JJNY : 4in1 กลุ่มแคร์จี้รัฐเลิกผูกขาด│พท.ชี้วิกฤตเกิดจากรัฐผูกขาด│ผวาโควิด ธุรกิจแห่ยกเลิก-เลื่อน│รองปธ.สอท.ติดโควิด

กลุ่มแคร์ จี้ รัฐ เลิกผูกขาดเสียที ถึงเวลา “วัคซีนเสรี” ให้เอกชนนำวัคซีนดังเข้าไทยได้
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2662777


 
กลุ่มแคร์ จี้ รัฐ เลิกผูกขาดเสียที ถึงเวลา “วัคซีนเสรี” ให้เอกชนวัคซีนดังเข้าไทยได้
 
เมื่อวันที่ 7เมษายน กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่ข้อความ วิจารณ์การบริหารสถานการณ์โควิดของรัฐบาล โดย ระบุว่า 
 
เลิกผูกขาดวัคซีน ไทย(จะได้) ชนะสักที
 
สิ่งที่รัฐทำกับเรามาตลอดเวลาในช่วงที่มีการระบาดของโควิด19 คือ “การสร้างแต่ความกลัว” การสร้างความกลัวของรัฐเกิดขึ้นในหลายรูปแบบไม่ว่าจะการใช้จำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อในการสร้างสภาวะความน่าเกลียดน่ากลัวให้กับเชื้อโรค หรือ การสร้างวาทกรรม “เราชนะ หมอชนะ เราต้องชนะไปพร้อมกัน” อะไรก็ว่าไปตามสิ่งที่รัฐสร้าง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว กลับยังไม่เห็นทิศทางหรือเป้าหมายใดๆ ที่เป็นชิ้นเป็นอัน ว่าเราจะชนะเชื้อโรคมันอย่างไร ชนะมันด้วยวิธีไหน นอกจากการห้าม ห้าม ห้าม และ ห้าม แต่ไม่ได้แก้ปัญหาได้อย่าง “ตรงจุด”
 
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวาทกรรมที่ทำให้ “ผู้ป่วยโควิด” เปรียบเสมือนเป็นคนน่ารังเกียจและตัวเชื้อโรค ไม่ได้มีเพียงแค่คนสองสามคน หรือ เพียงแค่ผู้ที่ติดเชื้อโควิดเท่านั้น แต่พวกเราทุกคนต่างหากที่กำลังตกเป็นทั้งจำเลยและเป็นผู้ถูกกระทำจากรัฐ วาทกรรมความเกลียดกลัวเชื้อโรคของรัฐ นอกจากจะทำลายระบบเศรษฐกิจเพราะต้อง “หยุดเชื้อเพื่อชาติ” (แบบจำกัดการนำเข้าวัคซีน) แล้ว วาทกรรมที่รัฐสร้างยังทำให้พวกเราเกลียดกลัวกันเองด้วย
 
ไม่เพียงเท่านั้น ความกลัวที่รัฐสร้างขึ้นยังมีผลทำให้เศรษฐกิจของชาติพัง หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกมันว่า “ยิ้ม” ไม่เป็นชิ้นดี โดยเมื่อปีที่แล้ว International Monetary Fund (IMF) ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2020 ที่ผ่านมาจะหดตัวกว่า 7.1% ซึ่งเป็นอัตราการหดตัวมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากจากประเทศฟิลิปปินส์ และถ้าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นในปี 2021 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้เพียง 4.0% ซึ่งต่ำกว่าเพื่อนบ้านในอาเซียนทุกประเทศแต่เดี๋ยวก่อน! ตัวเลขนี้ คือผลกระทบการระบาดใน “ระลอกแรก” เท่านั้น
 
ดังนั้น เราสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาได้เลยว่า ไม่ใช่เชื้อโรคที่จะทำให้ประชาชนตาย แต่วาทกรรม “การ์ดอย่าตก” ที่รัฐสร้างต่างหากที่จะทำให้ประชาชนตายได้มากกว่า “เชื้อโควิด”
 
https://www.facebook.com/careorth/posts/298887681862929
 

 
เพื่อไทย ชี้ วิกฤตเกิดจากรัฐปิดกั้นวัคซีน-ผูกขาดสั่งซื้อ คนไทยรอนานกว่าจะเริ่มฉีดเข็มแรก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2663309

เพื่อไทยอัดรัฐบาลปิดกั้นวัคซีน-ผูกขาดสั่งซื้อ คนไทยต้องรอนานกว่าจะเริ่มฉีดเข็มแรก 
 
เมื่อวันที่ 7 เมษายน เพจอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทย เผยแพร่จุดยืนของพรรค ประเด็นการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดของรัฐบาล โดย ระบุว่า
 
เพราะวัคซีนล่าช้า เลยต้องผวาปิดเมืองกันอีกรอบ หลังจากรัฐบาลประกาศอนุมัติจัดซื้อวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซเนก้าจากอังกฤษ 26 ล้านโดส ในเดือนพฤศจิกายน และจัดซื้อวัคซีนโคโรนาแวค จากจีน จำนวน 1 ล้านโดส อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์
 
ข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดว่า นอกจากประเทศไทยจะจัดซื้อวัคซีนช้ากว่าประเทศอื่นๆทั่วโลกแล้ว ยังต้องรอกว่า 3 เดือนจากการจัดซื้อครั้งแรก กว่าจะได้เริ่มฉีดเข็มแรก
 
ที่ผ่านมา ประชาชนไทยจีงมีความเคลือบแคลงสงสัย
เหตุใดรัฐบาลไทยจึง “ปิดกั้น” การสั่งซื้อวัคซีนจากเจ้าอื่น
เหตุใดรัฐบาลจึงทำหน้าที่ “ผูกขาด” ในการจัดซื้อวัคซีน
เหตุใดจึงต้อง “รอ” ถึง 3 เดือน กว่าจะเริ่มฉีดวัคซีน
 
และนับตั้งแต่วัคซีนเข็มแรกจนถึง ณ วันที่ 3 เมษายน 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนทั้งประเทศได้เพียง 244,254 โดส เท่านั้น
คิดเป็น 0.4 โดส ต่อประชากร 100 คน
สิงคโปร์ฉีดไปแล้ว 26.6 โดสต่อประชากร 100 คน
อินโดนีเซีย 4.7 โดส ต่อประชากร 100 คน
มาเลเซีย 2.5 โดส ต่อประชากร 100 คน
กัมพูชา 1.8 โดส ต่อประชากร 100 คน
เมียนมา 0.7 โดส ต่อประชากร 100 คน
ลาว 0.6 โดส ต่อประชากร 100 คน
 
แพ้ประเทศเพื่อนบ้าน ถูกทิ้งห่างเป็นเท่าตัว เป็นอันดับที่ 82 ของโลก เพราะความไม่มีประสิทธิภาพ และการจัดการที่ล้มเหลวของรัฐบาล แล้วเมื่อเกิดการระบาดของโควิดรอบใหม่จากคลัสเตอร์ทองหล่อ ในห้วงเวลาที่คนไทยรอคอยที่จะได้รับวัคซีนอย่างมีความหวังที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตโดยปกติ
แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความล่าช้าของรัฐบาลที่ทำงานโดยไม่รู้จักคุณค่าของ “เวลา” ต้องมาผวาปิดเมือง เศรษฐกิจพัง ชีวิตของประชาชนต้องตกลงสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
สุดท้ายนี้ รัฐบาลต้องเร่งรับผิดชอบต่อประชาชน หยุดผูกขาดและปิดกั้นการจัดซื้อวัคซีน เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมกระจายวัคซีนให้รวดเร็วที่สุด ประชาชนจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวกับมาตรการที่ทำลายชีวิตและการทำมาหากินอีกต่อไป
 
“เวลามีค่า” คำนี้จริงแท้แน่นอน
 
ที่มา : ข้อมูลจากสถิติการฉีดวัคซีนแบบเรียลไทม์ https://ig.ft.com/coronavirus-vaccine-tracker/?areas=eue
https://www.nytimes.com/…/covid-vaccinations-tracker.html
ข้อมูลจากโครงการ Our World in Data ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในอังกฤษ https://ourworldindata.org
 
https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/4214161748616731
 

 
ผวาโควิดคลัสเตอร์ใหม่ ธุรกิจแห่ยกเลิก-เลื่อนงานอีเวนต์
https://www.prachachat.net/finance/news-644058
 
ผวาโควิด-19 “คลัสเตอร์ใหม่กรุงเทพฯ” แห่ยกเลิก/เลื่อนจัดกิจกรรม ป้องกันการแพร่ระบาด
 
วันที่ 7 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิด “คลัสเตอร์ใหม่” ของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้หลายหน่วยงานเริ่มทยอยยกเลิกการจัดกิจกรรมต่าง ๆ
 
อย่างเช่นธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ที่ประกาศเลื่อนงานแถลงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของ EXIM BANK ภายใต้การนำของ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง จากเดิมกำหนดจัดในวันที่ 8 เม.ย.นี้ออกไปก่อน โดยไม่มีกำหนด
 
ทั้งนี้ EXIM BANK ระบุว่า “ตามที่ได้ปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร EXIM BANK มีความตระหนักและห่วงใยในสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ร่วมงานทุกท่าน จึงขอแจ้งเลื่อนการจัดงาน “แถลงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของ EXIM BANK ภายใต้การนำของ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ” ในวันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ออกไปก่อน
 
เช่นเดียวกับทางสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ที่แจ้งยกเลิกการจัดแถลงข่าว “สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ประจำไตรมาส 1 ปี 2564” ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะเป็นการจัดออนไลน์ หรือเลื่อนการแถลงข่าวออกไป
 
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมแจ้งยกเลิกจัดงานงานแถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมีนาคมแบบออฟไลน์ ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยปรับเป็นการแถลงข่าวผ่านช่องทางออนไลน์แทน พร้อมยกเลิกกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ระหว่างผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ กับสื่อมวลชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่