ปัญหา ต่างฐานะ ทำอย่างไรดี

เราคบแฟนมา ทำงานที่เดียวกัน ตอนนี้อายุ 27 ปี ทั้งคู่ คบประมาณ 1 ปีกว่า เรารู้สึกว่าเหมือนอยู่ไปวันๆ เรื่องงาน (เป็นลูกจ้าง รัฐ แต่เขาเป็นลูกจ้างคนขับรถ) มีหลายอย่างที่ต่างกัน เช่น ฐานะ ครอบครัว การศึกษา เราเคยปรึกษาแม่ในการคบแม่บอก แม่ให้เขามีงานดีๆก่อน ให้เขาเป็นที่พึ่งได้ ณ ตอนนี้การใช้จ่ายครอบครัวเขายังลำบาก (แม่คงห่วง ถ้าอนาคตกลัวเราได้เอาเงินเราไปซัพพอร์ตให้ทางนั้น)  ณ ตอนนี้เราแอบแม่คบ เพราะเขาเป็นดี ไม่เคยนอกใจ แต่ปัญหามันมีตามนี้

- ฐานะที่บ้านเรา พ่อแม่เป็นราชการทั้งคู่ มีที่ดิน ปลูกสวนยาง มีนา มีแทบทุกอย่างให้เรา รถก็ซื้อให้ ซื้อคอนโดก็ซัพอร์ตเราในเรื่องค่าใช้จ่ายการผ่อน
ตัดมาที่แฟนเรา บ้านอยู่คล้ายๆสลัม ที่ทางเข้าเข้าได้เฉพาะมอไซด์ บ้านที่อยู่จะมีพ่อแม่ พี่สาวเขา หลาน เขย รวมๆ 8 คน แต่บางคนก็ออกไปอยู่ข้างนอก ไม่รวมใน 8 คนนี้
พ่อแม่เขา อายุเยอะแล้ว ไม่มีเงินเดือน ใช้สวัสดิการขายค้าธงฟ้า แต่รู้ว่าเมื่อก่อนแม่เขาทำงานเป็นแม่บ้านบริษัท
ในปัจจุบันส่วนพี่สาวเขา ก็เปิดร้านยำเล็กๆ เหมือนร้านรถเข็ญ อีกคนเป็นแม่บ้าน  ส่วนเขย ทำพวกส่งของ รู้ประมานเท่านี้ ลูกพี่สาวบางคนก็ไม่ได้เรียน วิ่งแกร๊ปส่งอาหาร หรือบางคนเป็นขับวินก็มี เราเคยถามว่าอยู่กันหลายคน ทำไมไม่ร่วมกันกู้บ้านให้คุณภาพมันดีกว่านี้ แม่เราก็ต้องคิดสิว่า จะร่วมอนาคตกับเรา จะให้เรามาอยู่รวมกัน ตามสภาพแบบนี้ แม่เลี้ยงลูกมา ลูกเคยสบาย ใครอยากจะให้ลูกแบบนี้

- การศึกษา แฟนเราจบ ปวส. ตอนนี้เรากำลังจะจบ ป.โท ทั้งที่หัวหน้าเขา เพื่อนร่วมงาน เคยบอกก่อนหน้านี้แล้ว แค่ก็ไม่ไป พอมาคบกับเรา เขารู้ว่าแม่เราไม่โอเคกับเขา เราบอกเขาต้องไปเรียน เขาเลยต้องพยายามตัวเองไปเรียน เพื่อตำแหน่งหน้าที่การงานด้วย ตอนนี้เขาเป็นแมสเซนเจอร์ ตอนนี้เพิ่งเรียนจบ ปวช. เราบอกเขาพยายามสมัครงานมั่นคง เป็นราชการ (ขอไม่ดราม่า) สวัสดิการถึงพ่อแม่ ฐานะไม่ค่อยดี สมมติไม่สบาย เข้า รพ ก็เบิกได้หมด ถ้าอยู่งานปัจจุบันไม่มีถึงพ่อแม่

- การงาน เราเป็นลูกจ้างรัฐที่หนึ่ง เงินเดือนมากกว่าเขา เขาเป็นลูกจ้างขับรถ แต่เงินเขาไม่พอใช้ ต้องให้แม่ เดือนละ 3,000 บาท ผ่อนรถยนต์อีก ค่าเทอมที่เรียนค่าใช้จ่ายเราก็ออกกันปกติ แต่บางครั้งเราก็ไม่ให้ก็มี เพราะเราเคยเห็นแฟนเพื่อนเรื่องค่าใช้จ่ายค่ากิน แฟนเพื่อนเราจะจ่ายเองเลย เช่น ไปกินซูชิแพงๆ ปิ้งย่าง เราเลยคิดว่าค่ากินเล็กน้อย 40-50 บาท คงไม่อะไร แต่เขาชอบมาพูด คือเราทะเลาะกัน เขาพูดประมานว่า วันนั้นก็ซื้อให้ค่าข้าว น้ำมันรถมอไซด์ไม่เคยช่วยเลย ค่าน้ำเวลากินข้าวก็ซื้อให้ ขวดละ 10 บาท ใช่ยอมรับ เรื่องบางเรื่องยิบย่อย ในบางเรื่องเขามาอยู่คอนโดเราค่าไฟ ค่าน้ำ เขาเคยพูดไหม เวลาบิลมา ค่าซักผ้าหยอดเหรียญก็มีเสื้อผ้าเขา เราเคยฝากเขาลงไปซัก แต่เขาไม่ยอมลงสักที เพราะเราไม่ให้ตังเขา ค่าน้ำยาซักผ้าปรับผ้านุ่ม เคยมาช่วยเราไหม ทีเราไม่เคยพูด แต่ศุกร์ - เสาร์ เขาจะอยู่บ้าน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเน็ต ที่บ้านเขาก็แชร์กับพี่ๆ หลาน เขย แต่กับเรา มาอยู่มากกว่า ไม่เคยจะมาถาม มันน่าน้อยใจรู้สึกว่าทำไมมีแต่ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ถ้า ณ ตอนนี้ เราระดับเดียวกับเขา ค่าใช้จ่ายตอนนี้เรามันจะเป็นยังไง แล้วเขากำลังคิดว่าจะซื้อบ้านหลังตากผ่อนรถเสร็จ อีก 3 ปี จ้ให้พ่อแม่ เขา พี่สาว หลาน มาอยู่ด้วยอีก

เราเคยบอกเลิกเขา เพราะเราต่างกัน ทั้งครอบครัว ความคิด อะไรหลายอย่าง พ่อแม่พยายามดันให้เราได้ดี มีการศึกษา ได้งานดี ไม่อยากให้มาดิ้นรน ตามยฐากรรม (ไม่รู้เขียนแบบนี้ไหม) ชีวิตจะยังไงก็อยู่ เพราะความจนมันน่ากลัว แล้วพ่อแม่ไม่เคยขอให้เราส่งเงินมาให้ด้วย เพีาะมีเงินบำนาญ อยู่แล้ว ตัดมาที่ครอบครัวแฟน อยู่ตามสภาพ ส่งให้เรียน ปวส.เท่านี้ แล้วให้ไปหาทำงาน แล้วการศึกษามันส่งผลถึงเงินเดือน การก้าวหน้าในตำแหน่งด้วย เงินก็ไม่พอใช้ต้องวิ่งแกร๊ปเสริม ต้องส่งเงินให้แม่อีก เราเลยคิดว่ากว่าจะตั้งตัวได้ เราคงมีลูกไม่ได้แล้วละ ตอนนี้เราอายุ 27 ปีแล้ว 
เขาบอกว่าอยากคบคนรวยหรอ คนรวยที่ฟันแล้วทิ้ง ไม่เคยสนใจ พอมันได้มันก็ทิ้ง ทั้งที่เขาเองไม่เคยนอกใจ ขยัน มีแต่คนชมผมว่าขยัน มีแต่คนชอบผม
เราเลยบอก ถ้าทำชีวิตเราสบายเราก็ยอมดีกว่าอยู่แบบนี้

เราเพิ่งเข้าใจว่า รักกินไม่ได้จริงๆ ก็คราวนี้แหละค่ะ
ทุกคนคิดว่า เราควรทำยังไงดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่