เมื่อเเม่เป็นมะเร็งปอด

ปี 2559 แม่ผมมีอาการไอบ่อยๆ ไปหาหมอ หมอบอกว่าอาจเป็นภูมิแพ้ ไออยู่แบบนั้นประมาณ1 ปี น้ำหนักไม่ได้ลดลง ยังใช้ชีวิตตามปกติ ต่อมารู้สึกปวดเข่าก็นึกว่าปวดเข่าแบบคนแก่ทั่วไป ปวดอยู่หลายเดือนจนทนไม่ไหว ให้หมอตรวจอย่างละเอียด และเข้าเครื่องสแกน ปรากฏว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เริ่มจากปอด และลามไปยังกระดูกเข่า ถามหมอ หมอ ก็บอกว่า อยู่ได้อีกประมาณ 6 เดือน อาจจะผิดก็ได้ หมอบอกตอนนั้น แต่ลึกๆแล้ว แม่นึกว่าถ้ารักษาอาจจะยืดเวลาได้อีกสักปี เลยเข้ารักษาโดยให้คีโม(เคมีบำบัด) 10 ครั้ง แต่ละครั้งรู้สึกทรมานมากจากการอาเจียน และทานอะไรไม่ได้เลย เมื่อให้คีโมครบ แม่ก็อยู่ได้อีก แต่ร่างกายเริ่มอ่อนแอเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิตในเดือน มีค 2561ตอนนั้นแม่อายุ 70 พอดี
รวมเวลาเริ่มจากอาการไอ จนเสียชีวิตประมาณปีกว่าๆ เริ่มตั้งแต่รู้ว่าเป็นมะเร็ง จนกระทั่งเสียชีวิตประมาณ 10 เดือน(มากกว่าที่หมอเคยบอกไว้นิดหน่อย)
ผมเรียนรู้ว่า ถ้าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เตรียมได้ คือ เตรียมใจจะยอมรับ และอยุ่ทุกวันให้มีความสุข การให้คีโม สำหรับหลายๆคน อาจจะทรมาน และสร้างความทุกข์ให้กับทั้งคนป่วยและญาติ ดังนั้น หากมาถึงระยะนี้แล้ว ให้คิดให้ดีว่า การให้คีโม มันคุ้ม หรือ ไม่ ส่วนตัวเเล้ว หากย้อนเวลาได้ คงไม่ให้แม่รักษาโดยใช้คีโม คงจะรักษาแบบประคับประคองตามอาการ และจากไปอย่างสงบ อยากทำอะไร ก็ให้ทำอยากไปไหนจะพาไป อยากจะกินอะไรหาให้กิน ให้ฟังบทสวดมนต์ ฯลฯ เพราะมันไม่คุ้มเลยกับการที่จะทรมานถึง 10 ครั้ง สุขภาพกาย/ใจ ทรุดโทรม แต่ยืดระยะเวลาให้มีชีวิตต่อไปอีกไม่นานนัก
กะทู้นี้ เเค่อยากจะแชร์ประสบการณ์ที่ผมเจอมากับตัวเอง อยากจะให้ข้อคิดกับผู้ที่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายหรือญาติคนป่วย
ผมคิดว่ากระทู้นี้คงมีประโยชน์อยู่บ้างนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่