JJNY : สถิติสยอง!3วัน62จว.│“กสิกรฯ”ห่วงโควิดซ้ำเติมครัวเรือน│สุทินเชื่อส.ว.ยื้อพ.ร.บ.ประชามติ│ตู่ฟอร์มทีม ไร้ชื่ออนุทิน

สถิติสยอง! แค่ 3 วันลามติดแล้ว 62 จว. คลัสเตอร์ผับบาร์ป่วยมากถึง 1,016 ราย 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6309229
 

 
สถิติสยอง! แค่ 3 วันลามติดแล้ว 62 จว. ส่วนการติดเชื้อเคสผับบาร์รวม 1,016 ราย ใน 40 จังหวัด กทม.มากสุด 583 ราย ย้ำปิดผับ 41 จังหวัด และปิดเพิ่มได้ตามคำสั่ง คกก.โรคติดต่อจังหวัด
 
วันที่ 10 เม.ย.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 789 ราย มาจากระบบเฝ้าระวัง 522 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 259 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย รักษาหายเพิ่ม 33 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 31,658 ราย หายสะสม 28,161 ราย อยู่ระหว่างรักษา 3,400 ราย เสียชีวิตสะสม 97 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป้นต้นไปถือว่าเข้าสู่ระลอกใหม่ โดยเฉพาะระลอกใหม่ เม.ย. มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,795 ราย หายแล้ว 735 ราย และเสียชีวิตสะสม 3 ราย
 
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเป็นชายไทยอายุ 68 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพ โรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง อยู่ จ.นครปฐม มีอาการไข้ ไอ ต่อมาตรวจพบเชื้อ มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ เข้ารักษาตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.เป็นต้นมา การรักษาโควิดได้ผลดี ตรวจไม่พบเชื้อหลายครั้ง แต่เป็นผู้สูงอายุ มีภาวะแทรกซ้อน และเสียชีวิตจากไตวายและภาวะแทรกซ้อนอื่น อย่างไรก็ตาม ถ้ารักษาหายแล้ว ตรวจไม่พบเชื้อ นับว่าเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 หรือไม่ เคสนี้ได้นำให้คณะกรรมการด้านวิชาการตรวจสอบ สรุปว่าแม้รักษาหายแล้ว แต่อาการแทรกซ้อนเกิดจากตัวโรคโควิดก็นับว่า เสียชีวิตจากโควิด 19
 
นพ.โอภาสกล่าวว่า ในรอบ 3 วันที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อกระจาย 62 จังหวัด ซึ่งระลอก เม.ย. 2564 เกี่ยวข้องสถานบันเทิง มีการติดเชื้อแบบก้าวกระโดดเกือบทุกจังหวัดของประเทศไทย ทำให้ระลอกนี้ กทม.ติดเชื้อสูงสุด 1,058 ราย นราธิวาส 291 ราย แต่เป็นกลุ่มผู้ต้องกัก จึงไม่มีปัญหา ไม่มีการระบาดกระจายสู่ชุมชน สำหรับภาพรวมการติดเชื้อในสถานบันเทิงมีจำนวน 1,016 ราย กระจายใน 40 จังหวัด ถือว่ากระจายตัวรวดเร็ว
 
โดย กทม.สูงสุด 583 ราย สมุทรปราการ 82 ราย ชลบุรี 70 ราย ส่วนจังหวัดที่มีแหล่งสถานบันเทิงมีผู้ติดเชื้อแพร่กระจาย มี 11 จังหวัด คือ กทม. 74 แห่ง ชลบุรี 6 แห่ง เชียงใหม่ 6 แห่ง นครปฐม 2 แห่ง นครสวรรค์ 1 แห่ง นนทบุรี 3 แห่ง ปทุมธานี 6 แห่ง ประจวบคีรีขันธ์ 7 แห่ง ปราจีนบุรี 1 แห่ง สระแก้ว 3 แห่ง และอุบลราชธานี แห่ง
 
นพ.โอภาสกล่าวว่า คำสั่งในการปิดสถานบันเทิงขณะนี้มี 2 ระดับ คือ คำสั่งปิดใน 41 จังหวัดโดย ศบค. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถสั่งปิดเพิ่มเติมได้ หากเห็นการแพร่ระบาดหรือมีแนวโน้มการแพร่ระบาด ทั้งนี้ ต้องจับตาเมืองท่องเที่ยว เพราะตอนนี้เป็นเทศกาลสงกรานต์ มีการเดินทางกลับภูมิลำเนา หลายคนนำโรคไปติดต่อกระจายจังหวัดตนเอง
 
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีการระบาดเพิ่มขึ้น โดยวันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 785,896 ราย ติดเชื้อสะสม 135.2 ล้านราย โดยอินเดียมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มมากสุด 144,829 ราย แต่ประเทศที่เริ่มควบคุมโรคดี คืออังกฤษ หากเทียบกับประเทศยุโรปอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี ที่ติดเชื้อหลักหมื่นรายส่วนการเสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 13,268 คน ยอดเสียชีวิตสะสม 2.92 ล้านคน สำหรับประเทศเพื่อนบ้าน ฟิลิปปินส์ติดหลักหมื่นราย มาเลเซียประมาณ 1,800 ราย กัมพูชาติดเชื้อ 576 ราย ถือว่าค่อนข้างสูง ทั้งที่การติดเชื้อสะสมของกัมพูชาน้อยกว่าไทย 6 เท่า แต่ติดเชื้อใหม่แทบเท่าไทย
 

 
“กสิกรฯ” ห่วงโควิด “คลัสเตอร์ใหม่” ซ้ำเติมครัวเรือน จี้รัฐบาลดูแล
https://www.prachachat.net/finance/news-646633
 
“ศูนย์วิจัยกสิกรฯ” ห่วงโควิด “คลัสเตอร์ใหม่” ซ้ำเติมครัวเรือน จี้รัฐบาลเร่งออกมาตรการสร้างความเชื่อมั่น หวั่นยืดเยื้อทุบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวไม่ฟื้น
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์ว่า การครองชีพของครัวเรือนไทยเผชิญความไม่แน่นอนสูงหลังเกิดสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยสถานการณ์โควิด-19 ได้กลับมารุนแรงขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยศูนย์กลางการระบาดในครั้งนี้อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็วส่งผลให้สถานการณ์เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของครัวเรือนรวมถึงภาคธุรกิจกลับมาเผชิญความไม่แน่นอนสูงอีกครั้ง
 
ในระยะข้างหน้าภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนจะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยครัวเรือนมีแนวโน้มกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวจะส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อภาคเศรษฐกิจ ทำให้ผลสำรวจช่วงปลายเดือนมี.ค. 64 ที่พบว่าครัวเรือนไทย (KR-ECI) มีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ดีขึ้น จะไม่ได้สะท้อนภาพผลกระทบของการระบาดของไวรัสในรอบใหม่นี้ต่อภาวะการครองชีพของครัวเรือนในระยะอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า รัฐบาลควรจะต้องเร่งออกมาตรการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ครัวเรือนและภาคส่วนต่าง ๆในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความชัดเจนในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค รวมไปถึงการเร่งดำเนินการในเรื่องของวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรจำนวนมากได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
 
เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อเนิ่นนานออกไป อาจจะมีผลไม่เพียงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของครัวเรือนในประเทศเท่านั้น แต่ยังอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ที่จะเป็นความหวังในการช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้ต่อเนื่องไปยังปีหน้าอีกด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่