ความลึกลับของ " Piri Reis " - แผนที่ในศตวรรษที่ 16 ที่แสดงแอนตาร์กติกาไม่มีน้ำแข็ง





ส่วนของแผนที่ Piri Reis ที่แสดงแอนตาร์กติกา  
ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของความรู้ทางภูมิศาสตร์ขั้นสูงในช่วงยุคแห่งการสำรวจครั้งใหญ่ (ค.ศ. 1400 ถึง 1550)
Cr.ภาพ Mehmetilker / Adobe Stock


ในปี 1773  James Cook นักสำรวจและทีมงานของเขาได้เดินทางผ่าน Antarctic circle เป็นครั้งแรก และได้ค้นพบดินแดนที่มีอยู่ซึ่งตอนนั้นยังคงเป็นปริศนา แม้ว่าการสำรวจของ Cook ในครั้งนี้จะเป็นการ "ค้นพบครั้งแรก" อย่างเป็นทางการของทวีป แต่แผนที่ที่ถูกค้นพบในปี 1929 กลับแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

โดยเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1929  นักเทววิทยาชาวเยอรมันชื่อ Gustav Adolf Deissmann กำลังจัดทำรายการหนังสือเก่าในห้องสมุด Topkapi Palace
ในอิสตันบูล เขาพบกระดาษที่แปลกประหลาดซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางกองวัสดุสิ่งของที่ถูกทิ้ง กระดาษแผ่นนี้เป็นหนังละมั่งที่มีแผนที่แสดงให้เห็นโครงร่างของอเมริกาใต้วาดอยู่ ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในชื่อแผนที่ " Piri Reis " (หรือที่เรียกว่า Piri Re'is) 

แผนที่นี้ถูกวาดและลงนามในปี 1513 โดยนักทำแผนที่ชาวตุรกี Hagji Ahmed Muhiddin Piri หรือที่รู้จักกันในชื่อ Piri Reis ซึ่งนอกจากจะเป็น
นักทำแผนที่แล้ว เขายังเป็นพลเรือเอกในกองทัพเรือตุรกีที่มีประสบการณ์ด้วย  Reis อ้างว่าได้ใช้แผนที่และแผนภูมิที่มีแหล่งที่มาแตกต่างกัน 20 รายการในการสร้างแผนที่นี้ซึ่งร่างขึ้นในช่วงเวลาของ Alexander the Great

เอกสารอ้างอิงในรายการเหล่านั้น รวมถึงแผนที่ Ptolemaic (แผนที่ของโลกที่รู้จักกันในกรีกศตวรรษที่ 2) 8 ฉบับ, แผนที่โปรตุเกส 4 ฉบับ, แผนที่ภาษาอาหรับ 1 ฉบับ และแผนที่ที่วาดโดย Christopher Columbus 1 ฉบับ และแม้ว่าแผนที่ที่ผิดปกติหลายแห่งจะมีอยู่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และก่อนหน้านี้
 แต่แผนที่ Piri Reis นั้นมีความโดดเด่นเนื่องจากแหล่งข้อมูลที่เป็นที่มา รวมทั้งรายละเอียดที่น่าทึ่งของโครงร่างชายฝั่งต่างๆที่ปรากฎในแผนที่

James Cook และ Piri Reis
ซึ่งนับตั้งแต่มีการค้นพบแผนที่ Piri Reis ได้กระตุ้นการโต้เถียงที่รุนแรงในโลกของการทำแผนที่ โดยเฉพาะการปรากฏตัวของสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของทวีปแอนตาร์กติกาเมื่อ 300 ปีก่อนที่จะถูกค้นพบ และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ทวีปนี้ยังเป็นมวลแผ่นดินก่อนที่มันจะถูกปกคลุมด้วยหิ้งน้ำแข็งเมื่อกว่า 6,000 ปีก่อน

การถกเถียงครั้งยิ่งใหญ่ได้รับการจุดประกายโดยศาสตราจารย์ Charles Hapgood จากมหาวิทยาลัย New Hampshire ในปี 1965 เมื่อเขาตีพิมพ์ทฤษฎีของเขาเกี่ยวกับทวีปแอนตาร์กติกาในหนังสือ " Maps of the Ancient Sea Kings " ซึ่งต่อมา เขาและทีมนักศึกษาได้ศึกษาแผนที่ Piri Reis และพบหลายสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถอธิบายได้มากมาย เช่น มีการวาดโดยใช้ Mercator Projection (โครงแผนที่รูปทรงกระบอก) ซึ่งเป็นวิธีการที่นักทำแผนที่ชาวยุโรปไม่ใช้แล้วในปลายศตวรรษที่ 16 และการรวมทวีปแอนตาร์กติกาในยุคก่อนน้ำแข็ง

โครงร่างแผนที่ทรงกระบอกถูกคิดค้นโดยนักทำแผนที่ชาวกรีก Gerardus Mercator ในปี 1569 ที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้ของโลกทรงกลม ที่มีความสามารถใช้ดาราศาสตร์และเรขาคณิตเพื่อคำนวณละติจูดและลองจิจูดได้ และการใช้ Mercator Projection บนแผนที่ Piri Reis นั้นอาจอธิบายได้จากการใช้แผนที่กรีกในการสร้างภาพวาดของเขา แต่ไม่มีคำอธิบายใดๆสำหรับการรวมทวีปแอนตาร์กติกาที่ไม่มีหิ้งน้ำแข็ง ทั้งนี้ ในสมัยนั้น Mercator Projection อาจจะแม่นยำแต่ยังไม่สมบูรณ์มากนัก จนกระทั่งมีการประดิษฐ์ chronometer ในปี 1760

สมมติฐานที่พยายามที่จะเชื่อมโยงขอบเขตล่างของแผนที่ Piri Reis ของชายฝั่งของอาร์เจนตินา Patagonia และหมู่เกาะฟอล์กแลนด์
ในขณะที่ความสำเร็จทั้งสองนี้สามารถอธิบายได้ ด้วยการใช้แผนที่แหล่งที่มาของกรีกและแผนภูมิจากยุคของ Alexander  ด้วยเหตุนี้ Hapgood จึงเสนอว่าแผนที่ Piri Reis ต้องมีพื้นฐานมาจากข้อมูลที่เก่าแก่กว่า 4,000 ก่อนคริสตศักราช ซึ่งเป็นเวลานานก่อนที่จะมีอารยธรรมที่ซับซ้อนเป็นที่รู้จัก หรือภาษาใด ๆ ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยแผนที่แนะนำทฤษฎีของอารยธรรมโบราณที่มีทักษะในการเดินเรือในมหาสมุทรของโลก และจัดทำแผนผังดินแดนที่พวกเขาไปเยือนได้อย่างแม่นยำ

Hapgood ยังแนะนำด้วยว่า การแสดงภูมิประเทศของพื้นที่ในทะเลจากชายฝั่งนั้นแม่นยำมาก จนอารยธรรมสุดยอดโบราณนี้ต้องมีความสามารถทางอากาศนอกเหนือจากความสามารถในการเดินเรือและการทำแผนที่ สิ่งนี้นำไปสู่การคาดเดาทฤษฎีอารยธรรมของมนุษย์ต่างดาว หรือทฤษฎีหนึ่งที่มีพื้นฐานมาจากเมืองแอตแลนติสที่สาบสูญ แต่ก็ไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว

ผู้ที่สงสัยในทฤษฎี Hapgood บอกว่า แผนที่แสดงชายฝั่งอเมริกาใต้ชี้ไปที่ลักษณะทางกายภาพที่ทันสมัยของชายฝั่งและบริเวณภายในประเทศ ที่รวมอยู่ในแผนที่ในศตวรรษ 16  และโต้แย้งว่า แผนที่ดังกล่าวบ่งชี้ว่าแอนตาร์กติกาและอเมริกาใต้เคยเชื่อมต่อกันที่อุรุกวัยที่ยังไม่มีอาร์เจนตินา จึงอนุมานได้ว่าสิ่งที่คิดว่าเป็นแอนตาร์กติกาบนแผนที่ Piri Reis นั้น คือส่วนล่างของทวีปอเมริกาใต้

แผนที่โลกของ Cosa (1500) คิวบาปรากฏเป็นเกาะแล้ว

 
ส่วนทฤษฎีอื่น ๆ ของ Hapgood ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเช่น ทฤษฎีการเปลี่ยนขั้ว ซึ่งเขาอ้างว่าการเปลี่ยนแนวเอียงของแกนการหมุนของโลกอย่างกะทันหันใน 9,500 ปีก่อนคริสตกาล อาจส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายของแอนตาร์กติกาไปทางใต้หลายพันไมล์ และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากกึ่งหนาวเย็นเป็นเยือกแข็ง ซึ่งหลักฐานทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเกิดขึ้นได้และอาจไม่เกิดขึ้น

ยังมีคำถามที่ทุกคนอยากรู้คือ แอนตาร์กติกาเป็นทวีปที่ถูกระบุบนแผนที่ Piri Reis จริงหรือไม่ หากแอนตาร์กติกาที่ไม่มีหิ้งน้ำแข็งปรากฏอยู่จริง งั้นแผนที่
Piri Reis อาจมีพื้นฐานมาจากเอกสารของอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ถูกค้นพบ ซึ่งสามารถมีเทคโนโลยีที่ทำให้พวกเขาเดินทางและทำแผนภูมิโลกได้อย่างแม่นยำ 

แต่หาก แอนตาร์กติกาบนแผนที่ Piri Reis นั้น คือส่วนล่างของทวีปอเมริกาใต้ (โดยไม่คำนึงถึงแหล่งที่มาที่แท้จริง) ก็อาจจะเป็นการดูถูกความสามารถของนักทำแผนที่โบราณนี้ จนกว่าจะมีการพิสูจน์อย่างสมบูรณ์เพื่อสนับสนุนทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง ข้อโต้แย้งจะยังดำเนินต่อไป








(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่