หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ตอนที่ 2: มาพาไปดูออสเตรเลียแถบตอนกลาง Central Australia ว่ามีอะไรให้ชมบ้างคะ
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
นักท่องเที่ยว
อ่านตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/40638813
มาต่อกันค่ะ พอเราเก็บเต็นท์กันเรียบร้อยก็ใช้เส้นทางเดิม Larapinta Drive เดินทางต่อไปยัง Gosse Bluff ระยะทางจาก Ormiston Gorge 77 กม. Gosse Bluff นี้ ว่ากันว่าเป็นหลุมที่เกิดจาก asteroid หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกทำให้เกิดเป็นวงแหวนเมื่อประมาณ 143 ล้านปีมาแล้ว ลักษณะเป็นเหมือนภูเขาวงกลมล้อมรอบดินมีเส้นผ่าศูนย์กลางภูเขาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง 5 กม.
เอารูปจากเน็ตมาให้ชมก่อนนะคะเพราะเราจับภาพด้วยตาไม่ได้ค่ะ
เครดิตรูปจาก the ISS ค่ะ
จากเน็ตอีกภาพค่ะ เครดิตจาก Australianexplorer.com ค่ะ
ภาพด้านล่างถ่ายจากกล้องเราเองค่ะ
ก่อนถึง Gosse Bluff จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปมีชื่อว่า Gint's Lookout จนท.ที่เราไปจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้ถนนเส้นนี้บอกว่าอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปซึ่งบางทีคุณอาจจะได้รูปสวยหรืออาจจไม่ได้อะไรเลย เราก็เลยไม่อยากพลาดแวะสักหน่อยก็เลยได้ภาพ 2 ภาพด้านล่างนี้ เราก็ว่าเออ..ขอบคุณที่แนะนำมานะ..เราชอบ..
ถ่ายรูปกันแล้วก็ขับต่อมาบนถนนลาดยางมะตอยอีก 12 กม.ก็ถึงจุดสิ้นสุด และก็กลายเป็นถนนที่มีชื่อว่า Mareenie Loop ถนนเส้นนี้เข้าได้ 2 ทางนะคะระยะทาง 245 กม. เป็นถนนลูกรัง 160 กม. เส้นนี้พาเราไปยัง Kings Canyon จุดสุดท้ายของทริปซึ่งจะเป็นจุด Hightlight ของทริป ถนนลูกรังโดนฝนทำลายไปเยอะขับความเร็วประมาณ 60 กม/ชม. ใช้เวลาเกือบ 3 ชม. จึงจะถึงจุดตั้งแคมป์ที่ Kings Canyon Camping area เป็น Private ราคาที่ตั้งแคมป์ที่นี่ตกคนละ $25 ต่อคนต่อคืนค่ะ มีห้องครัวให้ทำกับข้าวได้โดยจะมีเตาแก๊ส ตู้เย็น ที่ล้างถ้วย-ชามไว้ให้ และถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ทำครัวพวกกะทะ หม้อ สามารถเช่าได้ในอัตราชิ้นละ 10 เหรียญ แล้วยังมีเตา BBQ ตั้งอยู่หลายจุดเยอะแยะมากมาย ห้องน้ำ-ห้องส้วมสะอาดมากมีทุกหัวมุม มีสระว่ายน้ำให้ด้วย มีคนมาพักเยอะมากค่ะ
ถนนเส้นนี้มีฝูงม้าป่ากระจายให้เห็นไปทั่วแถมมีอูฐด้วยแต่เราเจอะแค่ฝูงม้าป่า ส่วนอูฐเจอะแค่ขี้อูฐเป็นกอง ๆ บนถนนให้เห็นแต่ไม่เห็นตัวอูฐค่ะ
Kings Canyon ในระยะไกล ๆ
มื้อเย็นทำแกงอินเดียกินค่ะ พกแค่น้ำพริกแกงอินเดียเทใส่ในหม้อ ใส่ไก่ แค่นั้นเอง
ทุกจุดจะมีป้ายเตือนให้ระวัง Dingo (หมาป่า ซึ่งคล้ายพันธุ์หมาทางเอเชีย) ห้ามทิ้งอาหารไม่เป็นที่เป็นทางห้ามให้อาหารด้วย ตอนถึงเวลาเข้านอนเราจะได้ยินเสียงหอนไม่ไกลากแคมป์ที่พักค่ะ
ตะวันขึ้นที่ Kings Canyon
Breakfast
ก่อนจะมาถึงที่นี่เราตั้งใจกันไว้ว่าเมื่อไปถึง Highlight ของที่นี่นั้นจะต้องปีนเขาที่เห็นรูปข้างบน จะมี track ให้เดินระยะทางไป-กลับ 4.5 ชม. เพื่อไปดู Straight Cut Cliffs ที่มีชื่อเสียง โดยจะต้องออกก่อนตะวันขึ้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราได้ยินเสียงรถขับกันออกไป ณ จุดเริ่มต้นประมาณตี 5 กว่าหลายคัน เรา 2 คนคิดว่ามันเช้าเกินไปไหม รอสัก 8 โมงเช้ากินอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยไปปีนเขาก็ได้น่า..กลับกลายเป็นว่าพอ 8 โมงเช้าไปถึงจุดปีนเขา อาการเริ่มร้อนแล้ว ตะวันแรงมาก ส่วนที่จะต้องปีนเขาก่อนจะถึงช่วงเดิน track บนเขาหัวโล้นนั้นก็สูงชันใช้ได้ แถมปีนขึ้นไปแล้วต้องเดินอีก 4.5 ชม. คิดว่าไม่น่ารอดค่ะ เลยเปลี่ยนแผน track กันบนพื้นล่างล่ะกัน ระยะทาง 2 กม.เท่าน้น
เอารูปที่หลายคนปีนเขาสำเร็จ และได้ไปเห็นของสวยงามจากเน็ตให้ดูนะคะ ใครมาทางนี้ไม่กลัวว่าจะเดินพลาดตกเขาตอนตะวันยังไม่ขึ้นก็แนะนำให้ลองดูค่ะ
เครดิตรูปจาก istockphoto.com
เครดิตรูปจาก Earthtreckkers.com
ส่วนรูปด้านล่างของเราถ่ายบนพื้นล่างของ Kings Canyon ค่ะ ไม่ได้ไปชะโงกดูเหว ก็เงยหน้าดูเอาค่ะ
ใช้เวลาเดินถ่ายรูปกันประมาณ 2 ชม.เสร็จแล้วเราก็เลยเดินทางกลับกัน ใช้เส้นทาง Mareenie Loop เส้นเดิม พอถึงจุดสิ้นสุดของถนนลูกรัง เราก็ออกกันอีกทางเพราะถนนเส้นนี้เป็นเหมือวงกลม เข้าทาง -ออกทาง เราขับกันไปดูจุดสุดท้ายและจะแคมป์กันที่ Palm Valley ค่ะ ระยะทาง 225 กม. ใช้เวลานานเหมือนกันเพราะถนนลูกรังไปเร็วไม่ได้ Palm Valley ตั้งอยู่ที่ Finke Gorge National Park ก่อนที่จะถึงที่ตั้งแคมป์นั้น ธรรมชาติสวยมาก ถนนบางส่วนยังถูกน้ำขัง รถธรรมดาเข้าไม่ได้แน่นอนค่ะ
แล้วก็ขับผ่านจุดที่มี walking track ให้ลงไปเดินดูระยะทาง 2 กม.ขึ้นเขานิดหน่อย แต่โอ้โห ...นึกไม่ถึงว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนี้ด้วยหรือ เขาที่เราเดินไปดูนั้นมีลักษณะคล้าย หุบเขา Sedona ที่ Arizona มาก น่าจะอายุใก้ลเคียงกันค่ะ track นี้มีชื่อว่า Arankaia Walk ค่ะ
เรา 2 คนตื่นเต้นมากที่มาเจอะอะไรแบบนี้ มั่นใจว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย
หลังจากนี้ก็ขับเลยไปยัง Palm Valley เพื่อจะไปตั้งแคมป์กันเป็นคืนสุดท้าย แต่ไปไม่ถึงค่ะ ถนนที่จะขับต่อนั้นยังถูกน้ำขังท่วมอยู่ ทางการได้ทำเสาปักวางไว้ว่าต้องขับอยู่ในแนวนี้เท่านั้น เราคิดว่าถ้าคนท้องถิ่นชำนาญแถบนี้ก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับเราดูแล้วไม่น่าจะปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเราแค่คันเดียว เกิดติดหล่ม เสียหลัก มีหวังแย่แน่นอน เราเลยถอยค่ะย้อนกลับไปพักตั้งแคมป์กันที่ตัวเมือง Alice Springs แทน
เป็นอันว่าไม่ได้ไปเห็น Palm Valley ค่ะ จากจุดที่ถอยนั้นอยู่แค่ 10 กม.เอง เอาภาพในเน็ตมาให้ดูแทนนะคะ
เคตรดิตภายจาก Viator.com
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
13 วัน L.A., Yosemite, Sequoia, Grand Canyon, Zion, Antelope Canyon, Monument Valley, Arches, Yellowstone, Las Vegas
วางแผนเที่ยวครั้งนี้คร่าวๆ เกือบ 2 ปีก่อน จากการที่เห็นว่ามีทัวร์ในอเมริกาที่พาเที่ยวฝั่งตะวันตกของอเมริกาในราคาต่อคนไม่แพงเท่าไรนัก จึงคุยกับภรรยาและลูกๆ ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น เนื่องจาก ต้องดูเวลาตอนจะเท
A. Smith
When in Leh(3) ขี่อูฐที่ Nubra valley ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก
2วัน 1คืนในหุบเขานูบร้า ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardungla top วันที่4ในลาดักห์เป็นวันที่เราจะต้องเปลี่ยนที่นอนกันเป็นครั้งแรก เพราะจะต้องออกเดินทางไกลอีก6ชั่วโมงเพื่อไปนูบร้าวัลเลย์เมืองในหุบเขา มี
megamovie
์ีNubra Valley
https://www.youtube.com/watch?v=3iMdO_Kpv-I Nubra Valley นูบร้าวัลเลย์ หมู่บ้่านที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา มองไปทางไหนมีแต่ทะเลทรายสีเงิน แรงดึงดูดของความร้อนระอุของทะเลทราย ยิ่งทำให้ @nubravalley เป็
อิหล้าพาลุย
**_25 วัน California – Nevada – Utah - Arizona_** EP.3 MonumentValley, AntelopeCanyon, HorseshoeBend, Grand Canyon
DAY 13 Page via Monument Valley ต่อกันวันที่ 13 เราออกเดินทางจาก Moab เพื่อไป Monument Valley ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างทาง ถึงแล้วค่าาาาา Monument Valley วิวนี้เป็นจุดถ่ายทำหนังเรื่อง Forre
สมาชิกหมายเลข 3176291
🚗 Road Trip ในอเมริกา ที่เด็ก Work & Travel ห้ามพลาด!
หลังจากทำงานหนักกันมาหลายเดือนตลอดโครงการ Work and Travel ถึงเวลาหอบกระเป๋า ออกตะลุยอเมริกาด้วยทริปในฝันอย่าง Road Trip กันแล้ว! บอกเลยว่าการขับรถเที่ยวที่นี่ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือการได้ซึมซับวิว
สมาชิกหมายเลข 8937854
เมื่อได้รับมรดกเป็นที่ดินว่างเปล่า 46 ไร่..(ทางภาคอีสาน) เอกสารสิทธ์เป็นส.ค.1..พื้นที่..ไม่มีอะไรเลยมีแต่ป่า..ควรทำไงดี
แนะนำหน่อยครับ... เราเริ่มจากทำอะไร ก่อนดี ................... ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอะไรเลย .... มี ถนนเข้าเป็นถนน ลูกรัง .................. พื้นที่แวดล้อมไปด้วยป่าเต็งรัง ...........................มีต้น
หมู-ผู้สงสัย
Death Valley National Park & Lone Pine: “ที่สุดของที่สุด” ของธรรมชาติ ทั้งร้อน ทั้งแห้ง ทั้งต่ำ ทั้งใหญ่ที่สุด
สวัสดีครับ เรายังอยู่กันที่อเมริกาเหมือนเดิมนะครับ หลังจากคราวที่แล้วเราได้รีวิวความสวยงามของโลกใต้ทะเลไปในกระทู้ https://pantip.com/topic/39073785 Channel Islands: กาลาปากอสแห่งอเมริกา ดำน้ำกับสิงโต
NKitchyfeet
ขับรถเที่ยวตะลุยอเมริกา USA West Coast Road Trip 14 วัน 3,500 km : [EP.6] ท่องไปในความเวิ้งว้างที่ Death Valley
ย้อนอ่าน EP.5 : ธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ Yosemite - Tioga Pass https://pantip.com/topic/37650889 วันนี้เป็นวันที่ 8 ของการท่องเที่ยวแล้วค่ะ เป็นวันที่มันส์ และหฤโหดมากค่ะ เราจะไป Death Valley กัน Death
Jip Sutita
ท่องเที่ยวเมือง Page : พาชม Horseshoe Bend และ Antelope Canyons
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสหาวันว่างช่วงสั้นๆ 3 วันนิดๆ เลยได้จัดทริปไปเที่ยวเมือง Page และ Sedona แต่โชคร้ายมีไฟไหม้ที่ North Arizona ใกล้ๆ สนามบิน Flagstaff พอดี เลยทำให้การเดินทางล่าช้าไปหนึ่งวั
Supparearg
I left my heart in Leh…หลงรักเลห์เข้าไปเต็มๆ (Part 2/2)
ต่อเนื่องมาจาก Part 1 (https://pantip.com/topic/37920739) นะคะ DAY 5: YOGA – NUBRA VALLEY (VIA KHADUNGLA PASS) – HUNDAR SAND DUNES (พักที่ HUNDAR SARAI) ทริปนี้ต้องบอกเลยว่าทำให้เราชอบเ
สมาชิกหมายเลข 3506017
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
นักท่องเที่ยว
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 6
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ตอนที่ 2: มาพาไปดูออสเตรเลียแถบตอนกลาง Central Australia ว่ามีอะไรให้ชมบ้างคะ
มาต่อกันค่ะ พอเราเก็บเต็นท์กันเรียบร้อยก็ใช้เส้นทางเดิม Larapinta Drive เดินทางต่อไปยัง Gosse Bluff ระยะทางจาก Ormiston Gorge 77 กม. Gosse Bluff นี้ ว่ากันว่าเป็นหลุมที่เกิดจาก asteroid หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกทำให้เกิดเป็นวงแหวนเมื่อประมาณ 143 ล้านปีมาแล้ว ลักษณะเป็นเหมือนภูเขาวงกลมล้อมรอบดินมีเส้นผ่าศูนย์กลางภูเขาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง 5 กม.
เอารูปจากเน็ตมาให้ชมก่อนนะคะเพราะเราจับภาพด้วยตาไม่ได้ค่ะ
เครดิตรูปจาก the ISS ค่ะ
จากเน็ตอีกภาพค่ะ เครดิตจาก Australianexplorer.com ค่ะ
ภาพด้านล่างถ่ายจากกล้องเราเองค่ะ
ก่อนถึง Gosse Bluff จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปมีชื่อว่า Gint's Lookout จนท.ที่เราไปจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้ถนนเส้นนี้บอกว่าอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปซึ่งบางทีคุณอาจจะได้รูปสวยหรืออาจจไม่ได้อะไรเลย เราก็เลยไม่อยากพลาดแวะสักหน่อยก็เลยได้ภาพ 2 ภาพด้านล่างนี้ เราก็ว่าเออ..ขอบคุณที่แนะนำมานะ..เราชอบ..
ถ่ายรูปกันแล้วก็ขับต่อมาบนถนนลาดยางมะตอยอีก 12 กม.ก็ถึงจุดสิ้นสุด และก็กลายเป็นถนนที่มีชื่อว่า Mareenie Loop ถนนเส้นนี้เข้าได้ 2 ทางนะคะระยะทาง 245 กม. เป็นถนนลูกรัง 160 กม. เส้นนี้พาเราไปยัง Kings Canyon จุดสุดท้ายของทริปซึ่งจะเป็นจุด Hightlight ของทริป ถนนลูกรังโดนฝนทำลายไปเยอะขับความเร็วประมาณ 60 กม/ชม. ใช้เวลาเกือบ 3 ชม. จึงจะถึงจุดตั้งแคมป์ที่ Kings Canyon Camping area เป็น Private ราคาที่ตั้งแคมป์ที่นี่ตกคนละ $25 ต่อคนต่อคืนค่ะ มีห้องครัวให้ทำกับข้าวได้โดยจะมีเตาแก๊ส ตู้เย็น ที่ล้างถ้วย-ชามไว้ให้ และถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ทำครัวพวกกะทะ หม้อ สามารถเช่าได้ในอัตราชิ้นละ 10 เหรียญ แล้วยังมีเตา BBQ ตั้งอยู่หลายจุดเยอะแยะมากมาย ห้องน้ำ-ห้องส้วมสะอาดมากมีทุกหัวมุม มีสระว่ายน้ำให้ด้วย มีคนมาพักเยอะมากค่ะ
ถนนเส้นนี้มีฝูงม้าป่ากระจายให้เห็นไปทั่วแถมมีอูฐด้วยแต่เราเจอะแค่ฝูงม้าป่า ส่วนอูฐเจอะแค่ขี้อูฐเป็นกอง ๆ บนถนนให้เห็นแต่ไม่เห็นตัวอูฐค่ะ
Kings Canyon ในระยะไกล ๆ
มื้อเย็นทำแกงอินเดียกินค่ะ พกแค่น้ำพริกแกงอินเดียเทใส่ในหม้อ ใส่ไก่ แค่นั้นเอง
ทุกจุดจะมีป้ายเตือนให้ระวัง Dingo (หมาป่า ซึ่งคล้ายพันธุ์หมาทางเอเชีย) ห้ามทิ้งอาหารไม่เป็นที่เป็นทางห้ามให้อาหารด้วย ตอนถึงเวลาเข้านอนเราจะได้ยินเสียงหอนไม่ไกลากแคมป์ที่พักค่ะ
ตะวันขึ้นที่ Kings Canyon
Breakfast
ก่อนจะมาถึงที่นี่เราตั้งใจกันไว้ว่าเมื่อไปถึง Highlight ของที่นี่นั้นจะต้องปีนเขาที่เห็นรูปข้างบน จะมี track ให้เดินระยะทางไป-กลับ 4.5 ชม. เพื่อไปดู Straight Cut Cliffs ที่มีชื่อเสียง โดยจะต้องออกก่อนตะวันขึ้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราได้ยินเสียงรถขับกันออกไป ณ จุดเริ่มต้นประมาณตี 5 กว่าหลายคัน เรา 2 คนคิดว่ามันเช้าเกินไปไหม รอสัก 8 โมงเช้ากินอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยไปปีนเขาก็ได้น่า..กลับกลายเป็นว่าพอ 8 โมงเช้าไปถึงจุดปีนเขา อาการเริ่มร้อนแล้ว ตะวันแรงมาก ส่วนที่จะต้องปีนเขาก่อนจะถึงช่วงเดิน track บนเขาหัวโล้นนั้นก็สูงชันใช้ได้ แถมปีนขึ้นไปแล้วต้องเดินอีก 4.5 ชม. คิดว่าไม่น่ารอดค่ะ เลยเปลี่ยนแผน track กันบนพื้นล่างล่ะกัน ระยะทาง 2 กม.เท่าน้น
เอารูปที่หลายคนปีนเขาสำเร็จ และได้ไปเห็นของสวยงามจากเน็ตให้ดูนะคะ ใครมาทางนี้ไม่กลัวว่าจะเดินพลาดตกเขาตอนตะวันยังไม่ขึ้นก็แนะนำให้ลองดูค่ะ
เครดิตรูปจาก istockphoto.com
เครดิตรูปจาก Earthtreckkers.com
ส่วนรูปด้านล่างของเราถ่ายบนพื้นล่างของ Kings Canyon ค่ะ ไม่ได้ไปชะโงกดูเหว ก็เงยหน้าดูเอาค่ะ
ใช้เวลาเดินถ่ายรูปกันประมาณ 2 ชม.เสร็จแล้วเราก็เลยเดินทางกลับกัน ใช้เส้นทาง Mareenie Loop เส้นเดิม พอถึงจุดสิ้นสุดของถนนลูกรัง เราก็ออกกันอีกทางเพราะถนนเส้นนี้เป็นเหมือวงกลม เข้าทาง -ออกทาง เราขับกันไปดูจุดสุดท้ายและจะแคมป์กันที่ Palm Valley ค่ะ ระยะทาง 225 กม. ใช้เวลานานเหมือนกันเพราะถนนลูกรังไปเร็วไม่ได้ Palm Valley ตั้งอยู่ที่ Finke Gorge National Park ก่อนที่จะถึงที่ตั้งแคมป์นั้น ธรรมชาติสวยมาก ถนนบางส่วนยังถูกน้ำขัง รถธรรมดาเข้าไม่ได้แน่นอนค่ะ
แล้วก็ขับผ่านจุดที่มี walking track ให้ลงไปเดินดูระยะทาง 2 กม.ขึ้นเขานิดหน่อย แต่โอ้โห ...นึกไม่ถึงว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนี้ด้วยหรือ เขาที่เราเดินไปดูนั้นมีลักษณะคล้าย หุบเขา Sedona ที่ Arizona มาก น่าจะอายุใก้ลเคียงกันค่ะ track นี้มีชื่อว่า Arankaia Walk ค่ะ
เรา 2 คนตื่นเต้นมากที่มาเจอะอะไรแบบนี้ มั่นใจว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย
หลังจากนี้ก็ขับเลยไปยัง Palm Valley เพื่อจะไปตั้งแคมป์กันเป็นคืนสุดท้าย แต่ไปไม่ถึงค่ะ ถนนที่จะขับต่อนั้นยังถูกน้ำขังท่วมอยู่ ทางการได้ทำเสาปักวางไว้ว่าต้องขับอยู่ในแนวนี้เท่านั้น เราคิดว่าถ้าคนท้องถิ่นชำนาญแถบนี้ก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับเราดูแล้วไม่น่าจะปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเราแค่คันเดียว เกิดติดหล่ม เสียหลัก มีหวังแย่แน่นอน เราเลยถอยค่ะย้อนกลับไปพักตั้งแคมป์กันที่ตัวเมือง Alice Springs แทน
เป็นอันว่าไม่ได้ไปเห็น Palm Valley ค่ะ จากจุดที่ถอยนั้นอยู่แค่ 10 กม.เอง เอาภาพในเน็ตมาให้ดูแทนนะคะ
เคตรดิตภายจาก Viator.com