สวัสดีค่ะ เรามาทำงานต่างจังหวัดกับแฟนสองคนเช่าหอพักอยู่เป็นการทำงานโรงงานครั้งแรกของเรา โรงงานแห่งนี้มีแต่พม่าณ.ส่วนมากมีเรากับแฟนและหัวหน้าคนนึงเป็นคนไทย ทำอยู่ห้องกล่อง มีเราเป็นผญ.คนเดียว หน้าที่ก็นั่งจับกล่องที่เค้ายิงคิวอาโค้ดมา นับจำนวนกล่อง ปั๊มประทับตรา พอผ่านไปซัก2 อาทิตย์กว่าๆ หัวหน้าก็จะเปลี่ยนหน้าที่ให้เราเป็นเสมียนซึ่งเราก็ไม่อยากจะทำซักเท่าไหร่ เพราะมันต้องได้เช็คจำนวน คำนวณต่างๆ รับผิดชอบหลายๆอย่าง ทำเสร็จก็ต้องไปส่งให้ออฟฟิต แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้ เพราะเป็นลูกจ้างเขา ซึ่งเราความจำไม่ดีเท่าไหร่และเป็นสิ่งที่เราไม่ถนัด แต่เราก็พยายามเรียนรู้พยายามจดจำอยู่ตลอด เขาฝากให้พม่ามาสอนเราซ้ำยังพูดไทยไม่ค่อยชัดด้วย วันต่อมาหัวหน้าก็มาดู เราไม่มีสมาธิเลย จำได้บ้าง และหัวหน้าคนนั้นก็มาจับจ้องดูเรา มาว่า "ให้พี่สอนวันเดียวลืมแล้ว แล้วพม่าก้หัวเราะกัน แล้วก้พูดว่าเรียนจบมาตั้งม.6 เปรียบเทียบเรากับพม่าว่าพม่ามันยังทำได้เลย เขาอยู่มาตั้ง6-7 ปีละ นี่พึ่งเรียนจบมาสอนงานแค่วันเดียวไม่มีใครเค้าจำหมดหรอกใช่มั้ยคะ ต้องรับผิดชอบหลายอย่างมาก มาเจอคำพูดแบบนี้ใครมันจะไม่นอยด์บ้างคะ เราท้อมากกลับมาห้องนอนร้องไห้คิดถึงบ้าน มาเริ่มทำงานก็เจอแบบนี้แล้ว ผ่านไปสักพักเราก้ตัดสินใจลาออกกับแฟน แต่แฟนเราทำงานดีนะตอนนั้นเขา25 ละผ่านการทำงานมาหลายรูปแบบ ส่วนเรา18 เค้าก็ให้กำลังใจเรานะหลังจากนั้นเราก็ย้ายที่อยู่ใหม่ หางานใหม่ ไปสมัครด้วยกันพอซับให้ไปตรวจโรค ก็ตรวจพบไวรัสตับอักเสบB ทำให้เขาไม่สามารถทำงานได้ ก่อนหน้านี้ตรวจไม่เจอก้แอบงง?อยู่ แย่เลยหละรอบนี้โรงงานก็ทำเกี่ยวกับ มอเตอร์แอร์ เครื่องปรับอากาศ เราได้เริ่มทำงานวันแรกอากาศร้อนอบอ้าวมากส่วนตัวเป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้ว ได้ตำแหน่งเป็นQC ตรวจสอบงานยิ่งกว่าที่เดิมสะอีก พี่สอนงานก้รีบทำงานส่งเพราะดูเหมือนงานจะเร่งด้วย คนอื่นที่เริ่มงานพร้อมงานได้เขาฝ่ายผลิตหมดมีไม่กี่คนที่ได้เป้นQC เราก้ยืนรอ ยืนดูเขาทำเขาก้บอกให้ดูแล้วก้จำวิธีการทำไปก่อน ในใจคืออยากกลับหอ ทั้งคิดถึงแฟน เราทำได้ไม่กี่วันก็ออกอีกละโรง2 ทำให้การเงินเราแย่พึ่งย้ายที่พักมาใหม่ ได้เร่ร่อนสมัครงานกับแฟน ทั้งงานเด้กเสริฟ เป็นเซลขายเครื่องกรองน้ำ ทำร้านเค้ก งานโรงงานก็ไปสมัครละเสียค่าตรวจแพงไม่มีตังพอ แย่มากช่วงนั้นก็โควิดรอบแรก บางเดือนแย่มากๆแฟนก็ได้ยืมเงินทางบ้านมาใช้จ่ายค่าหอพัก ปากกัดตีนถีบไปวันๆ ค้างค่าเช่า3 เดือนเลยมีความคิดจะหนีไปทำงานที่อื่นอีก เลยแอบหนีช่วงดึกๆเก็บของไปเฉพาะที่จำเป็น เสียดายก็เสียดายนะ มัดจำ5,700 ค่าห้องเดือนละ2800 บ.ค่าคีย์กาส 100 ยุได้4 เดือน มีมอไซต์คันเดียวเป็นยานพหนะหารับจ๊อบบ้าง พอได้มีเงินตั้งตัวใหม่ จนตอนนี้แฟนเราได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง ในนิคมแห่งหนึ่ง ซับเค้าช่วยให้ได้ทำด้วยกันช่วงแรกๆ ส่วนเราทำได้สักพักก้เหนื่อยเดิยทางเลยต้องได้ออก เพราะงานใหม่ที่เขาช่วยให้เขาทำงานได้มันไกลจากหอพักมากประมาน20. กิโลเราสงสารแฟนนะ แต่เขาเป็นโลหิตจางด้วยถ้าพักผ่อนไม่เพียงพอก้จะหน้ามืด เราก้อยู่ห้องคอยทำกับข้าวรอ ทำความสะอาดห้อง ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะเก็บเงินสักก้อนนึงใว้ทำทุนก้ว่าจะพากันกลับบ้านละไปหาของขาย หากิจการเล็กๆทำด้วยกันพอมีรายได้ กลับไปพักผ่อนชาตจ์แบตร่างกายเพราะโควิดก็ระบาดอีกแล้วรอบ2 ลองกลับมาทบทวนดูมันผิดที่เรานี่แหละที่ทำอะไรไม่ทันได้คิดไม่นึกถึงผลที่จะตามมา พอเรียนก้รีบมาหางานเพราะอยากมีเหมือนคนอื่นๆเร้วแต่พอได้มาใช้ชีวิตในวัยของการทำงานจริงๆมันไม่ง่ายเรยต้องมีความอดทนสูง ทนกับคนการเข้าสังคมในโรงงานทนกับหัวหน้า ซึ่งพื้นฐานเราพ่อแม่ไม่ค่อยให้ทำอะไรนอกจากเรียน และทำงานบ้าน และเราก้เป็นคนไม่ค่อยชอบออกไปไหนในวันหยุด เพื่อนที่คบก็มีแต่คนติดเหล้า เรยไม่ค่อยได้เข้าสังคมสักเท่าไหร่ แต่ก็นานๆทีมีบ้าง เรียนจบก้มีผช.คนนี้มาขายขนมจีบหลังเลิกงานแทบทุกวันจนพ่อกับแม่บอกให้เขาพาผู้ใหญ่มาสู่ขอตามประเพณี ได้ลงเอยแต่งงานกัน
ซึ่งเราก็อยากจะเรียนต่อมหาลัยแต่พ่อบอกไม่มีเงินสงเสียเราก็เข้าใจ แต่ก็แอบผิดหวังนะ เรียนก็ให้เราแต่งงานเลยเป็นขี้ชาวบ้านด้วย นินทาเราต่างๆนาๆ คิดว่าเราท้องบ้าง แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก ชีวิตหลังแต่งงานเราตามเรื่องราวข้างต้นนั้นแหละค่ะ ชีวิตก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะสำหรับใครที่ท้อแท้ หมดหวัง สู้ต่อไปนะคะ ยังมีหลายชีวิตบนโลกใบนี้ที่ลำบากกว่าเรา...😊✌️✌️
ประสบการ์ณการ การทำงานและบทเรียนของการใช้ชีวิต
ซึ่งเราก็อยากจะเรียนต่อมหาลัยแต่พ่อบอกไม่มีเงินสงเสียเราก็เข้าใจ แต่ก็แอบผิดหวังนะ เรียนก็ให้เราแต่งงานเลยเป็นขี้ชาวบ้านด้วย นินทาเราต่างๆนาๆ คิดว่าเราท้องบ้าง แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก ชีวิตหลังแต่งงานเราตามเรื่องราวข้างต้นนั้นแหละค่ะ ชีวิตก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะสำหรับใครที่ท้อแท้ หมดหวัง สู้ต่อไปนะคะ ยังมีหลายชีวิตบนโลกใบนี้ที่ลำบากกว่าเรา...😊✌️✌️