หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ตอนที่ 2: มาพาไปดูออสเตรเลียแถบตอนกลาง Central Australia ว่ามีอะไรให้ชมบ้างคะ
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
นักท่องเที่ยว
อ่านตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/40638813
มาต่อกันค่ะ พอเราเก็บเต็นท์กันเรียบร้อยก็ใช้เส้นทางเดิม Larapinta Drive เดินทางต่อไปยัง Gosse Bluff ระยะทางจาก Ormiston Gorge 77 กม. Gosse Bluff นี้ ว่ากันว่าเป็นหลุมที่เกิดจาก asteroid หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกทำให้เกิดเป็นวงแหวนเมื่อประมาณ 143 ล้านปีมาแล้ว ลักษณะเป็นเหมือนภูเขาวงกลมล้อมรอบดินมีเส้นผ่าศูนย์กลางภูเขาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง 5 กม.
เอารูปจากเน็ตมาให้ชมก่อนนะคะเพราะเราจับภาพด้วยตาไม่ได้ค่ะ
เครดิตรูปจาก the ISS ค่ะ
จากเน็ตอีกภาพค่ะ เครดิตจาก Australianexplorer.com ค่ะ
ภาพด้านล่างถ่ายจากกล้องเราเองค่ะ
ก่อนถึง Gosse Bluff จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปมีชื่อว่า Gint's Lookout จนท.ที่เราไปจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้ถนนเส้นนี้บอกว่าอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปซึ่งบางทีคุณอาจจะได้รูปสวยหรืออาจจไม่ได้อะไรเลย เราก็เลยไม่อยากพลาดแวะสักหน่อยก็เลยได้ภาพ 2 ภาพด้านล่างนี้ เราก็ว่าเออ..ขอบคุณที่แนะนำมานะ..เราชอบ..
ถ่ายรูปกันแล้วก็ขับต่อมาบนถนนลาดยางมะตอยอีก 12 กม.ก็ถึงจุดสิ้นสุด และก็กลายเป็นถนนที่มีชื่อว่า Mareenie Loop ถนนเส้นนี้เข้าได้ 2 ทางนะคะระยะทาง 245 กม. เป็นถนนลูกรัง 160 กม. เส้นนี้พาเราไปยัง Kings Canyon จุดสุดท้ายของทริปซึ่งจะเป็นจุด Hightlight ของทริป ถนนลูกรังโดนฝนทำลายไปเยอะขับความเร็วประมาณ 60 กม/ชม. ใช้เวลาเกือบ 3 ชม. จึงจะถึงจุดตั้งแคมป์ที่ Kings Canyon Camping area เป็น Private ราคาที่ตั้งแคมป์ที่นี่ตกคนละ $25 ต่อคนต่อคืนค่ะ มีห้องครัวให้ทำกับข้าวได้โดยจะมีเตาแก๊ส ตู้เย็น ที่ล้างถ้วย-ชามไว้ให้ และถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ทำครัวพวกกะทะ หม้อ สามารถเช่าได้ในอัตราชิ้นละ 10 เหรียญ แล้วยังมีเตา BBQ ตั้งอยู่หลายจุดเยอะแยะมากมาย ห้องน้ำ-ห้องส้วมสะอาดมากมีทุกหัวมุม มีสระว่ายน้ำให้ด้วย มีคนมาพักเยอะมากค่ะ
ถนนเส้นนี้มีฝูงม้าป่ากระจายให้เห็นไปทั่วแถมมีอูฐด้วยแต่เราเจอะแค่ฝูงม้าป่า ส่วนอูฐเจอะแค่ขี้อูฐเป็นกอง ๆ บนถนนให้เห็นแต่ไม่เห็นตัวอูฐค่ะ
Kings Canyon ในระยะไกล ๆ
มื้อเย็นทำแกงอินเดียกินค่ะ พกแค่น้ำพริกแกงอินเดียเทใส่ในหม้อ ใส่ไก่ แค่นั้นเอง
ทุกจุดจะมีป้ายเตือนให้ระวัง Dingo (หมาป่า ซึ่งคล้ายพันธุ์หมาทางเอเชีย) ห้ามทิ้งอาหารไม่เป็นที่เป็นทางห้ามให้อาหารด้วย ตอนถึงเวลาเข้านอนเราจะได้ยินเสียงหอนไม่ไกลากแคมป์ที่พักค่ะ
ตะวันขึ้นที่ Kings Canyon
Breakfast
ก่อนจะมาถึงที่นี่เราตั้งใจกันไว้ว่าเมื่อไปถึง Highlight ของที่นี่นั้นจะต้องปีนเขาที่เห็นรูปข้างบน จะมี track ให้เดินระยะทางไป-กลับ 4.5 ชม. เพื่อไปดู Straight Cut Cliffs ที่มีชื่อเสียง โดยจะต้องออกก่อนตะวันขึ้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราได้ยินเสียงรถขับกันออกไป ณ จุดเริ่มต้นประมาณตี 5 กว่าหลายคัน เรา 2 คนคิดว่ามันเช้าเกินไปไหม รอสัก 8 โมงเช้ากินอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยไปปีนเขาก็ได้น่า..กลับกลายเป็นว่าพอ 8 โมงเช้าไปถึงจุดปีนเขา อาการเริ่มร้อนแล้ว ตะวันแรงมาก ส่วนที่จะต้องปีนเขาก่อนจะถึงช่วงเดิน track บนเขาหัวโล้นนั้นก็สูงชันใช้ได้ แถมปีนขึ้นไปแล้วต้องเดินอีก 4.5 ชม. คิดว่าไม่น่ารอดค่ะ เลยเปลี่ยนแผน track กันบนพื้นล่างล่ะกัน ระยะทาง 2 กม.เท่าน้น
เอารูปที่หลายคนปีนเขาสำเร็จ และได้ไปเห็นของสวยงามจากเน็ตให้ดูนะคะ ใครมาทางนี้ไม่กลัวว่าจะเดินพลาดตกเขาตอนตะวันยังไม่ขึ้นก็แนะนำให้ลองดูค่ะ
เครดิตรูปจาก istockphoto.com
เครดิตรูปจาก Earthtreckkers.com
ส่วนรูปด้านล่างของเราถ่ายบนพื้นล่างของ Kings Canyon ค่ะ ไม่ได้ไปชะโงกดูเหว ก็เงยหน้าดูเอาค่ะ
ใช้เวลาเดินถ่ายรูปกันประมาณ 2 ชม.เสร็จแล้วเราก็เลยเดินทางกลับกัน ใช้เส้นทาง Mareenie Loop เส้นเดิม พอถึงจุดสิ้นสุดของถนนลูกรัง เราก็ออกกันอีกทางเพราะถนนเส้นนี้เป็นเหมือวงกลม เข้าทาง -ออกทาง เราขับกันไปดูจุดสุดท้ายและจะแคมป์กันที่ Palm Valley ค่ะ ระยะทาง 225 กม. ใช้เวลานานเหมือนกันเพราะถนนลูกรังไปเร็วไม่ได้ Palm Valley ตั้งอยู่ที่ Finke Gorge National Park ก่อนที่จะถึงที่ตั้งแคมป์นั้น ธรรมชาติสวยมาก ถนนบางส่วนยังถูกน้ำขัง รถธรรมดาเข้าไม่ได้แน่นอนค่ะ
แล้วก็ขับผ่านจุดที่มี walking track ให้ลงไปเดินดูระยะทาง 2 กม.ขึ้นเขานิดหน่อย แต่โอ้โห ...นึกไม่ถึงว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนี้ด้วยหรือ เขาที่เราเดินไปดูนั้นมีลักษณะคล้าย หุบเขา Sedona ที่ Arizona มาก น่าจะอายุใก้ลเคียงกันค่ะ track นี้มีชื่อว่า Arankaia Walk ค่ะ
เรา 2 คนตื่นเต้นมากที่มาเจอะอะไรแบบนี้ มั่นใจว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย
หลังจากนี้ก็ขับเลยไปยัง Palm Valley เพื่อจะไปตั้งแคมป์กันเป็นคืนสุดท้าย แต่ไปไม่ถึงค่ะ ถนนที่จะขับต่อนั้นยังถูกน้ำขังท่วมอยู่ ทางการได้ทำเสาปักวางไว้ว่าต้องขับอยู่ในแนวนี้เท่านั้น เราคิดว่าถ้าคนท้องถิ่นชำนาญแถบนี้ก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับเราดูแล้วไม่น่าจะปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเราแค่คันเดียว เกิดติดหล่ม เสียหลัก มีหวังแย่แน่นอน เราเลยถอยค่ะย้อนกลับไปพักตั้งแคมป์กันที่ตัวเมือง Alice Springs แทน
เป็นอันว่าไม่ได้ไปเห็น Palm Valley ค่ะ จากจุดที่ถอยนั้นอยู่แค่ 10 กม.เอง เอาภาพในเน็ตมาให้ดูแทนนะคะ
เคตรดิตภายจาก Viator.com
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
✨️"มิสเทีย แคนยอน" (Mistaya Canyon) อัญมณีแห่งเทือกเขาแคนาเดียนร็อกกีส์🏞 💎
✨️"มิสเทีย แคนยอน" (Mistaya Canyon) อัญมณีแห่งเทือกเขาแคนาเดียนร็อกกีส์ 🏞 มิสเทีย แคนยอน (Mistaya Canyon) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามตระการตาที่สุดในอุทยานแห่งชาติโยโฮ (
เม่าบนยอดดอย
When in Leh(3) ขี่อูฐที่ Nubra valley ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก
2วัน 1คืนในหุบเขานูบร้า ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardungla top วันที่4ในลาดักห์เป็นวันที่เราจะต้องเปลี่ยนที่นอนกันเป็นครั้งแรก เพราะจะต้องออกเดินทางไกลอีก6ชั่วโมงเพื่อไปนูบร้าวัลเลย์เมืองในหุบเขา มี
megamovie
แผนที่ “นักท่องเที่ยวมารยาทแย่” คนญี่ปุ่ณเอือมระอา-เริ่มต่อต้าน
เปลื้องผ้า เต้นบนรถตู้ บนวิวแลนมาร์ก ร้านสะดวกซื้อลอว์สัน พื้นหลังภูเขาไฟฟูจิที่คนญี่ปุ่นนับถือ สิ่งที่อินฟลูเอนเซอร์ดังไทยทำในญี่ปุ่น กลายเป็นประเด็นระดับชาติ ที่หวั่นทำให้คนญี่ปุ่นรังเกียจคนไทยแบบเห
สมาชิกหมายเลข 2933266
ช่วยแนะนำรถมือสอง suv สำหรับขับขึ้นเขา ทางลูกรัง หน่อยครับ
งบให้ได้ไม่เกิน 500000 อยาดได้ใช้ขับจากเชียงใหม่-กัลยาณิวัฒนา ระยะทางประมาณ 200 กม. ทางส่วนใหญ่ขึ้นเขาลงเขาชันๆ เป็นหลุมเยอะ และ ขับลุยทางลูกรังต่อไปอีกประมาณ 50 กม. ลักษณะทางจะเป็นดินเข็งๆ มีโคลนไม่ม
สมาชิกหมายเลข 2546883
รบกวนช่วยเปรียบเทียบ แคชเมียร์+ลาดักห์ ของอินเดีย กับ ภาคเหนือของปากีสถาน
ผมอ่านรีวิวเที่ยวปากีสถานหลายๆอัน พบว่ามีความสวยงามน่าสนใจที่จะไปเที่ยวมาก ผมขอรบกวนผู้ที่เคยไปทั้งสองแห่ง ช่วยเปรียบเทียบ แคชเมียร์+ลาดักห์ ของอินเดีย กับ ภาคเหนือของปากีสถาน ในแง่ 1.ความสวยงาม ที่
อย่าให้พูดเลย
เสือหมอบที่ไปได้ทุกสภาพ cyclocross -boardman cx pro CR
เติมปุ๋ยในพันทิพ แล้วก็งอกของใหม่มาจนได้ ออกตัวว่าเป็นมือใหม่ ขี่แต่ MTB และข้ามมารถพับ ล่าสุดคือพับ 700c ต้องการปั่นจักรยานไปทำงาน ทุกวัน ด้วยสภาพถนนที่มีหลุม ฝาท่อ ปีนขึ้นฟุตบาท นานๆ ที นานๆครั้งจะอ
drkija
อยากทราบจริงๆๆ เกี่ยวกับการขับรถไปเที่ยวหลวงพระบางคะ
คือแปลนว่าสิ้นปีจะขับรถไปเที่ยวหลวงพระบาง ไปกัน 2 คัน (ธรรมดาไปก็ 7-12 วัน) อยากลองขับเที่ยวดูจริงๆๆ พอเข้าใจว่าถนนหนทางจะลำบาก อันนี้พอเข้าใจ แต่เท่าที่เราศึกษาและอ่านในพันทิพย์ มันมีทั้งน่ากลัว กับแ
eakine
น้องปา ไปถอยบนเนิน แล้ว เร่งไม่ขึ้น ล้อฟรี เอาไม่อยู่ ทั้งที่เป็นถนนปกติ ต้องแก้ยังไงครับ กลัวกินข้าวลิง
ไปดอยมาครับ รอบแรก เป็นทางลูกรังแน่นๆ ขับออกมาหักซ้ายขึ้นเนินชันเลย ปรากฏปีนไม่ขึ้นครับ ปั่นฟรีเลยครับ ถึงกับต้องถอยแล้ว กลับเลย ไม่กล้าขึ้นอีกครับ อีกรอบตรงดอยสกาดตรงหน้าบ้านป่าเมืองเถื่อนครับ เผล
~*. LoNeLy sEcRet .*~
ฝากถึงน้าๆทุกท่าน ที่ชื่นชอบการขับรถท่องเที่ยว
วันหยุดที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวเขาพะเนินทุ่ง อช.แก่งกระจาน หลายท่านที่เคยไปคงรู้ว่าทางระหว่างจุดกางเต้นท์บ้านกร่างกับยอดเขาพะเนินทุ่ง จะเป็นทางที่ชันและเป็นถนนลูกรัง รถที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นกระบะหรือ
ขนมเทียนข้าวเกรียบว่าว
ヨロシク(゚0゚)(。_。)ペコッ สินธร@Cafe 2013-07-05 .. สารพันสาระ..รับ บรรยากาศสบายๆ .. on "downtrend probably bottomed (2)
If everyone is rushing to trade on one side of the trade (sentimental) If everyone is on the same boat the boat will sink (logic) < Railroad track located near Dudhsagar Falls, India >
kasimasi
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
นักท่องเที่ยว
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 6
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ตอนที่ 2: มาพาไปดูออสเตรเลียแถบตอนกลาง Central Australia ว่ามีอะไรให้ชมบ้างคะ
มาต่อกันค่ะ พอเราเก็บเต็นท์กันเรียบร้อยก็ใช้เส้นทางเดิม Larapinta Drive เดินทางต่อไปยัง Gosse Bluff ระยะทางจาก Ormiston Gorge 77 กม. Gosse Bluff นี้ ว่ากันว่าเป็นหลุมที่เกิดจาก asteroid หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกทำให้เกิดเป็นวงแหวนเมื่อประมาณ 143 ล้านปีมาแล้ว ลักษณะเป็นเหมือนภูเขาวงกลมล้อมรอบดินมีเส้นผ่าศูนย์กลางภูเขาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง 5 กม.
เอารูปจากเน็ตมาให้ชมก่อนนะคะเพราะเราจับภาพด้วยตาไม่ได้ค่ะ
เครดิตรูปจาก the ISS ค่ะ
จากเน็ตอีกภาพค่ะ เครดิตจาก Australianexplorer.com ค่ะ
ภาพด้านล่างถ่ายจากกล้องเราเองค่ะ
ก่อนถึง Gosse Bluff จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปมีชื่อว่า Gint's Lookout จนท.ที่เราไปจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้ถนนเส้นนี้บอกว่าอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปซึ่งบางทีคุณอาจจะได้รูปสวยหรืออาจจไม่ได้อะไรเลย เราก็เลยไม่อยากพลาดแวะสักหน่อยก็เลยได้ภาพ 2 ภาพด้านล่างนี้ เราก็ว่าเออ..ขอบคุณที่แนะนำมานะ..เราชอบ..
ถ่ายรูปกันแล้วก็ขับต่อมาบนถนนลาดยางมะตอยอีก 12 กม.ก็ถึงจุดสิ้นสุด และก็กลายเป็นถนนที่มีชื่อว่า Mareenie Loop ถนนเส้นนี้เข้าได้ 2 ทางนะคะระยะทาง 245 กม. เป็นถนนลูกรัง 160 กม. เส้นนี้พาเราไปยัง Kings Canyon จุดสุดท้ายของทริปซึ่งจะเป็นจุด Hightlight ของทริป ถนนลูกรังโดนฝนทำลายไปเยอะขับความเร็วประมาณ 60 กม/ชม. ใช้เวลาเกือบ 3 ชม. จึงจะถึงจุดตั้งแคมป์ที่ Kings Canyon Camping area เป็น Private ราคาที่ตั้งแคมป์ที่นี่ตกคนละ $25 ต่อคนต่อคืนค่ะ มีห้องครัวให้ทำกับข้าวได้โดยจะมีเตาแก๊ส ตู้เย็น ที่ล้างถ้วย-ชามไว้ให้ และถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ทำครัวพวกกะทะ หม้อ สามารถเช่าได้ในอัตราชิ้นละ 10 เหรียญ แล้วยังมีเตา BBQ ตั้งอยู่หลายจุดเยอะแยะมากมาย ห้องน้ำ-ห้องส้วมสะอาดมากมีทุกหัวมุม มีสระว่ายน้ำให้ด้วย มีคนมาพักเยอะมากค่ะ
ถนนเส้นนี้มีฝูงม้าป่ากระจายให้เห็นไปทั่วแถมมีอูฐด้วยแต่เราเจอะแค่ฝูงม้าป่า ส่วนอูฐเจอะแค่ขี้อูฐเป็นกอง ๆ บนถนนให้เห็นแต่ไม่เห็นตัวอูฐค่ะ
Kings Canyon ในระยะไกล ๆ
มื้อเย็นทำแกงอินเดียกินค่ะ พกแค่น้ำพริกแกงอินเดียเทใส่ในหม้อ ใส่ไก่ แค่นั้นเอง
ทุกจุดจะมีป้ายเตือนให้ระวัง Dingo (หมาป่า ซึ่งคล้ายพันธุ์หมาทางเอเชีย) ห้ามทิ้งอาหารไม่เป็นที่เป็นทางห้ามให้อาหารด้วย ตอนถึงเวลาเข้านอนเราจะได้ยินเสียงหอนไม่ไกลากแคมป์ที่พักค่ะ
ตะวันขึ้นที่ Kings Canyon
Breakfast
ก่อนจะมาถึงที่นี่เราตั้งใจกันไว้ว่าเมื่อไปถึง Highlight ของที่นี่นั้นจะต้องปีนเขาที่เห็นรูปข้างบน จะมี track ให้เดินระยะทางไป-กลับ 4.5 ชม. เพื่อไปดู Straight Cut Cliffs ที่มีชื่อเสียง โดยจะต้องออกก่อนตะวันขึ้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราได้ยินเสียงรถขับกันออกไป ณ จุดเริ่มต้นประมาณตี 5 กว่าหลายคัน เรา 2 คนคิดว่ามันเช้าเกินไปไหม รอสัก 8 โมงเช้ากินอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยไปปีนเขาก็ได้น่า..กลับกลายเป็นว่าพอ 8 โมงเช้าไปถึงจุดปีนเขา อาการเริ่มร้อนแล้ว ตะวันแรงมาก ส่วนที่จะต้องปีนเขาก่อนจะถึงช่วงเดิน track บนเขาหัวโล้นนั้นก็สูงชันใช้ได้ แถมปีนขึ้นไปแล้วต้องเดินอีก 4.5 ชม. คิดว่าไม่น่ารอดค่ะ เลยเปลี่ยนแผน track กันบนพื้นล่างล่ะกัน ระยะทาง 2 กม.เท่าน้น
เอารูปที่หลายคนปีนเขาสำเร็จ และได้ไปเห็นของสวยงามจากเน็ตให้ดูนะคะ ใครมาทางนี้ไม่กลัวว่าจะเดินพลาดตกเขาตอนตะวันยังไม่ขึ้นก็แนะนำให้ลองดูค่ะ
เครดิตรูปจาก istockphoto.com
เครดิตรูปจาก Earthtreckkers.com
ส่วนรูปด้านล่างของเราถ่ายบนพื้นล่างของ Kings Canyon ค่ะ ไม่ได้ไปชะโงกดูเหว ก็เงยหน้าดูเอาค่ะ
ใช้เวลาเดินถ่ายรูปกันประมาณ 2 ชม.เสร็จแล้วเราก็เลยเดินทางกลับกัน ใช้เส้นทาง Mareenie Loop เส้นเดิม พอถึงจุดสิ้นสุดของถนนลูกรัง เราก็ออกกันอีกทางเพราะถนนเส้นนี้เป็นเหมือวงกลม เข้าทาง -ออกทาง เราขับกันไปดูจุดสุดท้ายและจะแคมป์กันที่ Palm Valley ค่ะ ระยะทาง 225 กม. ใช้เวลานานเหมือนกันเพราะถนนลูกรังไปเร็วไม่ได้ Palm Valley ตั้งอยู่ที่ Finke Gorge National Park ก่อนที่จะถึงที่ตั้งแคมป์นั้น ธรรมชาติสวยมาก ถนนบางส่วนยังถูกน้ำขัง รถธรรมดาเข้าไม่ได้แน่นอนค่ะ
แล้วก็ขับผ่านจุดที่มี walking track ให้ลงไปเดินดูระยะทาง 2 กม.ขึ้นเขานิดหน่อย แต่โอ้โห ...นึกไม่ถึงว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนี้ด้วยหรือ เขาที่เราเดินไปดูนั้นมีลักษณะคล้าย หุบเขา Sedona ที่ Arizona มาก น่าจะอายุใก้ลเคียงกันค่ะ track นี้มีชื่อว่า Arankaia Walk ค่ะ
เรา 2 คนตื่นเต้นมากที่มาเจอะอะไรแบบนี้ มั่นใจว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย
หลังจากนี้ก็ขับเลยไปยัง Palm Valley เพื่อจะไปตั้งแคมป์กันเป็นคืนสุดท้าย แต่ไปไม่ถึงค่ะ ถนนที่จะขับต่อนั้นยังถูกน้ำขังท่วมอยู่ ทางการได้ทำเสาปักวางไว้ว่าต้องขับอยู่ในแนวนี้เท่านั้น เราคิดว่าถ้าคนท้องถิ่นชำนาญแถบนี้ก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับเราดูแล้วไม่น่าจะปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเราแค่คันเดียว เกิดติดหล่ม เสียหลัก มีหวังแย่แน่นอน เราเลยถอยค่ะย้อนกลับไปพักตั้งแคมป์กันที่ตัวเมือง Alice Springs แทน
เป็นอันว่าไม่ได้ไปเห็น Palm Valley ค่ะ จากจุดที่ถอยนั้นอยู่แค่ 10 กม.เอง เอาภาพในเน็ตมาให้ดูแทนนะคะ
เคตรดิตภายจาก Viator.com