ถ้าคุณพบว่าตัวเองเป็นโรคร้าย คุณจะวางแผนชีวิตตัวเองยังไงต่อจากนี้

กระทู้คำถาม
เพื่อนๆจะวางแผนชีวิตยังไงกันบ้างคะ? 
จะลาออกจากงานกันมั้ยคะ?
ถ้าร่างกายไม่แข็งแล้วจะทำอาชีพอะไรต่อดีคะ?
จะยังทำตามความฝันอยู่มั้ย ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเดิม?
มีวิธีให้กำลังใจตัวเองยังไงบ้างคะ?
ตอนนี้เกิดคำถามในหัวอย่างเดียวคือ ทำไมเราต้องโชคร้ายแบบนี้ด้วย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ดิฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เป็นโรคร้ายแรงค่ะ ดิฉันเป็นมะเร็งไทรอยด์ค่ะ ตอนที่รู้ก็ตกใจค่ะ น้ำตาไหลต่อหน้าหมอตอนที่รู้ผล มันบังคับตัวเองไม่ได้อ่ะเนอะ เบลอๆงงๆ ดิฉันเริ่มด้วยการโทรหาประกันค่ะหน้าห้องตรวจนั่นแหล่ะค่ะว่าเค้าต้องการเอกสารอะไรบ้างเพื่อจะเบิกประกัน 555+++ หลังจากนั้นก็บอกหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงค่ะ

โชคดีของดิฉันหัวหน้าและทีมน่ารักมาก เค้าให้ดิฉัน WFH ค่ะ นานเท่าที่ตัวเองต้องการ มันทำให้การวางแผนการรักษาของดิฉันง่ายขึ้นค่ะ และร่างกายไม่แย่มากระหว่างการรักษาค่ะ ดังนั้นดิฉันจึงไม่ได้ลาออกเพราะลักษณะงานและความน่ารักของหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานค่ะ

ดิฉันเลือกที่จะไม่บอกคนในครอบครัวเลยยกเว้นสามีค่ะ เหตุผลเพราะดิฉันทนไม่ได้ที่จะมีคนมาคอยถาม คอยให้กำลังใจ ซึ่งมันก็สบายหู สบายใจดีนะคะ เพราะต่อให้บอกเค้าไปเราก็ไม่หาย มีแต่ทุกข์มากขึ้น เพราะต้องมาแบกรับความรู้สึกคนรอบข้างด้วย

สำหรับความฝัน ดิฉันมีแค่แผนเกษียณสุขค่ะ ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำงานเพื่อทำแผนนั้นให้สมบูรณ์ ยิ่งร่างกายเป็นแบบนี้ยิ่งอยากพักเร็วๆค่ะ

วิธีให้กำลังใจตัวเอง ดิฉันแค่คิดว่ามันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องก้าวต่อไป ร่างกายเจ็บป่วยพังๆของเราเป็นหน้าที่ของหมอที่ต้องดูแลแก้ไขไม่ใช่หน้าที่เราแล้วเราจะไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดทำไม ส่วนเรามีหน้าที่ดูแลจิตใจและร่างกายให้ดีค่ะ

ดิฉันก็เคยคิดว่าตัวเองซ๊วยยยซวยตอนที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งค่ะ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มาทราบว่าคุณแม่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ตอนรู้ก็สงสารท่านมาก เพราะเราพึ่งจะผ่านความทุกข์ทรมานจากการรักษามะเร็งมา คิดอยากตายไม่รู้ตั้งกี่ครั้งระหว่างการรักษา แต่อย่างว่าค่ะยังไงเราก็ต้องก้าวต่อไป รู้เร็วรักษาไวตั้งแต่ตอนที่ร่างกายยังแข็งแรง มองกระจกบ่อยๆ ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ปลอบตัวเอง อาจฟังดูเหมือนบ้า แต่มันทำให้ดิฉันรู้ตัวเร็วขึ้นค่ะ

ตอนนี้ที่บ้านก็มีคนเป็นมะเร็งดูแลผู้ป่วยมะเร็งค่ะ ทุกวันเรายิ้ม หัวเรา ดูแลกันค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรากำหนดค่ะ
ดิฉันไม่ได้เก่ง อดทน เข้มแข็ง ไปกว่าใคร แต่แค่รู้ตัวเร็วค่ะ

สิ่งดีๆที่ได้จากการเป็นมะเร็งของดิฉันคือ ดิฉันมองโลกแบบสบายๆขึ้นค่ะ ไม่สน ไม่แคร์ ไม่คิดเยอะ ไม่ฟังเยอะ อะไรที่ไม่ทำให้เราเบิกบาน ดิฉันไม่สนเลยค่ะ ใช้ชีวิตให้มีความสุขค่ะ

สู้ๆนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่