จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้นี้เพื่อให้เพื่อนๆทุกคนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อถูกปฏิเสธไม่เข้ารับการรักษาเมื่อเจ็บป่วยในช่วงนี้
และแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับโรคโควิด ที่อาจช่วยให้เพื่อนๆทุกคนอยู่รอดและรู้เท่าทันในเกี่ยวกับโรค
รวมไปถึงแชร์ประสบการณ์ รพ.เอกชน และหน่วยงานราชการที่ผมได้ติดต่อในเหตุการณ์ที่น้องสาวของผมถูกปฏิเสธ "ไม่รับรักษา"
น้องสาวอายุยังเด็ก 20 ต้นๆ พูดตรงๆก็มีไปเที่ยวร้านเหล้าแห่งหนึ่งเมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว
น้องอยู่ห้องตัวคนเดียว (แยกกันอยู่กับครอบครัว) ช่วงต้นเดือนก็มีอาการที่ทำให้ครอบครัวสับสน เช่น
1. ไข้สูง 39 องศาแค่ครึ่งวัน จากนั้นตัวเย็นเฉียบ
ถึงจะสับสน แต่ก็ต้องกันไว้ก่อน ในวันรุ่งขึ้นรีบพาน้องตรวจโควิดหาที่ยืนยันทันที เลือกของ รพ.เอกชน A อยากได้ผลเร็วๆ และแม่นยำ แต่ก็ไม่ได้รับผลตรวจในทันที ต้องกลับบ้านเพื่อรอฟังผล
ในจังหวะที่กำลังรอผลอยู่ที่คอนโด ในวันรุ่งขึ้นน้องสาวมีอาการเพิ่มเติมดังนี้
1. อาเจียนกระจุยกระจาย นอนอยู่ก็อาเจียน (น้องนับอาเจียนได้ 17ครั้ง ) จนไม่ไหว น้องพยายามกลืนอาเจียนตัวเองเพราะไม่อยากลุกกจากที่นอน
2. เล็บม่วง
3. ไม่มีไข้
ต้องแจ้งก่อนว่าน้องอยู่ตัวคนเดียว ฝั่งตัวผมเองยอมรับว่า ผมอยากรออีกนิดฟังผลตรวจให้แน่ชัด แล้วจะเข้าไปดูแล แต่แม่ของผมไม่ได้คิดแบบผม ลูกเป็นแบบนี้ไม่มีแม่คนไหนทนได้ แม่ผมรีบเข้าไปดูน้องสาวทันทีไม่รออะไรทั้งนั้น ผมมาคิดอีกทีมันเป็นอะไรที่ผิดมหันต์ เราไม่ควรให้ผู้สูงอายุเกิดความเสี่ยงติดเชื้อโควิดเด็ดขาด เนื่องจากอาการป่วยจะรุนแรงกว่าคนอายุน้อย ผมหรือพี่น้องควรจะเป็นฝ่ายไปดูแลน้องสาวมากกว่า แต่ผมก็สับสนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ถ้ามัวแต่รอผลตรวจโควิดแล้วน้องอาการแย่ลงอีกจะทำยังไง
ครอบครัวทบทวนอาการของน้อง ยิ่งทำให้สับสนและงงงวย (แม่ผมเป็นพยาบาลก็ยังงง) มันไม่ใช่อาการโควิดที่เคยรู้จักเลย ประกอบกับการที่คิดว่า หากผ่านไปเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้รับแจ้งใดๆจาก รพ.เอกชน A เลย ก็คิดกันไปเองว่าคงไม่ได้ติดเชื้อ เพราะถ้าติดจริงเขาคงรีบแจ้งแล้ว ทางที่ดีเราก็ควรโทรไปสอบถาม (แต่การติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิด19 บอกเลยว่าช่วงนี้ ติดต่อยากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน อยากให้ทุกคนใจเย็น ๆ เพราะมีอีกหลายคนที่มีปัญหามากกว่าเรา) แต่พอโทรไปติดแล้วก็ได้คำตอบว่า "ผลยังไม่ออกเพราะมีคนมาตรวจเยอะ" ก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ ใจร้อนโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
พอแม่ไปถึง น้องสาวเห็นหน้าแม่ก็ร้องไห้ทันที น้องสาวกลัวมาก ๆ และครอบครัวผมโชคดีมากที่น้องสาวมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง ที่มาสมทบแม่ผมเพื่อดูแลน้องสาว ส่วนตัวแล้วผมยอมใจและนับถือเพื่อนน้องสาวมาก ๆ ย้อนกลับมาดูตัวเอง ผมเป็นพี่ชายแท้ ๆ แต่กลับมัวแต่คิดห่วงนั่นห่วงนี่ แต่ก็ไม่เป็นไรผมว่าเราก็ควรจะมีคนที่ไม่มีความเสี่ยงคอยทำธุระจัดการด้านอื่น ๆ ให้ ไม่ใช่ยกไปติดกันทั้งบ้าน ควรจะ Reserve ใครสักคนเอาไว้ เรามัวแต่โลเลแล้วงั้นก็อยู่ในจุดนี้ไปละกัน
พอแม่ถึงห้องน้องฝั่งผมที่อยู่ไกลก็เบาใจระดับนึง ยิ่งดูอาการแปลกๆแบบนี้ก็ไม่น่าใช่โควิดนะ แต่สุดท้ายทนไม่ไหวจริงๆ ต้องพาน้องสาวเข้ารักษาและตรวจอาการน่าสงสัยนี้ที่ รพ.เอกชน B เนื่องจากน้องสาวมีสิทธิบัตรทองอยู่ที่นั่น
รพ.เอกชน B เนี่ยแหละพีคสุด ๆ
แชร์ประสบการณ์พาน้องเข้ารักษาโควิด กับการโดนปฏิเสธไม่รับรักษาที่ทำเอาเข่าทรุด
และแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับโรคโควิด ที่อาจช่วยให้เพื่อนๆทุกคนอยู่รอดและรู้เท่าทันในเกี่ยวกับโรค
รวมไปถึงแชร์ประสบการณ์ รพ.เอกชน และหน่วยงานราชการที่ผมได้ติดต่อในเหตุการณ์ที่น้องสาวของผมถูกปฏิเสธ "ไม่รับรักษา"
น้องสาวอายุยังเด็ก 20 ต้นๆ พูดตรงๆก็มีไปเที่ยวร้านเหล้าแห่งหนึ่งเมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว
น้องอยู่ห้องตัวคนเดียว (แยกกันอยู่กับครอบครัว) ช่วงต้นเดือนก็มีอาการที่ทำให้ครอบครัวสับสน เช่น
1. ไข้สูง 39 องศาแค่ครึ่งวัน จากนั้นตัวเย็นเฉียบ
ถึงจะสับสน แต่ก็ต้องกันไว้ก่อน ในวันรุ่งขึ้นรีบพาน้องตรวจโควิดหาที่ยืนยันทันที เลือกของ รพ.เอกชน A อยากได้ผลเร็วๆ และแม่นยำ แต่ก็ไม่ได้รับผลตรวจในทันที ต้องกลับบ้านเพื่อรอฟังผล
ในจังหวะที่กำลังรอผลอยู่ที่คอนโด ในวันรุ่งขึ้นน้องสาวมีอาการเพิ่มเติมดังนี้
1. อาเจียนกระจุยกระจาย นอนอยู่ก็อาเจียน (น้องนับอาเจียนได้ 17ครั้ง ) จนไม่ไหว น้องพยายามกลืนอาเจียนตัวเองเพราะไม่อยากลุกกจากที่นอน
2. เล็บม่วง
3. ไม่มีไข้
ต้องแจ้งก่อนว่าน้องอยู่ตัวคนเดียว ฝั่งตัวผมเองยอมรับว่า ผมอยากรออีกนิดฟังผลตรวจให้แน่ชัด แล้วจะเข้าไปดูแล แต่แม่ของผมไม่ได้คิดแบบผม ลูกเป็นแบบนี้ไม่มีแม่คนไหนทนได้ แม่ผมรีบเข้าไปดูน้องสาวทันทีไม่รออะไรทั้งนั้น ผมมาคิดอีกทีมันเป็นอะไรที่ผิดมหันต์ เราไม่ควรให้ผู้สูงอายุเกิดความเสี่ยงติดเชื้อโควิดเด็ดขาด เนื่องจากอาการป่วยจะรุนแรงกว่าคนอายุน้อย ผมหรือพี่น้องควรจะเป็นฝ่ายไปดูแลน้องสาวมากกว่า แต่ผมก็สับสนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ถ้ามัวแต่รอผลตรวจโควิดแล้วน้องอาการแย่ลงอีกจะทำยังไง
ครอบครัวทบทวนอาการของน้อง ยิ่งทำให้สับสนและงงงวย (แม่ผมเป็นพยาบาลก็ยังงง) มันไม่ใช่อาการโควิดที่เคยรู้จักเลย ประกอบกับการที่คิดว่า หากผ่านไปเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้รับแจ้งใดๆจาก รพ.เอกชน A เลย ก็คิดกันไปเองว่าคงไม่ได้ติดเชื้อ เพราะถ้าติดจริงเขาคงรีบแจ้งแล้ว ทางที่ดีเราก็ควรโทรไปสอบถาม (แต่การติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิด19 บอกเลยว่าช่วงนี้ ติดต่อยากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน อยากให้ทุกคนใจเย็น ๆ เพราะมีอีกหลายคนที่มีปัญหามากกว่าเรา) แต่พอโทรไปติดแล้วก็ได้คำตอบว่า "ผลยังไม่ออกเพราะมีคนมาตรวจเยอะ" ก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ ใจร้อนโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
พอแม่ไปถึง น้องสาวเห็นหน้าแม่ก็ร้องไห้ทันที น้องสาวกลัวมาก ๆ และครอบครัวผมโชคดีมากที่น้องสาวมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง ที่มาสมทบแม่ผมเพื่อดูแลน้องสาว ส่วนตัวแล้วผมยอมใจและนับถือเพื่อนน้องสาวมาก ๆ ย้อนกลับมาดูตัวเอง ผมเป็นพี่ชายแท้ ๆ แต่กลับมัวแต่คิดห่วงนั่นห่วงนี่ แต่ก็ไม่เป็นไรผมว่าเราก็ควรจะมีคนที่ไม่มีความเสี่ยงคอยทำธุระจัดการด้านอื่น ๆ ให้ ไม่ใช่ยกไปติดกันทั้งบ้าน ควรจะ Reserve ใครสักคนเอาไว้ เรามัวแต่โลเลแล้วงั้นก็อยู่ในจุดนี้ไปละกัน
พอแม่ถึงห้องน้องฝั่งผมที่อยู่ไกลก็เบาใจระดับนึง ยิ่งดูอาการแปลกๆแบบนี้ก็ไม่น่าใช่โควิดนะ แต่สุดท้ายทนไม่ไหวจริงๆ ต้องพาน้องสาวเข้ารักษาและตรวจอาการน่าสงสัยนี้ที่ รพ.เอกชน B เนื่องจากน้องสาวมีสิทธิบัตรทองอยู่ที่นั่น
รพ.เอกชน B เนี่ยแหละพีคสุด ๆ