความคิดอย่างสร้างสรรค์ ต่อเติมเสริมสร้างความเข้มแข็ง
Share the light, not the heat นะครับ

#เราจะชนะไปด้วยกัน
#พวกเราทีมไทย
#NeverNeverNeverGiveUp
#สำหรับประเทศไทยน้อยกว่านี้ได้ยังไง
#แด่มดงานเพื่อนร่วมอุดมการณ์
#ศิษย์มีวันนี้เพราะมีครู
#TPWork
#TPlife
#I_Love_What_I_Do
#ชีวิตคือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

https://siamrath.co.th/n/240791

ฟังหมอหน่อยนะคะ ท่านกล่าวได้ดีมีเหตุผลน่ารับฟังค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7

หอการค้าไทย ออกประกาศ ชี้แจงรายละเอียด เรื่องการดำเนินงานด้านการจัดหาวัคซีนทางเลือก โดยมีรายละเอียดดังนี้

ผลจากการประชุมร่วมกับรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 รัฐบาลให้ความมั่นใจว่า ภาครัฐจะสามารถจัดหาวัคซีนป้องกัน COVID-19 จำนวน 100 ล้านโดส ได้ภายในปี 2564 ซึ่งจะครอบคลุมประชากร 50 ล้านคน โดยประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจะได้รับวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอ ทั้งนี้ ภาครัฐได้จัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อวัคซีนให้กับทุกคน ซึ่งวัคซีนดังกล่าวจะทยอยเข้ามา จึงมีความจำเป็นต้องจัดเรียงลำดับตามความสำคัญ โดยยึดหลักจริยธรรม และหลักทางการแพทย์ อาทิ จัดสรรให้ผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้วเสียชีวิตก่อน เพื่อลดปัญหาเตียงเต็ม โรงพยาบาลล้นที่เป็นปัญหาหลักในขณะนี้

หอการค้าไทยและเอกชน พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกรณีที่เอกชนเจ้าช่วยเจรจาจัดหาวัคซีนทางเลือกมาเสริมรัฐบาล จากบริษัท johnson & johnson นั้น ปรากฏว่า ระยะเวลาที่ผู้ผลิตจะสามารถส่งได้เร็วสุด คือ ช่วงปลายปี ซึ่งไม่ทันการตามที่ภาคเอกชนต้องการ เนื่องจากหน้าที่การจัดหาวัคซีนเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาล และรัฐบาลมีอำนาจในการต่อรองในการจัดหาวัคซีนสูงกว่า อย่างไรก็ตาม หากโรงพยาบาลเอกชนใดสามารถนำวัคซีนทางเลือกมาได้เพิ่มเติม รวดเร็ว และทันเวลา โดยผ่านองค์การเภสัชกรรมภายใต้กฎเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข หอการค้าไทยยินดีประสานงานกับผู้ประกอบการที่ได้แจ้งความต้องการในการฉีดวัคซีนให้พนักงานของตนโดยเสียค่าใช้จ่ายเองให้กับโรงพยาบาลเอกชนนั้นต่อไป ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะร่วมกับรัฐบาลพิจารณาแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

จากการผลักดันของหอการค้าฯ รัฐบาลตั้ง 4 ทีมทำงาน เหมือนที่ภาคเอกชนจัดตั้ง เพื่อทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การนำวัคซีนไปให้บริการใกล้ประชาชนมากที่สุด การสนับสนุนภาครัฐให้สามารถบริหารจัดการกระจายวัคซีนได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเรื่องการวางแผนจัดสถานที่รองรับการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งประเทศ การสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน รวมถึงการรณรงค์ให้ประชาชนลงทะเบียนหมอพร้อม เพื่อเข้าถึงวัคซีนที่จัดหามาโดยเร็วที่สุด การอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางไปฉีดวัคซีน และลดความเสี่ยงให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ประจำอยู่ ณ ศูนย์ฉีกที่ภาคเอกชนจัดหาเพิ่มเติมให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้ก็จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน อยู่บน “หมอพร้อม”

วันนี้เพื่อที่จะให้ประเทศไทย ผ่านวิกฤต COVID-19 นี้ไปได้ ภาครัฐและภาคเอกชน จะต้องทำงานประสานกัน เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ และนี่คือความมุ่งมั่นของหอการค้าไทยที่ตะช่วยผลักดัน
https://web.facebook.com/anucha.b.dp/posts/3892037800875008


• 3 ระยะ 5 กลุ่มเป้าหมาย
https://web.facebook.com/realnewsthailand/posts/935786390587425
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่