ตอนนี้ยังไม่ต้องเปลี่ยน ไปตรวจเรื่องเบาหวานให้จบก่อน
การตรวจที่เล่ามา เรียกตรวจคัดกรอง การตรวจไม่ต้องงดอาหาร
การตรวจครั้งต่อไป เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัย ต้องงดอาหาร 6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
ครั้งแรก เจาะเลือดตรวจน้ำตาลก่อน แล้วจึงให้ดื่มน้ำกลูโคส 100 กรัม แล้วเจาะเลือดอีก 3 ครั้ง หลังดื่มน้ำตาลหมด 1,2 และ 3 ชั่วโมง
จากนั้นนำค่าน้ำตาลทั้ง 4 ค่ามาพิจารณาว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ ถ้าเป็น ต้องรักษาแบบให้ยา หรือแค่คุมอาหาร
(บางที่อาจให้กินน้ำกลูโคส 75 กรัม เจาะเลือดแค่ 3 ครั้ง)
ดังนั้น ความกังวลว่าครั้งก่อนกินน้ำกลูโคสแค่ 50 กรัม ผลออกมายังผิดปกติ ครั้งต่อไปกินตั้ง 100 กรัม จะรอดเบาหวานรึ
การพิจารณา ไม่ได้ตรงไปตรงมา อย่างนั้น

แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ให้ผ่าตัดคลอด คลอดเองก็ได้
ภรรยาคุณ เคยผ่าคลอดครรภ์แรก ครรภ์ที่ 2 คลอดเอง นับว่าใจกล้ามากทั้งภรรยาคุณ และหมอผู้ดูแลครรภ์ที่2
เพราะเสี่ยงอันตรายจากการมดลูกแตก แล้วต้องตกเลือด อาจจะต้องถึงตัดมดลูก และถึงตายได้
คุณไม่อยากให้ผ่าคลอด ด้วยเหตุผลเรื่องเงินเท่านั้นเองหรือ หมอเคยคุยเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นให้ฟังบ้างหรือเปล่า
การที่ให้ผู้ที่เคยผ่าคลอด ลองคลอดเองตามธรรมชาตินั้น ทำได้ แต่หมอต้องนั่งเฝ้าแทบว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำก็ต้องมีผู้รู้เรื่องมาเฝ้าแทนเชียวละ
หมอผู้ทำคลอดลูกคนที่ 2 ได้ทำถึงชนาดนั้นเชียวหรือ น่าสรรเสริญมาก

นี่เป็นท้องที่ 3 ที่เกิดการต้องตรวจค้นว่าเป็นเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ไหม
เดาว่าภรรยาน่าจะอายุเมื่อนับถึงวันคลอดเกิน 35 ปีไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ก็คงจะอ้วน ซึ่งนับเป็นภาวะเสี่ยงทั้งคู่
ถ้าอายุเกิน 35 ปี ก็ต้องตรวจว่าลูกมีโครโมโซมผิดปกติ เป็นอาการดาวน์ไหมอีก
ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องตรวจ หลังจากตรวจเรื่องเบาหวานแล้ว

ที่ว่ามาทั้งหมด คงพอตอบข้อข้องใจของคุณได้
ตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรพิเศษ ทำแค่ไปพบหมอตามนัด และทำตามคำแนะนำทั้งหมดของหมอเท่านั้น
การที่หมอตรวจค้นเบาหวาน ก็ทำให้ประเมินได้ว่าหมอน่าจะมีความรอบคอบทีเดียว
ไม่ต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลหรอกค่ะ