สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าแชร์ประสบการณ์ Skin Patch Test สำหรับคนปากแห้ง แตก ลอกบ่อยๆ
เริ่มเรื่อง คือ เราจะเป็นคนที่ริมฝีปากแห้งแตก ลอก บ่อยมากๆๆ เป็นมาหลายปี แต่มาหนักมาก 1-2 ปีนี้ ตอนที่ใส่ Mask นานๆนี่แหละค่ะ
อาการของเราคือ ขอบปากบนจะแดงๆแสบๆเตือนก่อน แล้วจากนั้นริมฝีปากจะด้านๆแข็งๆ แล้วลอกเป็นขุยๆ
น่าเกลียดมาก เราก็ทาลิปมันตลอดนะคะ มีติดตัวไปทุกที หลายแบรนด์ คละๆกันไป แล้วแต่จะหยิบอันไหน
(มีลิปเป็นสิบๆแท่ง แต่พอทำเทสเสร็จ โยนทิ้งหมดเลยค่ะ ลืมถ่ายรูปหมู่เก็บไว้)
บางครั้งก็รู้สึกตึงๆที่ริมฝีปาก ก็จะทาลิปมันดักไว้แต่ซักพักมันก็แตก เป็นทุกอาทิตย์ บางครั้ง 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์
ซึ่งเราก็พยายามดื่มน้ำบ่อยๆ
เราซื้อลิปบาล์มต่างๆเยอะมาก ทั้งที่บอกว่าเป็นออร์แกนิก,ของสำหรับเด็ก หรือยี่ห้อของเวชสำอางค์สำหรับคนแพ้ง่าย
ทั้งเปลี่ยนยาสีฟัน ไม่ใช้สูตรเย็น หรือมิ้นต์เลย รวมทั้งเปลี่ยนMask หลายแบบด้วย ก็ยังไม่หาย
จนล่าสุดปากเยินมาก จนแม่บอกว่า ไปตรวจเถอะ เลยหาข้อมูล Skin Patch Test เพราะจำได้ว่าเคยเห็นใน IG คุณขวัน ที่เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์เคยลงไว้
เริ่มแรกหาข้อมูลจากสถาบันโรคผิวหนังของรัฐ เนื่องจากคิดว่าน่าจะประหยัดกว่า แต่เพราะโทรไม่ติด เลยไม่มีข้อมูลรายละเอียดที่แน่นอน
แล้วบ้านเราไกล ไม่สะดวกที่จะไปนั่งรอคิวแต่เช้าตรู่
จึงลองดูที่เดียวกับคุณขวัน คือเห็นจากหน้าเว็บไซต์ว่า ช่วงนี้ Skin Patch Test ลดจาก 6,800 บาท เหลือ 4,800 บาท
เลยโทรสอบถาม แล้วพอดีวันอาทิตย์มีอาการพอดี ก็เลยเข้าไปค่ะ ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ รอคิว พบหมอ
เราพกยาสีฟันกับพวกลิปที่ใช้อยู่ไปให้หมอดูด้วยนะคะ หมอก็ดูคร่าวๆสอบถามบางตัว
ตอนที่พบหมอก็ถามว่าเกี่ยวกับ Mask รึป่าว หมอก็บอกว่า ไม่น่าใช่สาเหตุหลัก เพราะผิวหน้าตรงอื่นไม่มีอาการแพ้เลย
ก็สรุปว่าให้ทำ Skin Patch Test หมอบอกว่า ปกติถ้าเข้ามาทำวันอาทิตย์ วันอังคารต้องเข้ามาเช็คทีนึง และวันพฤหัสเข้ามาพบหมอ
แต่เราไม่สะดวก เลยถามหมอว่า ขอเข้ามาวันพุธ และเสาร์ได้มั้ย ไม่อยากลางานบ่อย
(คือตอนโทรมาถามจนท. เค้าก็แจ้งแล้วนะคะ ว่าปกติต้องเข้ามาแบบนี้ คือ สมมุติถ้ามาทำวันแรกวันจันทร์ ก็ต้องเข้ามาเช็คอีกทีวันพุธ
และพบหมอฟังผลวันศุกร์ เราบอกไม่สะดวก จนท.บอกว่ามีแบบอ่านผลครั้งเดียวด้วย แต่ต้องลองมาคุยกับหมอก่อน)
สรุป หมอเลยบอกว่างั้นเป็นแบบอ่านผลครั้งเดียว ให้เข้ามาวันพุธทีเดียวเลย
จากนั้นหมอให้ไปรอด้านนอก มีจนท.มาคุยว่า หมอให้เทสแบบชุด 68 สาร ราคาลดจาก 1x,xxx เหลือ 8พันกว่าบาท
เราก็อึ้งๆเพราะเตรียมใจมาว่าคงซัก 5-6,000 แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็เลยโอเคทำแหละ
(ลืมถามรายละเอียดด้วยว่า แล้วแพ็คเกจที่ลดราคามันคือแบบไหน)
แล้วก็แจ้งค่าใช้จ่าย รวมค่าเทส ค่าหมอ แล้วก็ค่ายา ทั้งหมด 9,720
ได้ยาสีฟันแบบปราศจากสารกันเสีย
(จนท.บอกก่อนเลยว่า รสชาดมันอาจจะไม่ค่อยดี ไม่เหมือนที่ใช้ทั่วไปนะคะ แต่เราใช้แล้วโอเคนะ จืดๆไม่ค่อยมีฟอง),
ยาแก้แพ้ 1 หลอด,ลิป (Petro Emollient )1 หลอด
รอจนท.เตรียมสารสักพัก ก็เข้าห้องไปนอนคว่ำบนเตียง ถอดเสื้อ ปลดเสื้อใน เช็ดแอลกอฮอล์ทำความสะอาด แปะสารที่หลัง
ไม่นานนะคะ ประมาน 10-15 นาที จนท.แจ้งว่าตอนลุกจะตึงๆหลังหน่อยนะคะ แต่จริงๆแล้วตึงมากกกกก หลังตรง ก้มไม่ได้เลยค่ะ
ตอนขึ้นรถนี่หัวโหม่งขอบประตูเลยจ้า ออกมาก็ลืมถามหมอว่า ถ้าตรวจแล้วไม่เจอตัวที่แพ้แล้วจะต้องทำยังไง กลัวเสียตังฟรี -*-
กลับบ้านคือห้ามน้ำโดนหลัง จนกว่าจะมารพ.อีกทีค่ะ ยิ่งอากาศร้อนจะหงุดหงิด รำคาญมาก
แถมบางจุดที่น่าจะแพ้ก็คันยิบๆ แต่ไม่กล้าเกา ต้องรอให้ถึงวันพุธเร็วๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แปะมาเต็มหลังอย่างนี้เลยค่ะ
พอวันพุธไปหาหมอ ก่อนพบหมอคือจนท.มาแกะเทปที่หลัง (เจ็บๆแสบๆนิดนึง คงคล้ายๆแว็กซ์ขนประมานนั้นค่ะ)
แล้วก็เหมือนว่าจนท.เขียนๆอะไรลงไปที่หลังเรา จากนั้นก็จนท.ตามหมอมาตรวจ
เสร็จจนท.ก็เช็ดทำความสะอาด ทายาที่หลังให้
จากนั้นก็ให้ออกมารอจนท.เตรียมเอกสาร ช่วงนี้จะรอนานหน่อย
เพราะเค้าต้องปริ้นรายละเอียดสารแต่ละตัวที่แพ้ให้เรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รอยจ้ำแดงๆคือรอยที่เราแพ้สารค่ะ ตอนหมอเดินมาตรวจ ได้ยินหมอบอก อันนี้ๆก็แพ้หรอ
(แต่จุดที่แต้มสีๆนี่ไม่ได้ถามค่ะ ว่ามันคืออะไร)
จากนั้นเข้าพบหมออีกครั้ง สรุป เราตรวจไป 68 ตัว แพ้ไป 32 ค่ะ T^T หมอบอก ถ้าเป็นหวยนี่รวยละ ตรวจตัวไหนก็โดน
ที่สำคัญหลักๆเลยคือ แพ้ WAX (ขี้ผึ้ง) ทั้งหมด ซึ่งมันคือส่วนผสมหลักในลิปสติก/ลิปบาล์ม/ลิปมัน
หมอบอกว่า ลิปสติกนี่หมดสิทธิ์ใช้เลยนะ ใช้ได้แค่ปิโตรเลียมเจล แบบกระปุกๆของวาสลีนเท่านั้น T^T
เราถามว่า มันมีโอกาสหายแพ้มั้ย หมอบอกว่า มี ถ้าเราไม่โดนสารพวกนี้ไปหลายๆปี จนผิวลืมไปแล้วว่าเคยแพ้ ก็อาจจะกลับมาใช้ได้อีกค่ะ
วันนี้จ่ายไป 1,050 บาทค่ะ (ค่าหมอ 750 + เราซื้อยาสีฟันเพิ่ม 300
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากการมาตรวจ Skin Patch Test ข้อดี คือเราจะได้รู้แน่นอนแล้วจะได้หลีกเลี่ยงการแพ้ค่ะ
ตอนนี้กำลังดูพวกลิปอย่างอื่นมาใช้แทนลิปแบบแท่งค่ะ เผื่อเป็นทางรอดของเราต่อไป
ใครมีปัญหาแบบนี้ ลองไปตรวจดูได้นะคะ จนท.บริการดีค่ะ ค่อนข้างสะดวก
แต่ราคาก็แรงนิดนึง //รูดบัตรผ่อนไปยาวๆค่าาา
แชร์ประสบการณ์ทำ Skin Patch Test สำหรับคนปากแห้ง แตก ลอกบ่อยๆ
เริ่มเรื่อง คือ เราจะเป็นคนที่ริมฝีปากแห้งแตก ลอก บ่อยมากๆๆ เป็นมาหลายปี แต่มาหนักมาก 1-2 ปีนี้ ตอนที่ใส่ Mask นานๆนี่แหละค่ะ
อาการของเราคือ ขอบปากบนจะแดงๆแสบๆเตือนก่อน แล้วจากนั้นริมฝีปากจะด้านๆแข็งๆ แล้วลอกเป็นขุยๆ
น่าเกลียดมาก เราก็ทาลิปมันตลอดนะคะ มีติดตัวไปทุกที หลายแบรนด์ คละๆกันไป แล้วแต่จะหยิบอันไหน
(มีลิปเป็นสิบๆแท่ง แต่พอทำเทสเสร็จ โยนทิ้งหมดเลยค่ะ ลืมถ่ายรูปหมู่เก็บไว้)
บางครั้งก็รู้สึกตึงๆที่ริมฝีปาก ก็จะทาลิปมันดักไว้แต่ซักพักมันก็แตก เป็นทุกอาทิตย์ บางครั้ง 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์
ซึ่งเราก็พยายามดื่มน้ำบ่อยๆ
เราซื้อลิปบาล์มต่างๆเยอะมาก ทั้งที่บอกว่าเป็นออร์แกนิก,ของสำหรับเด็ก หรือยี่ห้อของเวชสำอางค์สำหรับคนแพ้ง่าย
ทั้งเปลี่ยนยาสีฟัน ไม่ใช้สูตรเย็น หรือมิ้นต์เลย รวมทั้งเปลี่ยนMask หลายแบบด้วย ก็ยังไม่หาย
จนล่าสุดปากเยินมาก จนแม่บอกว่า ไปตรวจเถอะ เลยหาข้อมูล Skin Patch Test เพราะจำได้ว่าเคยเห็นใน IG คุณขวัน ที่เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์เคยลงไว้
เริ่มแรกหาข้อมูลจากสถาบันโรคผิวหนังของรัฐ เนื่องจากคิดว่าน่าจะประหยัดกว่า แต่เพราะโทรไม่ติด เลยไม่มีข้อมูลรายละเอียดที่แน่นอน
แล้วบ้านเราไกล ไม่สะดวกที่จะไปนั่งรอคิวแต่เช้าตรู่
จึงลองดูที่เดียวกับคุณขวัน คือเห็นจากหน้าเว็บไซต์ว่า ช่วงนี้ Skin Patch Test ลดจาก 6,800 บาท เหลือ 4,800 บาท
เลยโทรสอบถาม แล้วพอดีวันอาทิตย์มีอาการพอดี ก็เลยเข้าไปค่ะ ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ รอคิว พบหมอ
เราพกยาสีฟันกับพวกลิปที่ใช้อยู่ไปให้หมอดูด้วยนะคะ หมอก็ดูคร่าวๆสอบถามบางตัว
ตอนที่พบหมอก็ถามว่าเกี่ยวกับ Mask รึป่าว หมอก็บอกว่า ไม่น่าใช่สาเหตุหลัก เพราะผิวหน้าตรงอื่นไม่มีอาการแพ้เลย
ก็สรุปว่าให้ทำ Skin Patch Test หมอบอกว่า ปกติถ้าเข้ามาทำวันอาทิตย์ วันอังคารต้องเข้ามาเช็คทีนึง และวันพฤหัสเข้ามาพบหมอ
แต่เราไม่สะดวก เลยถามหมอว่า ขอเข้ามาวันพุธ และเสาร์ได้มั้ย ไม่อยากลางานบ่อย
(คือตอนโทรมาถามจนท. เค้าก็แจ้งแล้วนะคะ ว่าปกติต้องเข้ามาแบบนี้ คือ สมมุติถ้ามาทำวันแรกวันจันทร์ ก็ต้องเข้ามาเช็คอีกทีวันพุธ
และพบหมอฟังผลวันศุกร์ เราบอกไม่สะดวก จนท.บอกว่ามีแบบอ่านผลครั้งเดียวด้วย แต่ต้องลองมาคุยกับหมอก่อน)
สรุป หมอเลยบอกว่างั้นเป็นแบบอ่านผลครั้งเดียว ให้เข้ามาวันพุธทีเดียวเลย
จากนั้นหมอให้ไปรอด้านนอก มีจนท.มาคุยว่า หมอให้เทสแบบชุด 68 สาร ราคาลดจาก 1x,xxx เหลือ 8พันกว่าบาท
เราก็อึ้งๆเพราะเตรียมใจมาว่าคงซัก 5-6,000 แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็เลยโอเคทำแหละ
(ลืมถามรายละเอียดด้วยว่า แล้วแพ็คเกจที่ลดราคามันคือแบบไหน)
แล้วก็แจ้งค่าใช้จ่าย รวมค่าเทส ค่าหมอ แล้วก็ค่ายา ทั้งหมด 9,720
ได้ยาสีฟันแบบปราศจากสารกันเสีย
(จนท.บอกก่อนเลยว่า รสชาดมันอาจจะไม่ค่อยดี ไม่เหมือนที่ใช้ทั่วไปนะคะ แต่เราใช้แล้วโอเคนะ จืดๆไม่ค่อยมีฟอง),
ยาแก้แพ้ 1 หลอด,ลิป (Petro Emollient )1 หลอด
รอจนท.เตรียมสารสักพัก ก็เข้าห้องไปนอนคว่ำบนเตียง ถอดเสื้อ ปลดเสื้อใน เช็ดแอลกอฮอล์ทำความสะอาด แปะสารที่หลัง
ไม่นานนะคะ ประมาน 10-15 นาที จนท.แจ้งว่าตอนลุกจะตึงๆหลังหน่อยนะคะ แต่จริงๆแล้วตึงมากกกกก หลังตรง ก้มไม่ได้เลยค่ะ
ตอนขึ้นรถนี่หัวโหม่งขอบประตูเลยจ้า ออกมาก็ลืมถามหมอว่า ถ้าตรวจแล้วไม่เจอตัวที่แพ้แล้วจะต้องทำยังไง กลัวเสียตังฟรี -*-
กลับบ้านคือห้ามน้ำโดนหลัง จนกว่าจะมารพ.อีกทีค่ะ ยิ่งอากาศร้อนจะหงุดหงิด รำคาญมาก
แถมบางจุดที่น่าจะแพ้ก็คันยิบๆ แต่ไม่กล้าเกา ต้องรอให้ถึงวันพุธเร็วๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอวันพุธไปหาหมอ ก่อนพบหมอคือจนท.มาแกะเทปที่หลัง (เจ็บๆแสบๆนิดนึง คงคล้ายๆแว็กซ์ขนประมานนั้นค่ะ)
แล้วก็เหมือนว่าจนท.เขียนๆอะไรลงไปที่หลังเรา จากนั้นก็จนท.ตามหมอมาตรวจ
เสร็จจนท.ก็เช็ดทำความสะอาด ทายาที่หลังให้
จากนั้นก็ให้ออกมารอจนท.เตรียมเอกสาร ช่วงนี้จะรอนานหน่อย
เพราะเค้าต้องปริ้นรายละเอียดสารแต่ละตัวที่แพ้ให้เรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นเข้าพบหมออีกครั้ง สรุป เราตรวจไป 68 ตัว แพ้ไป 32 ค่ะ T^T หมอบอก ถ้าเป็นหวยนี่รวยละ ตรวจตัวไหนก็โดน
ที่สำคัญหลักๆเลยคือ แพ้ WAX (ขี้ผึ้ง) ทั้งหมด ซึ่งมันคือส่วนผสมหลักในลิปสติก/ลิปบาล์ม/ลิปมัน
หมอบอกว่า ลิปสติกนี่หมดสิทธิ์ใช้เลยนะ ใช้ได้แค่ปิโตรเลียมเจล แบบกระปุกๆของวาสลีนเท่านั้น T^T
เราถามว่า มันมีโอกาสหายแพ้มั้ย หมอบอกว่า มี ถ้าเราไม่โดนสารพวกนี้ไปหลายๆปี จนผิวลืมไปแล้วว่าเคยแพ้ ก็อาจจะกลับมาใช้ได้อีกค่ะ
วันนี้จ่ายไป 1,050 บาทค่ะ (ค่าหมอ 750 + เราซื้อยาสีฟันเพิ่ม 300
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากการมาตรวจ Skin Patch Test ข้อดี คือเราจะได้รู้แน่นอนแล้วจะได้หลีกเลี่ยงการแพ้ค่ะ
ตอนนี้กำลังดูพวกลิปอย่างอื่นมาใช้แทนลิปแบบแท่งค่ะ เผื่อเป็นทางรอดของเราต่อไป
ใครมีปัญหาแบบนี้ ลองไปตรวจดูได้นะคะ จนท.บริการดีค่ะ ค่อนข้างสะดวก
แต่ราคาก็แรงนิดนึง //รูดบัตรผ่อนไปยาวๆค่าาา