Covid 19 เป็นเรื่องใกล้ตัวและสำคัญสำหรับเราทุกคนมาก ๆ และสำคัญมานานแล้วด้วย กระทู้นี้ เราเขียนขึ้นเพื่อเป็นการแบ่งปันข้อมูลวิธีปฏิบัติ ขั้นตอนการรักษา และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันและกัน จากประสบการณ์การเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผ่านกระทู้นี้ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ หากว่าเพื่อน ๆ คนไหนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
Day 1: 23 เมษายน 2564 ทราบไทม์ไลน์ความเสี่ยงสูง
เนื่องจาก ประกาศจาก สวท. ราชบุรี ในวันนี้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทำให้หลาย ๆ คนทราบข่าวว่า เรามีความเสี่ยง ที่จะได้รับเชื้อ Covid 19 จากผู้ป่วยยืนยัน ระลอกที่ 3 รายที่ 147 (รายที่ 198 ของจังหวัดราชบุรี) เนื่องจากวันที่ 12 เมษายน 2564 เวลา 10.00 - 11.00 น. ผู้ป่วยรายนี้เข้ามาใช้บริการที่ธนาคารสาขาที่เราปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งผู้ที่ให้บริการผู้ป่วยรายนี้ คือเราเอง ทั้งนี้
- เราสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งใดเสมอ
- เราได้แจ้งผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการตามมาตรการของสาธารณสุข และวิธีปฏิบัติของธนาคารต่อไป
- พรุ่งนี้เราจะไปตรวจหาเชื้อทันที
- เรากับครอบครัว มีการป้องกันและดูแลกันและกันเสมอมาตั้งแต่เชื้อเริ่มระบาดแรก ๆ พอทราบข่าวปุ๊บเราก็แยกกันหนักกว่าเดิม แยกจาน ชาม ห้องน้ำ และทุก ๆ อย่าง เพื่อลดโอกาสสัมผัสกันให้เหลือน้อยที่สุด
Day 2 : 24 เมษายน 2564 | ไปตรวจกั๊นนนน
วันนี้ตอนเช้า เราเดินทางมาที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลซักถามข้อมูลประวัติความเสี่ยง และประเมินเบื้องต้น และรายงานไปยังทีมแพทย์อีกหนึ่งชุด
ช่วงสาย ไม่นาน ประมาณ 2 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล โทรมาเพื่อถามประวัติความเสี่ยงอีกครั้ง และให้รอรับสายอีกครั้งต่อไป
จากนั้นอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่า ให้เตรียมแอดมิด เบื้องต้นประมาณ 1 คืน เพื่อรอตรวจ คาดว่าน่าจะได้ตรวจไม่เกินวันพรุ่งนี้ มีทางเลือกให้คือ ให้เราเดินทางเอง หรือให้เจ้าหน้าที่ไปรับ ของเราเดินทางเอง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ประมาณบ่ายสอง ในส่วนนี้ โรงพยาบาลแยกส่วนการให้บริการเอาไว้ เราไปตามจุดที่เจ้าหน้าที่แจ้งเราไว้ เจ้าหน้าที่ตรงนี้มีรายชื่อของทุกคนอยู่ในมือแล้ว ให้นั่งรอ บริเวณนี้มีเก้าอี้พลาสติกค่อนข้างแข็งแรง วางแบบเว้นระยะห่างเอาไว้ มีเจ้าหน้าที่คอยชี้แนะตลอด
จากนั้น ครึ่งชั่วโมง บ่ายสองครึ่งพอดี เจ้าหน้าที่ขานชื่อและให้เดินตามไป เขาเปิดประตูรถแล้วเชิญเราขึ้น รถออกเลยเว้ย ตกใจ อารมณ์เหมือนแก๊งรถตู้ จะพาไปไหนหนอ? ไปโรงพยาบาลสนามหรอ ม่ายยย ม่ายยยนะ หนูยังไม่ติด ฮ่าฮ่า สรุปคือ มาตึกที่ใช้กักตัวรอตรวจโควิดนี่เอง ตกอกตกใจหมด

ภายในห้อง เงียบสงบ กว้างอยู่นะสำหรับคนเดียวน่ะ โล่งและอากาศถ่ายเท มีหน้าต่างบานเกล็ดเปิดได้ มีพัดลมเพดาน และพัดลมตั้งแบบสูง ไม่ให้เปิดแอร์เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเรา มีปรอทวัดไข้ มีโทรศัพท์ไว้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา มีคำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้องวางไว้ให้ด้วยประมาณ 1 หน้ากระดาษ A4 มีเตียง หมอน ผ้าห่ม มีชุด 2 ชุด มีปลั๊กไฟ มีถังขยะ ถังสำหรับใส่ผ้าปูเตียง มีถุงสำหรับขยะติดเชื้อวางไว้ มีโต๊ะกระจกด้วยนะ เหมือนโต๊ะเครื่องแป้งอ่ะ มีตู้เสื้อผ้า มีโต๊ะข้างเตียงด้วย ดีเลย เราเอาไว้อ่านหนังสือ แค่ 2 วัน เราก็อ่าน มีเบาะนั่งสำหรับญาติ น่าจะเคยเป็นห้องพิเศษผู้ป่วยในแหละ ในส่วนของห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย มีระเบียงด้วยนะ มองออกไปเป็นสนามเด็กเล่น หญ้าก็เขียว ๆ มองแล้วสบายตาใช้ได้





กระดาษใบนั้นให้ข้อมูลโดยละเอียดทำให้เราทำตัวถูก

พยาบาลคนแรกเข้ามาวัดไข้ แอบตัวร้อนนิดนึง 37.6°C หวังว่าจะสืบเนื่องมาจากอากาศร้อน เราไอเล็กน้อย บางช่วงก็ไอเยอะ แต่แปลกมากที่อาการเพิ่งจะเกิดขึ้นวันนี้ แอบกังวล แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าดูแลตัวเองดี น่าจะเป็นเพราะฝนตกหนักเมื่อวานแล้วเปิดแอร์พร้อมพัดลมนอนแน่ ๆ

หกโมงเย็นมีข้าวกล่องมาวางไว้ให้ เมนูเป็นข้าวสวย ยำไก่ยอ ต้มจืดฟัก ไปกินก่อนนะ คนอ้วนหิว
สิบแปดนาฬิกา ที่โรงพยาบาลวันนี้ ไม่ได้เป็นเวลาเชิญธงชาติลงจากเสาอย่างเดียว แต่มันคือเวลาที่เราได้ทำการตรวจหาเชื้อพอดิบพอดี
หากถามว่าเจ็บไหม? ตอบได้แค่ว่าน้ำตาไหลออโต้เลยล่ะ แต่ไม่ถึงขนาดว่าทนไม่ได้นะ เรียกว่าเจ็บพอทนก็แล้วกัน
พี่พยาบาลเดินมาเคาะประตูและเดินนำเราไปยังจุดตรวจ ซึ่งมีคุณหมอเตรียมความพร้อมอยู่ในตู้กระจก ลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่กว่าตัวคุณหมอนิดหน่อย ด้านหน้าเป็นกระจกใส มองเห็นหน้าคุณหมออยู่นะ มีช่องสองช่องสำหรับให้คุณหมอยื่นมือออกมา สังเกตได้ไม่ถนัดตาเท่าไร แต่ที่จำได้ก็คือ คุณหมอใส่ชุดกราวด้านใน สวมชุดพีพีอีอีกชั้นหนึ่ง มือสวมถุงมือยางและมีถุงมือพลาสติกอีกชั้น ซึ่งน่าจะเปลี่ยนถุงมือพลาสติกนี้ก่อนทำการตรวจทุก ๆ คน ทีละคน สวมแว่นตา สวมหน้ากากอนามัย สวม Face Shield ด้วย
กล่องใบนี้ที่คุณหมอจะเข้าไปอยู่ตอนตรวจเชื้อ เนื่องจากตึกข้าง ๆ มีการก่อสร้าง ทำให้สภาพเป็นอย่างที่เห็นเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเลวร้ายอะไร

วิธีการตรวจ พยาบาลจะยื่นภาชนะสำหรับใส่ตัวอย่าง ลักษณะเหมือนหลอดแก้วมีฝาปิด ด้านข้างมีสติ๊กเกอร์ ระบุ ชื่อ นามสกุล ตัวเรา มีข้อมูล น่าจะเป็นการจัดประเภทของตัวอย่างด้วย และมีชื่อนามสกุลคุณหมอด้วย ซึ่งก่อนตรวจเราพยายามจำไว้เป็นอย่างดี ขณะที่หมอตรวจ หมอใช้ก้านท่อเล็ก ๆ สอดเข้าไปในจมูก แล้วก็คว้าน ๆ ๆ ๆ ให้ของเหลวในจมูกเข้าไปอยู่ในท่อประมาณนึง แล้วก็เอาใส่หลอดตัวอย่างที่พยาบาลให้มาแล้วปิดฝา จากนั้นมาถึงคอกันบ้าง ใช้เป็นก้านสำลี เหมือนสำลีปั่นหู แต่ขนาดใหญ่กว่า ล้วงไปที่คอ แล้วก็คว้าน ๆ ๆ ในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้ของเหลวในลำคอติดกับสำลี แล้วก็ใส่หลอดปิดฝา ขณะนี้ก็ผ่านมาราว ๆ สามชั่วโมงแล้ว ยังรู้สึกแสบอยู่เล็ก ๆ เสียวอยู่หน่อย ๆ
หลังจากตรวจได้สักพัก พี่พยาบาลก็เอายาเม็ดเล็กกระจิ๊ดเดียว สองเม็ด มาวางไว้ให้ที่ประตู มันคือยาแก้ไอและลดน้ำมูกนั่นเอง อาการเพิ่งมีวันนี้เอง และอาจจะมาจากเมื่อวานฝนตกหนัก ตัวเรานอนเปิดทั้งแอร์และพัดลม มิหนำซ้ำเช้านี้ดันถ่ายเหลวอีก อะไรวะเนี่ยยยยน ถึงจุดนี้ หลาย ๆ คนอาจจะยังคงเป็นห่วงอยู่ แต่อย่างที่เคยบอกไป เราค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนั้นดูแลป้องกันตัวเองค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ถึงกับวางใจร้อยเปอร์เซ็นต์ จะดูเบาปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ไม่ได้ คืนนี้ก็หวังว่า จะเป็นคืนเดียวที่ต้องนอนโรงพยาบาล และก็หวังอีกว่า ในวันพรุ่งนี้จะไม่มีบันทึกการนอนโรงพยาบาลสนามคืนแรกเช่นกัน
คืนนี้มันผ่านไปช้าจัง





นอนกึ่งหลับกึ่งตื่น อาจจะเพราะว่ากังวลเรื่องครอบครัวและคนใกล้ชิด ถ้าหากเราติด พ่อแม่เรา พี่น้องเรา หลานตัวน้อย ๆ ของเราอีก ไม่อยากจะคิดเลยแต่มันก็อดไม่ได้เลยจริง ๆ
Day 3 : 25 เมษายน 2564 | หวังว่าจะได้รับข่าวดี
เราตื่นมาแต่เช้ามืดเนื่องจากเสียงของนกกระจิบที่มาร้องจิ๊บ ๆ อยู่ข้างหน้าต่าง นกหลายตัวร้องประสานกัน เสียงใสและดังเอาเรื่องเลยล่ะ ชั้นยอมตื่นก็ได้
07.30 น. เจ้าหน้าที่มาส่งข้าว และจ่ายยาให้ พร้อมบอกว่าให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ด้วย มื้อนี้เป็นข้าวต้มร้อน ๆ ไก่สับรวนกับซีอิ้ว แล้วก็ต้มจับฉ่าย
นั่งมองนาฬิกา เดินวนไปวนมา หยิบนู่น หยิบนี่ นั่งมั่ง นอนมั่ง แถมยังอาบน้ำไปสามรอบเพราะรู้สึกร้อน อ่านหนังสือก็แล้ว ถักผมเปียก็แล้ว เล่นเกมก็แล้ว หาอะไรทำไปเรื่อย



ประมาณสิบโมงเช้า คุณหมอโทรมาแจ้งผลว่า 'ผลเป็นลบ' ไม่พบเชื้อ เราจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ เย้!! โล่งอกมาก ๆ เลย
เมื่อทราบผลว่าไม่ติด ยังไม่ได้ออกทันทีนะ ขั้นตอนระหว่างนี้ มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราประทับใจในความร่วมมือครั้งสำคัญนี้มาก ๆ เลย คือ
- โรงพยาบาลจะออกใบรับรองแพทย์ จะบอกว่าต้องกักตัวอีกกี่วัน บอกว่าต้องมาตรวจอีกครั้งที่ไหน เมื่อไร อย่างไร รวมทั้งจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ เนื่องจากเราใช้สิทธิการรักษาพยาบาลกับธนาคาร ประชาชนทั่วไปจะได้รับการบริการฟรี และไม่ว่าจะฟรีหรือไม่ฟรี จะได้รับการดูแลและให้บริการในแบบเดียวกัน เหมือนกันเด๊ะ ๆ
- โรงพยาบาลจะประสานงานไปยังสาธารณสุขในหมู่บ้านที่เราพักอาศัย ของบ้านเราคือสถานีอนามัยของตำบล ซึ่งเขารู้ทันทีว่าบ้านของเราคือหลังไหน เขาจะประเมินว่าลักษณะความเป็นอยู่ของเราเอื้อต่อการกักตัวหรือเปล่า เช่น สามารถแยกห้องนอนได้ไหม มีห้องน้ำกี่ห้อง มีคนในครอบครัวกี่คน หรือสะดวกในการแยกข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ไหม ในส่วนนี้คุณหมออนามัยจะคอยดูแลเราต่อ หากมีอาการอะไรผิดปกติระหว่างกักตัว ก็ให้แจ้งกับคุณหมออนามัยได้เลย แต่หากว่าบ้านของเราไม่เอื้อต่อการกักตัวก็จะประสานต่อไปยังสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้และส่งตัวไป
- โรงพยาบาลมีการประสานไปยังกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นทีมที่ดูแลสุขภาพอนามัยของที่อยู่อาศัยในการกักตัว มีการส่งเจ้าหน้าที่เอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาให้และเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจ แนะนำวิธีปฏิบัติต่าง ๆ เราก็พยายามเก็บรายละเอียดในส่วนที่สำคัญว่าสิ่งที่เราต้องทำมีอะไรบ้าง เราสรุปได้ว่า ให้ฆ่าเชื้อบริเวณบ้านที่เราอยู่ จอบอ

- เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็ได้กลับบ้าน
เดี๋ยว ๆ ๆ เรามีอีกเรื่องที่สำคัญ เราต้องยอมรับกันก่อนว่าตอนนี้มันวิกฤติแล้ว ฮรื่อออออ เราไม่ติดก็เลยไม่รู้ว่าเตียงผู้ป่วยมีว่างหรือไม่ว่าง แต่เดาว่ายังพอมีอยู่ เพราะบ้านเราอยู่ต่างจังหวัด แต่แนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ไม่ช้าก็คงจะเต็มตามโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ไปในไม่ช้า แต่ที่รู้ ๆ คือ เราสังเกตว่าตึกที่เราอยู่ คือตึกที่ใช้เป็นพื้นที่ในการกักตัวเพื่อระหว่างตรวจหาเชื้อ ชั้นที่เราอยู่มีประมาณ 10 ห้อง เราประมาณจากสายตาคร่าว ๆ และเดาจากการที่เราอยู่ห้องสุดท้ายและห้องเราเบอร์ 10 พอดี มีชั้นล่างอีก 10 ห้อง ไม่รู้ว่ามีชั้นบนอีกไหมที่รองรับ แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ ทั้งสองชั้น เต็มทุกห้อง
ถึงจุดนี้ก็เลยเข้าใจขึ้นมาเลยว่าทำไมไปโรงพยาบาลแล้วจึงไม่ได้รับการตรวจในทันที ทำไมเจ้าหน้าที่ให้บอกให้เราไปกักตัวที่บ้านก่อนสองวัน ก็เพราะว่ารอห้องว่าง เข้าใจแล้วว่าทำไมไปถึงจุดนัดแล้วเขายังไม่พาไปเข้าห้อง ก็เพราะว่าเมื่อคนเก่าออกทีมทำความสะอาดต้องฆ่าเชื้อและจัดเตรียมความพร้อมให้เราก่อน
เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานหนักมากจริง ๆ อยากบอกว่าขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ส่งกำลังใจให้เสมอนะคะ ✌🏼🥺🤍
Chari's Covid19 Diary | เล่าสู่กันฟังกับ 'ชีวิตที่เราไม่รู้'
เนื่องจาก ประกาศจาก สวท. ราชบุรี ในวันนี้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทำให้หลาย ๆ คนทราบข่าวว่า เรามีความเสี่ยง ที่จะได้รับเชื้อ Covid 19 จากผู้ป่วยยืนยัน ระลอกที่ 3 รายที่ 147 (รายที่ 198 ของจังหวัดราชบุรี) เนื่องจากวันที่ 12 เมษายน 2564 เวลา 10.00 - 11.00 น. ผู้ป่วยรายนี้เข้ามาใช้บริการที่ธนาคารสาขาที่เราปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งผู้ที่ให้บริการผู้ป่วยรายนี้ คือเราเอง ทั้งนี้
- เราสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งใดเสมอ
- เราได้แจ้งผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการตามมาตรการของสาธารณสุข และวิธีปฏิบัติของธนาคารต่อไป
- พรุ่งนี้เราจะไปตรวจหาเชื้อทันที
- เรากับครอบครัว มีการป้องกันและดูแลกันและกันเสมอมาตั้งแต่เชื้อเริ่มระบาดแรก ๆ พอทราบข่าวปุ๊บเราก็แยกกันหนักกว่าเดิม แยกจาน ชาม ห้องน้ำ และทุก ๆ อย่าง เพื่อลดโอกาสสัมผัสกันให้เหลือน้อยที่สุด
วันนี้ตอนเช้า เราเดินทางมาที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลซักถามข้อมูลประวัติความเสี่ยง และประเมินเบื้องต้น และรายงานไปยังทีมแพทย์อีกหนึ่งชุด
ช่วงสาย ไม่นาน ประมาณ 2 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล โทรมาเพื่อถามประวัติความเสี่ยงอีกครั้ง และให้รอรับสายอีกครั้งต่อไป
จากนั้นอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่า ให้เตรียมแอดมิด เบื้องต้นประมาณ 1 คืน เพื่อรอตรวจ คาดว่าน่าจะได้ตรวจไม่เกินวันพรุ่งนี้ มีทางเลือกให้คือ ให้เราเดินทางเอง หรือให้เจ้าหน้าที่ไปรับ ของเราเดินทางเอง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ประมาณบ่ายสอง ในส่วนนี้ โรงพยาบาลแยกส่วนการให้บริการเอาไว้ เราไปตามจุดที่เจ้าหน้าที่แจ้งเราไว้ เจ้าหน้าที่ตรงนี้มีรายชื่อของทุกคนอยู่ในมือแล้ว ให้นั่งรอ บริเวณนี้มีเก้าอี้พลาสติกค่อนข้างแข็งแรง วางแบบเว้นระยะห่างเอาไว้ มีเจ้าหน้าที่คอยชี้แนะตลอด
จากนั้น ครึ่งชั่วโมง บ่ายสองครึ่งพอดี เจ้าหน้าที่ขานชื่อและให้เดินตามไป เขาเปิดประตูรถแล้วเชิญเราขึ้น รถออกเลยเว้ย ตกใจ อารมณ์เหมือนแก๊งรถตู้ จะพาไปไหนหนอ? ไปโรงพยาบาลสนามหรอ ม่ายยย ม่ายยยนะ หนูยังไม่ติด ฮ่าฮ่า สรุปคือ มาตึกที่ใช้กักตัวรอตรวจโควิดนี่เอง ตกอกตกใจหมด
ภายในห้อง เงียบสงบ กว้างอยู่นะสำหรับคนเดียวน่ะ โล่งและอากาศถ่ายเท มีหน้าต่างบานเกล็ดเปิดได้ มีพัดลมเพดาน และพัดลมตั้งแบบสูง ไม่ให้เปิดแอร์เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเรา มีปรอทวัดไข้ มีโทรศัพท์ไว้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา มีคำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้องวางไว้ให้ด้วยประมาณ 1 หน้ากระดาษ A4 มีเตียง หมอน ผ้าห่ม มีชุด 2 ชุด มีปลั๊กไฟ มีถังขยะ ถังสำหรับใส่ผ้าปูเตียง มีถุงสำหรับขยะติดเชื้อวางไว้ มีโต๊ะกระจกด้วยนะ เหมือนโต๊ะเครื่องแป้งอ่ะ มีตู้เสื้อผ้า มีโต๊ะข้างเตียงด้วย ดีเลย เราเอาไว้อ่านหนังสือ แค่ 2 วัน เราก็อ่าน มีเบาะนั่งสำหรับญาติ น่าจะเคยเป็นห้องพิเศษผู้ป่วยในแหละ ในส่วนของห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย มีระเบียงด้วยนะ มองออกไปเป็นสนามเด็กเล่น หญ้าก็เขียว ๆ มองแล้วสบายตาใช้ได้
กระดาษใบนั้นให้ข้อมูลโดยละเอียดทำให้เราทำตัวถูก
พยาบาลคนแรกเข้ามาวัดไข้ แอบตัวร้อนนิดนึง 37.6°C หวังว่าจะสืบเนื่องมาจากอากาศร้อน เราไอเล็กน้อย บางช่วงก็ไอเยอะ แต่แปลกมากที่อาการเพิ่งจะเกิดขึ้นวันนี้ แอบกังวล แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าดูแลตัวเองดี น่าจะเป็นเพราะฝนตกหนักเมื่อวานแล้วเปิดแอร์พร้อมพัดลมนอนแน่ ๆ
หกโมงเย็นมีข้าวกล่องมาวางไว้ให้ เมนูเป็นข้าวสวย ยำไก่ยอ ต้มจืดฟัก ไปกินก่อนนะ คนอ้วนหิว
สิบแปดนาฬิกา ที่โรงพยาบาลวันนี้ ไม่ได้เป็นเวลาเชิญธงชาติลงจากเสาอย่างเดียว แต่มันคือเวลาที่เราได้ทำการตรวจหาเชื้อพอดิบพอดี
หากถามว่าเจ็บไหม? ตอบได้แค่ว่าน้ำตาไหลออโต้เลยล่ะ แต่ไม่ถึงขนาดว่าทนไม่ได้นะ เรียกว่าเจ็บพอทนก็แล้วกัน
พี่พยาบาลเดินมาเคาะประตูและเดินนำเราไปยังจุดตรวจ ซึ่งมีคุณหมอเตรียมความพร้อมอยู่ในตู้กระจก ลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่กว่าตัวคุณหมอนิดหน่อย ด้านหน้าเป็นกระจกใส มองเห็นหน้าคุณหมออยู่นะ มีช่องสองช่องสำหรับให้คุณหมอยื่นมือออกมา สังเกตได้ไม่ถนัดตาเท่าไร แต่ที่จำได้ก็คือ คุณหมอใส่ชุดกราวด้านใน สวมชุดพีพีอีอีกชั้นหนึ่ง มือสวมถุงมือยางและมีถุงมือพลาสติกอีกชั้น ซึ่งน่าจะเปลี่ยนถุงมือพลาสติกนี้ก่อนทำการตรวจทุก ๆ คน ทีละคน สวมแว่นตา สวมหน้ากากอนามัย สวม Face Shield ด้วย
กล่องใบนี้ที่คุณหมอจะเข้าไปอยู่ตอนตรวจเชื้อ เนื่องจากตึกข้าง ๆ มีการก่อสร้าง ทำให้สภาพเป็นอย่างที่เห็นเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเลวร้ายอะไร
วิธีการตรวจ พยาบาลจะยื่นภาชนะสำหรับใส่ตัวอย่าง ลักษณะเหมือนหลอดแก้วมีฝาปิด ด้านข้างมีสติ๊กเกอร์ ระบุ ชื่อ นามสกุล ตัวเรา มีข้อมูล น่าจะเป็นการจัดประเภทของตัวอย่างด้วย และมีชื่อนามสกุลคุณหมอด้วย ซึ่งก่อนตรวจเราพยายามจำไว้เป็นอย่างดี ขณะที่หมอตรวจ หมอใช้ก้านท่อเล็ก ๆ สอดเข้าไปในจมูก แล้วก็คว้าน ๆ ๆ ๆ ให้ของเหลวในจมูกเข้าไปอยู่ในท่อประมาณนึง แล้วก็เอาใส่หลอดตัวอย่างที่พยาบาลให้มาแล้วปิดฝา จากนั้นมาถึงคอกันบ้าง ใช้เป็นก้านสำลี เหมือนสำลีปั่นหู แต่ขนาดใหญ่กว่า ล้วงไปที่คอ แล้วก็คว้าน ๆ ๆ ในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้ของเหลวในลำคอติดกับสำลี แล้วก็ใส่หลอดปิดฝา ขณะนี้ก็ผ่านมาราว ๆ สามชั่วโมงแล้ว ยังรู้สึกแสบอยู่เล็ก ๆ เสียวอยู่หน่อย ๆ
หลังจากตรวจได้สักพัก พี่พยาบาลก็เอายาเม็ดเล็กกระจิ๊ดเดียว สองเม็ด มาวางไว้ให้ที่ประตู มันคือยาแก้ไอและลดน้ำมูกนั่นเอง อาการเพิ่งมีวันนี้เอง และอาจจะมาจากเมื่อวานฝนตกหนัก ตัวเรานอนเปิดทั้งแอร์และพัดลม มิหนำซ้ำเช้านี้ดันถ่ายเหลวอีก อะไรวะเนี่ยยยยน ถึงจุดนี้ หลาย ๆ คนอาจจะยังคงเป็นห่วงอยู่ แต่อย่างที่เคยบอกไป เราค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนั้นดูแลป้องกันตัวเองค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ถึงกับวางใจร้อยเปอร์เซ็นต์ จะดูเบาปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ไม่ได้ คืนนี้ก็หวังว่า จะเป็นคืนเดียวที่ต้องนอนโรงพยาบาล และก็หวังอีกว่า ในวันพรุ่งนี้จะไม่มีบันทึกการนอนโรงพยาบาลสนามคืนแรกเช่นกัน
คืนนี้มันผ่านไปช้าจัง
Day 3 : 25 เมษายน 2564 | หวังว่าจะได้รับข่าวดี
เราตื่นมาแต่เช้ามืดเนื่องจากเสียงของนกกระจิบที่มาร้องจิ๊บ ๆ อยู่ข้างหน้าต่าง นกหลายตัวร้องประสานกัน เสียงใสและดังเอาเรื่องเลยล่ะ ชั้นยอมตื่นก็ได้
07.30 น. เจ้าหน้าที่มาส่งข้าว และจ่ายยาให้ พร้อมบอกว่าให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ด้วย มื้อนี้เป็นข้าวต้มร้อน ๆ ไก่สับรวนกับซีอิ้ว แล้วก็ต้มจับฉ่าย
นั่งมองนาฬิกา เดินวนไปวนมา หยิบนู่น หยิบนี่ นั่งมั่ง นอนมั่ง แถมยังอาบน้ำไปสามรอบเพราะรู้สึกร้อน อ่านหนังสือก็แล้ว ถักผมเปียก็แล้ว เล่นเกมก็แล้ว หาอะไรทำไปเรื่อย
ประมาณสิบโมงเช้า คุณหมอโทรมาแจ้งผลว่า 'ผลเป็นลบ' ไม่พบเชื้อ เราจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ เย้!! โล่งอกมาก ๆ เลย
เมื่อทราบผลว่าไม่ติด ยังไม่ได้ออกทันทีนะ ขั้นตอนระหว่างนี้ มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราประทับใจในความร่วมมือครั้งสำคัญนี้มาก ๆ เลย คือ
- โรงพยาบาลจะออกใบรับรองแพทย์ จะบอกว่าต้องกักตัวอีกกี่วัน บอกว่าต้องมาตรวจอีกครั้งที่ไหน เมื่อไร อย่างไร รวมทั้งจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ เนื่องจากเราใช้สิทธิการรักษาพยาบาลกับธนาคาร ประชาชนทั่วไปจะได้รับการบริการฟรี และไม่ว่าจะฟรีหรือไม่ฟรี จะได้รับการดูแลและให้บริการในแบบเดียวกัน เหมือนกันเด๊ะ ๆ
- โรงพยาบาลจะประสานงานไปยังสาธารณสุขในหมู่บ้านที่เราพักอาศัย ของบ้านเราคือสถานีอนามัยของตำบล ซึ่งเขารู้ทันทีว่าบ้านของเราคือหลังไหน เขาจะประเมินว่าลักษณะความเป็นอยู่ของเราเอื้อต่อการกักตัวหรือเปล่า เช่น สามารถแยกห้องนอนได้ไหม มีห้องน้ำกี่ห้อง มีคนในครอบครัวกี่คน หรือสะดวกในการแยกข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ไหม ในส่วนนี้คุณหมออนามัยจะคอยดูแลเราต่อ หากมีอาการอะไรผิดปกติระหว่างกักตัว ก็ให้แจ้งกับคุณหมออนามัยได้เลย แต่หากว่าบ้านของเราไม่เอื้อต่อการกักตัวก็จะประสานต่อไปยังสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้และส่งตัวไป
- โรงพยาบาลมีการประสานไปยังกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นทีมที่ดูแลสุขภาพอนามัยของที่อยู่อาศัยในการกักตัว มีการส่งเจ้าหน้าที่เอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาให้และเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจ แนะนำวิธีปฏิบัติต่าง ๆ เราก็พยายามเก็บรายละเอียดในส่วนที่สำคัญว่าสิ่งที่เราต้องทำมีอะไรบ้าง เราสรุปได้ว่า ให้ฆ่าเชื้อบริเวณบ้านที่เราอยู่ จอบอ
เดี๋ยว ๆ ๆ เรามีอีกเรื่องที่สำคัญ เราต้องยอมรับกันก่อนว่าตอนนี้มันวิกฤติแล้ว ฮรื่อออออ เราไม่ติดก็เลยไม่รู้ว่าเตียงผู้ป่วยมีว่างหรือไม่ว่าง แต่เดาว่ายังพอมีอยู่ เพราะบ้านเราอยู่ต่างจังหวัด แต่แนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ไม่ช้าก็คงจะเต็มตามโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ไปในไม่ช้า แต่ที่รู้ ๆ คือ เราสังเกตว่าตึกที่เราอยู่ คือตึกที่ใช้เป็นพื้นที่ในการกักตัวเพื่อระหว่างตรวจหาเชื้อ ชั้นที่เราอยู่มีประมาณ 10 ห้อง เราประมาณจากสายตาคร่าว ๆ และเดาจากการที่เราอยู่ห้องสุดท้ายและห้องเราเบอร์ 10 พอดี มีชั้นล่างอีก 10 ห้อง ไม่รู้ว่ามีชั้นบนอีกไหมที่รองรับ แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ ทั้งสองชั้น เต็มทุกห้อง
ถึงจุดนี้ก็เลยเข้าใจขึ้นมาเลยว่าทำไมไปโรงพยาบาลแล้วจึงไม่ได้รับการตรวจในทันที ทำไมเจ้าหน้าที่ให้บอกให้เราไปกักตัวที่บ้านก่อนสองวัน ก็เพราะว่ารอห้องว่าง เข้าใจแล้วว่าทำไมไปถึงจุดนัดแล้วเขายังไม่พาไปเข้าห้อง ก็เพราะว่าเมื่อคนเก่าออกทีมทำความสะอาดต้องฆ่าเชื้อและจัดเตรียมความพร้อมให้เราก่อน
เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานหนักมากจริง ๆ อยากบอกว่าขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ส่งกำลังใจให้เสมอนะคะ ✌🏼🥺🤍