สวัสดีค่ะ เรื่องนี้จะยาวมากๆ ถ้าใครอ่านจบ ขอให้แสดงความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกันทีค่ะ เพราะ เราติดวังวนมานานเหลือเกิน
ปัญหาที่จะเล่าต่อไปนี้ มันเกิดมาตั้งแต่สมัยเราจำความได้เลย คือพ่อมีเมียน้อย เราไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อเลย ว่าเคยไปเที่ยวด้วยกัน หรือเคยกอดเรามั้ย หรือว่าเราไปไหนกับพ่อสองคนมาบ้าง ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อน้อยมากๆ ซึ่งกับแม่ก็ไม่ต่างกัน เรากินนอนอยู่กับย่า แม่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน ว่าทำไมมาอยู่กับย่าและปู่
พอโตมาประมาณ ป.2-4 เราได้มาอยู่กับแม่ จำได้ว่า ร้องไห้ทุกวัน อาจจะเป็นเพราะความเครียดที่สะสมของแม่ เรารู้สึกไม่มีความสุขเลยตอนนั้น พ่อก็เทียวมาหาแม่บ้าง แต่ทั้งคู่ไม่มีความสัมพันธ์กันทางกายแล้ว อาจจะด้วยหน้าที่ ทั้งคู่ไม่ได้หย่ากัน เพราะเรื่องทรัพย์สมบัติ พ่อกับแม่อยู่คนละจังหวัดกัน
พอจบ ป.5 พ่อเราได้ย้ายไปอยู่กับพ่อ ซึ่งมีแม่เลี้ยงอยู่ด้วย เรากับแม่เลี้ยงเข้ากันไม่ค่อยได้ ตอนขึ้นมัธยม แม่เลี้ยง กักขัง ไม่ให้ไปไหน ไปเที่ยวกับเพื่อนก็ไม่ได้ รร.ที่เราเรียน เดินไปไม่ถึง 500 เมตร ก็จะถึงห้าง ซึ่งเพื่อนๆเลิกเรียนกันก็จะไปเที่ยว ร้องคาราโอเกะ หรือเดินเล่นรอผู้ปกครองกัน แต่เรานั้นห้ามไป ถ้าไปจะถูกด่า ยึดโทรศัพท์ บอกว่า ถ้าจะไปต้องมาขออนุญาตก่อน พอเราขอ เขาก็ไม่ให้ไปอยู่ดี เราเคยหนีไป แล้วกลับมาให้ทันเขามารับ เขาก็ด่าทอว่า รู้นะว่าเราทำอะไร หรือด่าว่า

ที่เที่ยวไปโน่นนี่ ไม่มีความเป็นผู้หญิงที่ดี แบบนี้ใครจะมาเอา แล้วก็ยึดโทรศัพท์อีกเหมือนเดิม เรื่องทั้งหมดที่เกิดระหว่างเรากับแม่เลี้ยง เกิดขึ้นโดยที่พ่อไม่รู้ ถ้าถามว่า เราเคยบอกพ่อบ้างไหม เราเคยบอก แต่พ่อไม่เชื่อที่เราพูด ถ้าเราบอกว่า ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีนะ แต่แม่เลี้ยงบอกว่าเราทำ พ่อจะเชื่อแม่เลี้ยงทันที ซึ่งช่วงอายุนี้ เราก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับพ่ออยู่ดี เพราะพ่อจะไปทำงานตอนเช้า แล้วกลับค่ำเสมอ ส่วนใหญ่เราจะอยู่กับแม่เลี้ยง ในยุคนั้น msn กำลังเป็นที่นิยมในวัยรุ่น เราก็ถูกห้าม เค้าให้เหตุผลว่า เราเจอเพื่อนที่ รร อยู่แล้ว ทำไมกลับมาบ้านต้องมาคุยกันอีก ส่วนเรานั้น ก็หัวดื้อ คือแอบเค้าเล่น พอโดนจับได้ ก็ยึดโทรศัพท์ และถ้าจะใช้งานคอมพิวเตอร์ แม่เลี้ยงจะคอยนั่งเฝ้าเราอยู่ข้างๆตลอดเวลา เป็นแบบนี้จนกระทั่งจบ ม.6
เข้ามหาลัย เราได้ไปอยู่หอ เรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่เรามีความสุขที่สุด พ่อก็โทรมาคุยกับเราบ่อยๆ ช่วงชีวิตตอนนี้เอง ที่เรารู้สึกว่า พ่อรักเราบ้าง ห่วงเราบ้าง พ่อเราอยู่มหาลัย ปี 2 พ่อก็เริ่มมีปัญหากับแม่เลี้ยง ซึ่งตอนนั้น เรายังไม่รู้เรื่องมากนัก ว่าเค้ามีปัญหาเรื่องอะไรกัน ปัญหามีมาเรื่อยๆ จนถึงปี 3 ปลายๆ พ่อเกิดแยกทางกับแม่เลี้ยง ด้วยเหตุผลที่ว่า แม่เลี้ยงนอกใจ มีสามีใหม่ เรื่องกว่าจะเครียกับจบก็ยาวนานมาจนถึง เราจะจบปี 4 เหลือเวลาอีก 4-5 เดือนเราจะเรียนจบ พ่อก็บอกข่าวเรา ว่า พ่อมีน้องนะ ซึ่งที่เรารู้ตอนนั้น อายุเด็กก็ประมาณ 6-7 เดือน แต่ไม่ใช่กับแม่เลี้ยงเรา กับคนอื่น ซึ่งทางแม่ของน้อง ไม่สามารถดูแลน้องได้ จึงให้พ่อดูแล
ในตอนนั้น พ่อก็ขอให้เราดูแลน้อง เพราะน้องยังเด็กมาก พอเรียนจบ เราก็มาเลี้ยงน้องเต็มตัว งานยังไม่ได้ทำ เพราะพ่อไปทำงานเช้า กลับเย็น ไม่สามารถที่จะเลี้ยงเด็กได้ อีกอย่างตอนนั้น พ่อไม่มีใครดูแล ซักผ้า รีดผ้า หาข้าวหาน้ำให้ เราก็ดูแลเรื่องในบ้านทั้งหมดเวลาผ่านไปไม่นาน ประมาณ 1-2 ปี เราก็ได้รับรู้ว่า พ่อมีเมียใหม่ ซึ่งมีมานานตั้งแต่มีน้องแล้ว แต่เค้าไม่ใช่แม่ของเด็ก ช่วงเวลานี้เรา ก็เลี้ยงน้องมาตลอด ส่วนพ่อก็เทียวไปหาเมียของพ่อบ้าง อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพราะอยู่ค่อนข้างไกลกัน
เวลาผ่านมาจนวันนี้น้องชายเราอายุได้ 9 ขวบแล้ว ส่วนตัวเรานั้น อายุ 29 ปี แล้ว เราได้เอ่ยปากขอพ่อไปทำงานข้างนอกบ้าน เพราะเราอยู่แบบไม่มีสังคมมานานมากจริงๆ เนื่องจากว่าการเลี้ยงเด็กเล็ก ทำให้เราละไปไหนมาไหน ลำบากและเป็นห่วง เราอยากออกไปลองใช้ชีวิตดูบ้าง แต่พ่อของเราบอกว่า ยังออกไปไม่ได้หรอก ต้องรอเราแต่งงานก่อน ณ วันนี้ เรารู้สึกเหมือนโลกเราสลายเหมือนกัน ถ้าเราจะแต่งงาน เราอยากแต่งงานเพราะความรัก ความพร้อม ไม่ใช่การแต่งงานเพื่อจะออกจากบ้าน ไม่ใช่ว่าเราไม่สงสารพ่อ ถ้าเราออกไปทำงานแล้วใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน พ่อจะอยู่คนเดียว เราก็คิดเป็นห่วง
เราเลยแนะนำให้พ่อ นำภรรยาใหม่ เข้ามาดูแลพ่อแทนเรา แต่พ่อก็บอกว่า ไม่ได้ จะเอาเค้าเข้ามาอยู่ในบ้านเลยอ่ะ ไม่ได้ เดี๋ยวปู่กับย่ารู้ เขาจะมาว่าพ่อเอา
ณ ปัจจุบัน พ่อกับแม่เรา ก็ยังไม่ได้หย่ากัน เราก็บอกให้แม่รับรู้ ว่าพ่อมีเมียใหม่แล้วนะ แม่เราก็บอกให้เราขืนใจ อดทนอยู่ในบ้านต่อไปนี่แหละ เพราะกลัวเมียใหม่พ่อจะมาเอาสมบัติ เราก็บอกแม่ไป ว่าอยากจะไปทำงานข้างนอกบ้าน ไปอยู่นอกบ้าน แม่ก็บอกกับเราว่า ต้องรอจนแต่งงาน ถึงคราวนั้นค่อยมาพูดเรื่องออกจากบ้านได้
เราไม่รู้จะพูดกับใคร ให้มาเข้าใจความรู้สึกดี ขอความเห็นเพื่อนๆหน่อยได้มั้ย ? ว่าเราควรทำแบบไหน
ปัญหาครอบครัว ที่ฉันไม่รู้จะจัดการแบบไหนดี ?
ปัญหาที่จะเล่าต่อไปนี้ มันเกิดมาตั้งแต่สมัยเราจำความได้เลย คือพ่อมีเมียน้อย เราไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อเลย ว่าเคยไปเที่ยวด้วยกัน หรือเคยกอดเรามั้ย หรือว่าเราไปไหนกับพ่อสองคนมาบ้าง ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อน้อยมากๆ ซึ่งกับแม่ก็ไม่ต่างกัน เรากินนอนอยู่กับย่า แม่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน ว่าทำไมมาอยู่กับย่าและปู่
พอโตมาประมาณ ป.2-4 เราได้มาอยู่กับแม่ จำได้ว่า ร้องไห้ทุกวัน อาจจะเป็นเพราะความเครียดที่สะสมของแม่ เรารู้สึกไม่มีความสุขเลยตอนนั้น พ่อก็เทียวมาหาแม่บ้าง แต่ทั้งคู่ไม่มีความสัมพันธ์กันทางกายแล้ว อาจจะด้วยหน้าที่ ทั้งคู่ไม่ได้หย่ากัน เพราะเรื่องทรัพย์สมบัติ พ่อกับแม่อยู่คนละจังหวัดกัน
พอจบ ป.5 พ่อเราได้ย้ายไปอยู่กับพ่อ ซึ่งมีแม่เลี้ยงอยู่ด้วย เรากับแม่เลี้ยงเข้ากันไม่ค่อยได้ ตอนขึ้นมัธยม แม่เลี้ยง กักขัง ไม่ให้ไปไหน ไปเที่ยวกับเพื่อนก็ไม่ได้ รร.ที่เราเรียน เดินไปไม่ถึง 500 เมตร ก็จะถึงห้าง ซึ่งเพื่อนๆเลิกเรียนกันก็จะไปเที่ยว ร้องคาราโอเกะ หรือเดินเล่นรอผู้ปกครองกัน แต่เรานั้นห้ามไป ถ้าไปจะถูกด่า ยึดโทรศัพท์ บอกว่า ถ้าจะไปต้องมาขออนุญาตก่อน พอเราขอ เขาก็ไม่ให้ไปอยู่ดี เราเคยหนีไป แล้วกลับมาให้ทันเขามารับ เขาก็ด่าทอว่า รู้นะว่าเราทำอะไร หรือด่าว่า
เข้ามหาลัย เราได้ไปอยู่หอ เรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่เรามีความสุขที่สุด พ่อก็โทรมาคุยกับเราบ่อยๆ ช่วงชีวิตตอนนี้เอง ที่เรารู้สึกว่า พ่อรักเราบ้าง ห่วงเราบ้าง พ่อเราอยู่มหาลัย ปี 2 พ่อก็เริ่มมีปัญหากับแม่เลี้ยง ซึ่งตอนนั้น เรายังไม่รู้เรื่องมากนัก ว่าเค้ามีปัญหาเรื่องอะไรกัน ปัญหามีมาเรื่อยๆ จนถึงปี 3 ปลายๆ พ่อเกิดแยกทางกับแม่เลี้ยง ด้วยเหตุผลที่ว่า แม่เลี้ยงนอกใจ มีสามีใหม่ เรื่องกว่าจะเครียกับจบก็ยาวนานมาจนถึง เราจะจบปี 4 เหลือเวลาอีก 4-5 เดือนเราจะเรียนจบ พ่อก็บอกข่าวเรา ว่า พ่อมีน้องนะ ซึ่งที่เรารู้ตอนนั้น อายุเด็กก็ประมาณ 6-7 เดือน แต่ไม่ใช่กับแม่เลี้ยงเรา กับคนอื่น ซึ่งทางแม่ของน้อง ไม่สามารถดูแลน้องได้ จึงให้พ่อดูแล
ในตอนนั้น พ่อก็ขอให้เราดูแลน้อง เพราะน้องยังเด็กมาก พอเรียนจบ เราก็มาเลี้ยงน้องเต็มตัว งานยังไม่ได้ทำ เพราะพ่อไปทำงานเช้า กลับเย็น ไม่สามารถที่จะเลี้ยงเด็กได้ อีกอย่างตอนนั้น พ่อไม่มีใครดูแล ซักผ้า รีดผ้า หาข้าวหาน้ำให้ เราก็ดูแลเรื่องในบ้านทั้งหมดเวลาผ่านไปไม่นาน ประมาณ 1-2 ปี เราก็ได้รับรู้ว่า พ่อมีเมียใหม่ ซึ่งมีมานานตั้งแต่มีน้องแล้ว แต่เค้าไม่ใช่แม่ของเด็ก ช่วงเวลานี้เรา ก็เลี้ยงน้องมาตลอด ส่วนพ่อก็เทียวไปหาเมียของพ่อบ้าง อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพราะอยู่ค่อนข้างไกลกัน
เวลาผ่านมาจนวันนี้น้องชายเราอายุได้ 9 ขวบแล้ว ส่วนตัวเรานั้น อายุ 29 ปี แล้ว เราได้เอ่ยปากขอพ่อไปทำงานข้างนอกบ้าน เพราะเราอยู่แบบไม่มีสังคมมานานมากจริงๆ เนื่องจากว่าการเลี้ยงเด็กเล็ก ทำให้เราละไปไหนมาไหน ลำบากและเป็นห่วง เราอยากออกไปลองใช้ชีวิตดูบ้าง แต่พ่อของเราบอกว่า ยังออกไปไม่ได้หรอก ต้องรอเราแต่งงานก่อน ณ วันนี้ เรารู้สึกเหมือนโลกเราสลายเหมือนกัน ถ้าเราจะแต่งงาน เราอยากแต่งงานเพราะความรัก ความพร้อม ไม่ใช่การแต่งงานเพื่อจะออกจากบ้าน ไม่ใช่ว่าเราไม่สงสารพ่อ ถ้าเราออกไปทำงานแล้วใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน พ่อจะอยู่คนเดียว เราก็คิดเป็นห่วง
เราเลยแนะนำให้พ่อ นำภรรยาใหม่ เข้ามาดูแลพ่อแทนเรา แต่พ่อก็บอกว่า ไม่ได้ จะเอาเค้าเข้ามาอยู่ในบ้านเลยอ่ะ ไม่ได้ เดี๋ยวปู่กับย่ารู้ เขาจะมาว่าพ่อเอา
ณ ปัจจุบัน พ่อกับแม่เรา ก็ยังไม่ได้หย่ากัน เราก็บอกให้แม่รับรู้ ว่าพ่อมีเมียใหม่แล้วนะ แม่เราก็บอกให้เราขืนใจ อดทนอยู่ในบ้านต่อไปนี่แหละ เพราะกลัวเมียใหม่พ่อจะมาเอาสมบัติ เราก็บอกแม่ไป ว่าอยากจะไปทำงานข้างนอกบ้าน ไปอยู่นอกบ้าน แม่ก็บอกกับเราว่า ต้องรอจนแต่งงาน ถึงคราวนั้นค่อยมาพูดเรื่องออกจากบ้านได้
เราไม่รู้จะพูดกับใคร ให้มาเข้าใจความรู้สึกดี ขอความเห็นเพื่อนๆหน่อยได้มั้ย ? ว่าเราควรทำแบบไหน